ในการประชุมร่วมรัฐสภา เมื่อวานนี้ (2 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ขอหารือต่อที่ประชุม ถึงกรณี นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวชน โดยกล่าวหาว่า ตนให้มีการกดบัตรแทนกัน
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเป็นนักการเมือง ต้องยอมรับการตรวจสอบ แต่การกล่าวหากันลอยๆ ปราศจากหลักฐาน ทำให้คนเข้าใจผิดสับสน เพียงเพื่อให้เกิดความไม่เข้าใจต่อสาธารณะ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ปัญหาการกดบัตรแทนกัน เกิดขึ้นจากการที่มองเห็นว่า เวลา พิจารณารัฐธรรมนูญบางช่วง จากที่ตนเห็นด้วยสายตา จากสิ่งแวดล้อม เช่น ที่จอดรถไม่ครบ แต่การกดบัตรในห้องกลับครบองค์ประชุม ซึ่งนายประชา พยายามทำให้เกิดความสับสน ว่า ฝ่ายค้านก็ทำ ตนก็ทำ พร้อมกับบอกว่า หากข้อกล่าวหาไม่เป็นจริง ก็พร้อมจะขอโทษ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไปติดตามดูว่า ตกลงนายประชา กล่าวหาว่าอะไร ก็พบว่า 1. หลังจากฟังดูจากรายละเอียดของข่าวมีความกำกวม สุดท้ายไม่มีเรื่องที่ตนไปกดบัตรแทนใคร 2.ข้อหาว่า ตนใช้ให้คนอื่นกดบัตรแทน ไม่ว่าในภาพถ่ายโทรศัพท์ หรือคลิป ไม่มีภาพตนไปกดบัตรให้ใคร แต่กลับมากล่าวหาว่ามีคนมากดบัตรตน สมมุติว่ามีจริง ก็ไม่ได้เป็นความผิดกับตน เพราะพรรคประชาธิปัตย์ ชัดเจนว่า ไม่ให้มีการกดบัตรแทนกัน
ทั้งนี้ พฤติกรรมอ้างเอาภาพจากโทรทัศน์วงจรปิด ในวันที่ 14 มี.ค. โดยคลิปดังกล่าว มีความยาว 9 นาที ซึ่งตนก็มีซีดี และขอท้าให้เปิดว่า วินาทีไหน ที่มีภาพถ่ายบางจุด ที่ตนนั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายอภิสิทธิ์ กำลังชี้แจงเรื่องดังกล่าว ก็มีส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคน พยายามประท้วงไม่ให้หารือในที่ประชุม เพราะกำลังพิจารณา การแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ แต่พล.อ.ธีรเดช มีเพียร รองประธานรัฐสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวเป็นข้อตกลงระหว่าง นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ที่จะให้นายอภิสิทธิ์ ได้ชี้แจงในที่ประชุม และขอความกรุณาต่อที่ประชุม ต้องทำตามข้อตกลงที่ผู้ใหญ่ได้คุยกันโดยให้แต่ละฝ่ายได้ชี้แจง
แต่นายขจิต ไชยนิคม ส.ส. ประท้วง ว่า ขณะนี้เป็นการพิจารณารัฐธรรมนูญ ในวาระ 2 เรื่องการกดบัตรแทนกันในขณะนั้น ขอให้ระวังให้ดี เพราะอาจส่งผลให้รัฐธรรมนูญถูกตีตกไปได้
นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะไม่ตกไป เพราะขณะนี้ไม่มีเรื่องการลงมติอะไร เป็นเพียงแค่การหารือเท่านั้น จึงไม่มีปัญหาอะไร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า นายประชา พยายามหนีความรับผิดชอบ โดยอ้างว่าสงสัยโดยสุจริต และพูดกำกวม เรื่องวิทยาศาสตร์ กล้องวีดีโอ ตามเวลาที่กล่าวถึง ก็ถูกต้อง คลิป ความยาว 9 นาทีกว่า แต่ไม่มีตรงไหนจับภาพตนนั่ง มาอ้างว่าสงสัย ส่วนหลักฐานที่อ้างว่ามีการถ่ายภาพบนกล้องที่ตนนั่งอยู่ แต่พอดู ก็ไม่เห็น ไม่รู้ว่าถ่ายเมื่อไร ไม่ทราบว่านายประชา ถ่ายรูปตนวันละกี่รอบ เรื่องการแสดงตนในวันนั้น มีการลงมติ 3 ครั้ง บอกว่า ตนกดบัตรแสดงตนครั้งแรก แต่ต่อมาไม่ลงคะแนน ตนถามว่าโดยสามัญสำนึกมีเหตุผลอะไรให้คนมากดบัตรแทนตน ไม่มีเหตุจูงใจที่คนของพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องมาช่วยกดบัตร เพื่อให้องค์ประชุมครบ แต่เนื่องจากตนมีภาระกิจข้างนอก จึงไม่แน่ใจว่าจะลงมติเมื่อไร และยังได้สอบถามกับ นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งสอบถามได้
ทั้งนี้ ตนเชื่อโดยสุจริตใจว่า นายปาระชา เห็นตนออกจากห้องประชุม ดังนั้นหากจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบกรณีของตน ก็ต้องตั้งกรรมการสอบทั้งสภาด้วย เพราะมีส.ส.พรรคเพื่อไทย 2 คน ที่มีกรณีเหมือนกับตนด้วย
" เรื่องนี้ไม่ใช่การสงสัยโดยสุจริต แต่พยายายามสร้างหลักฐานเลื่อนลอย หากมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ผมก็ต้องสอบทั้งสภาด้วย เป็นนักการเมืองต้องรับผิดชอบ บอกเองว่าไม่ได้กล่าวหา แค่สงสัย ผมแก้ไขข้อสงสัยให้แล้ว ว่าไม่มีอะไรเลย มีแต่ข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย ท่านบอกว่าหากผมชี้แจงได้ก็จะขอโทษ วันนี้ผมก็เปิดโอกาสให้ขอโทษ ถ้าไม่ขอโทษผมจะไปดำเนินคดีกับท่าน และอาจขอตั้งคณะกรรมการสอบจริยธรรมด้วย แต่ถ้าขอโทษ ก็จบเรื่อง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ด้านนายประชา ชี้แจงว่า ตนมีวุฒิภาวะ และมีความรับผิดชอบ ซึ่งตนมีหลักฐานต่างๆ ทั้งผังเลขที่นั่งประชุม ยืนยันว่า ตนกลัวจริงๆ หากนายอภิสิทธิ์ จะใช้สิทธิ์ฟ้องร้องในศาล แต่การที่นายอภิสิทธิ์ เป็นบุคคลสาธารณะ การพูดไม่ได้มั่ว เรื่องที่ตนตั้งข้อสงสัยเรื่องการกดบัตรแทนกัน ขณะที่ประธานขอตรวจสอบองค์ประชุม ตนมองอยู่ แต่ไม่เห็นายอภิสิทธิ์ นั่งอยู่ในห้องประชุม เพราะปกติเราจะนั่งแถวเดียวกัน จึงอยากรู้ว่า วันนั้นนายอภิสิทธิ์ ไปอยู่ตรงไหน และหากไปดูคำสัมภาษณ์ของตนจากสื่อ ไม่มีคำไหนกล่าวหาว่า นายอภิสิทธิ์ ให้ใครกดบัตรแทน ถ้ามีไปพิสูจน์ทางศาลได้เลย แต่ตนบอกว่า เป็นแค่การสงสัยโดยสุจริต ยังไมได้กล่าวหา แค่สงสัยว่า มีใครไปกดบัตรให้หรือไม่ และตนก็ยังบอกอีกว่า ควรจะมีมาตรการป้องกันมากกว่านี้ ก็เสนอให้เก็บบัตรแสดงตนไว้เลย อย่าเสียบทิ้งไว้
" วันนั้นผมไม่เห็นนายอภิสิทธิ์ อยู่ในที่ประชุมมันเป็นความผิดของผมหรือ ทั้งนี้ สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ อธิบายมา ยังรับฟังได้ไม่เพียงพอ หากมีคณะกรรมการตรวจสอบ แล้วมีผลสรุป ผมพร้อมน้อมรับ และทำทุกอย่าง หากท่านไม่พอใจ ก็ใช้สิทธิไปฟ้องคดีออาญาต่อศาลได้เลย ผลเป็นอย่างไร ผมพร้อมปฏิบัติ ผมไม่ใช่คนหนีปัญหา เรื่องนี้ผมมั่นใจ" นายประชา กล่าว
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่อยากให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบด้วยการกล่าวอ้างลอยๆว่า สงสัยโดยสุจริต แต่ก็เห็นด้วยกับนายประชา ที่ว่า ต่อไปนี้ขอให้ประธาน สั่งเจ้าหน้าที่ว่า หากใครไม่นั่งอยู่ในห้องประชุม ให้เก็บบัตรแสดงตนออกไปเลย แล้วเมื่อจะมีการลงมติ ใครที่อยู่ ก็ค่อยมาขอเอาที่เจ้าหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หารือมีการยืดเยื้อเมื่อน.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. ขออภิปรายถึงการตรวจสอบปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสภาของคณะกรรมการตรวจสอบจริยธรรมกรณีการเสียบบัตรแทนกันของสมาชิก ที่ตนเคยนำมาเปิดเผยก่อนหน้านี้
นายนิคม ไวยรัชพานิช ส.ว.ฉะเชิงเทรา อภิปรายว่า ในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะกรรมการสอบเรื่องการกดบัตรแทนกัน ขณะนี้ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งตัวแทนจากฝ่ายค้าน รัฐบาล และ ส.ว. เพื่อกำหนดแนวทางการสอบสวน ซึ่งตนได้ทำหนังสือถึง น.ส.รสนา และนัดประชุมตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา และ น.ส.รสนา ขอเลื่อน
ทั้งนี้ การสอบสวนเป็นเรื่องของคณะกรรมการฯ อยากให้สมาชิกให้เกียรติคณะกรรมการด้วย กรณีของนายประชา ถือเป็นอีกกรณีหนึ่ง หากนายอภิสิทธิ์ และนายประชา ตกลงกัน ที่จะตั้งคณะกรรมการ จะได้ยุติ เพื่อเข้าสู่การอภิปรายใน มาตรา 291/8
น.ส.รสนา ชี้แจงว่า นายนิคม ก็ทำจดหมายเลื่อนเช่นกัน เพราะต้องทำหน้าที่ ประธานในที่ประชุมวุฒิสภา ในวันดังกล่าว และตนได้คัดค้านการตั้งคณะกรรมการ 3 ฝ่าย เพราะมี นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นกรรมการด้วย มีการกล่าวหาออกสื่อว่า จะหาข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินคดีกับตน ขณะที่ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ถูกกล่าวหา ขณะที่นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ซึ่งตนเคยร้องเรียนให้สอบจริยธรรม ส.ส.คนหนึ่ง โดยนายไพจิต ไม่ให้ความเป็นธรรมกับตน และยกคำร้อง ซึ่งตนเห็นว่า การตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องจริยธรรม แต่กลับมุ่งหมายมาเอาผิดที่ตนแทน ดังนั้นอยากให้มีการสอบเรื่องการกดบัตร ในทุกกรณี
จากนั้นนายนิพนธ์ วิสิษฐยุทธศาสตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปราย ว่า การกดบัตรแทนกัน เกี่ยวเนื่องกับการพิจารณารัฐธรรมนูญ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่สุด เป็นการใช้สิทธิโดยมิชอบตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 126 เป็นการประทำผิดกฎหมายชัดเจน และใช้สิทธิแทนกันไม่ได้ ตนในฐานะ ส.ส.เสียหาย เรื่องดังกล่าวผิดถึงกับต้องขับออกจากการเป็นส.ส. เพราะขณะนี้เรากำลังพิจารณาแก้กฎหมาย ซึ่งปล่อยไว้ไม่ได้
จากนั้นนายนิคม ลุกขึ้นชี้แจงว่า เรื่องการสอบ มีขั้นตอน คณะกรรมการพร้อมพิจารณาว่า อะไรควร หรือไม่ควรนำมาใช้เป็นหลักฐาน จึงไม่อยากให้เอาเรื่องการกดบัตรแทนกัน มาพูดกันในสภาฯ ขอให้เชื่อมั่นในคณะกรรมการฯ ด้วย
ด้านนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ลุกขึ้นอภิปรายว่า ขอฝากว่า คณะกรรมการที่สอบนั้น มีนัยยะ ผู้ร้องมีสิทธิจะเสนอ ขอให้มีการเก็บบันทึกวีดิโอทั้งหมด และคอมพิวเตอร์เพื่อพิสูจน์กันว่า ใครบัตรกดที่ไหน เวลาเท่าไร
จากนั้น น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนต่อสู้เรื่องนี้มาสิบกว่าปี พูดในพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ใครที่ไม่กดบัตรตนเอง พร้อมจะจัดการ เพราะไม่ต้องการให้มีใครทำผิดกฎหมาย กินเงินเดือนเป็นแสน แต่กลับขี้เกียจ หากตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบ ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะไม่เคยเอาผิดเรื่องจริยธรรมนักการเมืองได้เลย ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจน ดังนั้นขอให้ยกเลิกคณะกรรมการจริยธรรมไปเลย เพราะสอบมา ก็ไม่ผิด ควรจะแจ้งความดำเนินคดีไปเลย จากนั้นประธานได้ตัดบทให้เรื่องนี้จบ
** "ศิริโชค"โต้"ประชา"ใช้คลิปปลอม
ต่อมาเวลา 16.10 น. นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชิปัตย์ ได้แถลงข่าว ตอบโต้ นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ต่อกรณีนี้ว่า จากการตรวจสอบคลิปที่ นายประชา อ้างว่าได้มาในวันที่ 14 มี.ค.55 นั้น เมื่อเปรียบเทียบกับภาพในโทรศัพท์ที่นายประชาอ้างว่า ในวันดังกล่าว ไม่ตรงกัน เนื่องจาก
1. ในวันนั้นมี ส.ส.ลุกขึ้นยืนหมด ซึ่งตามปกติไม่มีส.ส.คนใดลุกขึ้นกดบัตรแสดงตน 2. ทางด้านขวาที่นายประชา อ้างว่ามี ส.ส.ใส่สูทสีเทา แต่พบว่าแถวหน้าที่ นายประชานั่งอยู่นั้น มีส.ส.ใส่สูทสีดำหมด อีกทั้งนายประชา ก็คุยโทรศัพท์มือถืออยู่
ดังนั้น จากที่ตั้งข้อสังเกตคลิปภาพของนายประชา ที่นำมาอ้าง จึงไม่ใช่คลิปภาพที่ถ่ายไว้ในวันที่ 14 มี.ค. อยากถามว่า ทำไมถึงเก็บคลิปภาพนั้นไว้นาน เหมือนรู้ล่วงหน้าว่าจะมีการกดบัตรแทนกัน
อย่างไรก็ตาม การที่ออกมาเปิดเผยเช่นนี้ คงต้องการสร้างความสับสน และดิสเครดิตทางการเมืองอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ตนได้ไปตรวจสอบข้อมูลการประชุม ก็พบว่ามี ส.ส.ขอนแก่น 2 คน ที่มีลักษณะการลงคะแนนแบบเดียวกับนายอภิสิทธิ์ แต่ทำไมไม่พูดถึงเรื่องนี้บ้าง และก่อนหน้านี้ นายประชา ก็มีพฤติกรรมไม่น่าเชื่อถืออยู่แล้ว
"ผมยังมีอีก 2 คลิปภาพ ที่ทางพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมส่งให้กับผู้ตรวจการแผ่นดินได้ดำเนินการตรวจสอบต่อไป ซึ่งเป็นภาพ 2 ส.ส.หญิง พรรคเพื่อไทย ใช้สิทธิ์กดบัตรแทนกัน โดยเป็น ส.ส.สมุทรปราการ และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อยู่ด้วย " นายศิริโชค กล่าว
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเป็นนักการเมือง ต้องยอมรับการตรวจสอบ แต่การกล่าวหากันลอยๆ ปราศจากหลักฐาน ทำให้คนเข้าใจผิดสับสน เพียงเพื่อให้เกิดความไม่เข้าใจต่อสาธารณะ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ปัญหาการกดบัตรแทนกัน เกิดขึ้นจากการที่มองเห็นว่า เวลา พิจารณารัฐธรรมนูญบางช่วง จากที่ตนเห็นด้วยสายตา จากสิ่งแวดล้อม เช่น ที่จอดรถไม่ครบ แต่การกดบัตรในห้องกลับครบองค์ประชุม ซึ่งนายประชา พยายามทำให้เกิดความสับสน ว่า ฝ่ายค้านก็ทำ ตนก็ทำ พร้อมกับบอกว่า หากข้อกล่าวหาไม่เป็นจริง ก็พร้อมจะขอโทษ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไปติดตามดูว่า ตกลงนายประชา กล่าวหาว่าอะไร ก็พบว่า 1. หลังจากฟังดูจากรายละเอียดของข่าวมีความกำกวม สุดท้ายไม่มีเรื่องที่ตนไปกดบัตรแทนใคร 2.ข้อหาว่า ตนใช้ให้คนอื่นกดบัตรแทน ไม่ว่าในภาพถ่ายโทรศัพท์ หรือคลิป ไม่มีภาพตนไปกดบัตรให้ใคร แต่กลับมากล่าวหาว่ามีคนมากดบัตรตน สมมุติว่ามีจริง ก็ไม่ได้เป็นความผิดกับตน เพราะพรรคประชาธิปัตย์ ชัดเจนว่า ไม่ให้มีการกดบัตรแทนกัน
ทั้งนี้ พฤติกรรมอ้างเอาภาพจากโทรทัศน์วงจรปิด ในวันที่ 14 มี.ค. โดยคลิปดังกล่าว มีความยาว 9 นาที ซึ่งตนก็มีซีดี และขอท้าให้เปิดว่า วินาทีไหน ที่มีภาพถ่ายบางจุด ที่ตนนั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายอภิสิทธิ์ กำลังชี้แจงเรื่องดังกล่าว ก็มีส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคน พยายามประท้วงไม่ให้หารือในที่ประชุม เพราะกำลังพิจารณา การแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ แต่พล.อ.ธีรเดช มีเพียร รองประธานรัฐสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวเป็นข้อตกลงระหว่าง นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ที่จะให้นายอภิสิทธิ์ ได้ชี้แจงในที่ประชุม และขอความกรุณาต่อที่ประชุม ต้องทำตามข้อตกลงที่ผู้ใหญ่ได้คุยกันโดยให้แต่ละฝ่ายได้ชี้แจง
แต่นายขจิต ไชยนิคม ส.ส. ประท้วง ว่า ขณะนี้เป็นการพิจารณารัฐธรรมนูญ ในวาระ 2 เรื่องการกดบัตรแทนกันในขณะนั้น ขอให้ระวังให้ดี เพราะอาจส่งผลให้รัฐธรรมนูญถูกตีตกไปได้
นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะไม่ตกไป เพราะขณะนี้ไม่มีเรื่องการลงมติอะไร เป็นเพียงแค่การหารือเท่านั้น จึงไม่มีปัญหาอะไร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า นายประชา พยายามหนีความรับผิดชอบ โดยอ้างว่าสงสัยโดยสุจริต และพูดกำกวม เรื่องวิทยาศาสตร์ กล้องวีดีโอ ตามเวลาที่กล่าวถึง ก็ถูกต้อง คลิป ความยาว 9 นาทีกว่า แต่ไม่มีตรงไหนจับภาพตนนั่ง มาอ้างว่าสงสัย ส่วนหลักฐานที่อ้างว่ามีการถ่ายภาพบนกล้องที่ตนนั่งอยู่ แต่พอดู ก็ไม่เห็น ไม่รู้ว่าถ่ายเมื่อไร ไม่ทราบว่านายประชา ถ่ายรูปตนวันละกี่รอบ เรื่องการแสดงตนในวันนั้น มีการลงมติ 3 ครั้ง บอกว่า ตนกดบัตรแสดงตนครั้งแรก แต่ต่อมาไม่ลงคะแนน ตนถามว่าโดยสามัญสำนึกมีเหตุผลอะไรให้คนมากดบัตรแทนตน ไม่มีเหตุจูงใจที่คนของพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องมาช่วยกดบัตร เพื่อให้องค์ประชุมครบ แต่เนื่องจากตนมีภาระกิจข้างนอก จึงไม่แน่ใจว่าจะลงมติเมื่อไร และยังได้สอบถามกับ นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งสอบถามได้
ทั้งนี้ ตนเชื่อโดยสุจริตใจว่า นายปาระชา เห็นตนออกจากห้องประชุม ดังนั้นหากจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบกรณีของตน ก็ต้องตั้งกรรมการสอบทั้งสภาด้วย เพราะมีส.ส.พรรคเพื่อไทย 2 คน ที่มีกรณีเหมือนกับตนด้วย
" เรื่องนี้ไม่ใช่การสงสัยโดยสุจริต แต่พยายายามสร้างหลักฐานเลื่อนลอย หากมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ผมก็ต้องสอบทั้งสภาด้วย เป็นนักการเมืองต้องรับผิดชอบ บอกเองว่าไม่ได้กล่าวหา แค่สงสัย ผมแก้ไขข้อสงสัยให้แล้ว ว่าไม่มีอะไรเลย มีแต่ข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย ท่านบอกว่าหากผมชี้แจงได้ก็จะขอโทษ วันนี้ผมก็เปิดโอกาสให้ขอโทษ ถ้าไม่ขอโทษผมจะไปดำเนินคดีกับท่าน และอาจขอตั้งคณะกรรมการสอบจริยธรรมด้วย แต่ถ้าขอโทษ ก็จบเรื่อง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ด้านนายประชา ชี้แจงว่า ตนมีวุฒิภาวะ และมีความรับผิดชอบ ซึ่งตนมีหลักฐานต่างๆ ทั้งผังเลขที่นั่งประชุม ยืนยันว่า ตนกลัวจริงๆ หากนายอภิสิทธิ์ จะใช้สิทธิ์ฟ้องร้องในศาล แต่การที่นายอภิสิทธิ์ เป็นบุคคลสาธารณะ การพูดไม่ได้มั่ว เรื่องที่ตนตั้งข้อสงสัยเรื่องการกดบัตรแทนกัน ขณะที่ประธานขอตรวจสอบองค์ประชุม ตนมองอยู่ แต่ไม่เห็นายอภิสิทธิ์ นั่งอยู่ในห้องประชุม เพราะปกติเราจะนั่งแถวเดียวกัน จึงอยากรู้ว่า วันนั้นนายอภิสิทธิ์ ไปอยู่ตรงไหน และหากไปดูคำสัมภาษณ์ของตนจากสื่อ ไม่มีคำไหนกล่าวหาว่า นายอภิสิทธิ์ ให้ใครกดบัตรแทน ถ้ามีไปพิสูจน์ทางศาลได้เลย แต่ตนบอกว่า เป็นแค่การสงสัยโดยสุจริต ยังไมได้กล่าวหา แค่สงสัยว่า มีใครไปกดบัตรให้หรือไม่ และตนก็ยังบอกอีกว่า ควรจะมีมาตรการป้องกันมากกว่านี้ ก็เสนอให้เก็บบัตรแสดงตนไว้เลย อย่าเสียบทิ้งไว้
" วันนั้นผมไม่เห็นนายอภิสิทธิ์ อยู่ในที่ประชุมมันเป็นความผิดของผมหรือ ทั้งนี้ สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ อธิบายมา ยังรับฟังได้ไม่เพียงพอ หากมีคณะกรรมการตรวจสอบ แล้วมีผลสรุป ผมพร้อมน้อมรับ และทำทุกอย่าง หากท่านไม่พอใจ ก็ใช้สิทธิไปฟ้องคดีออาญาต่อศาลได้เลย ผลเป็นอย่างไร ผมพร้อมปฏิบัติ ผมไม่ใช่คนหนีปัญหา เรื่องนี้ผมมั่นใจ" นายประชา กล่าว
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่อยากให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบด้วยการกล่าวอ้างลอยๆว่า สงสัยโดยสุจริต แต่ก็เห็นด้วยกับนายประชา ที่ว่า ต่อไปนี้ขอให้ประธาน สั่งเจ้าหน้าที่ว่า หากใครไม่นั่งอยู่ในห้องประชุม ให้เก็บบัตรแสดงตนออกไปเลย แล้วเมื่อจะมีการลงมติ ใครที่อยู่ ก็ค่อยมาขอเอาที่เจ้าหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หารือมีการยืดเยื้อเมื่อน.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. ขออภิปรายถึงการตรวจสอบปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสภาของคณะกรรมการตรวจสอบจริยธรรมกรณีการเสียบบัตรแทนกันของสมาชิก ที่ตนเคยนำมาเปิดเผยก่อนหน้านี้
นายนิคม ไวยรัชพานิช ส.ว.ฉะเชิงเทรา อภิปรายว่า ในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะกรรมการสอบเรื่องการกดบัตรแทนกัน ขณะนี้ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งตัวแทนจากฝ่ายค้าน รัฐบาล และ ส.ว. เพื่อกำหนดแนวทางการสอบสวน ซึ่งตนได้ทำหนังสือถึง น.ส.รสนา และนัดประชุมตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา และ น.ส.รสนา ขอเลื่อน
ทั้งนี้ การสอบสวนเป็นเรื่องของคณะกรรมการฯ อยากให้สมาชิกให้เกียรติคณะกรรมการด้วย กรณีของนายประชา ถือเป็นอีกกรณีหนึ่ง หากนายอภิสิทธิ์ และนายประชา ตกลงกัน ที่จะตั้งคณะกรรมการ จะได้ยุติ เพื่อเข้าสู่การอภิปรายใน มาตรา 291/8
น.ส.รสนา ชี้แจงว่า นายนิคม ก็ทำจดหมายเลื่อนเช่นกัน เพราะต้องทำหน้าที่ ประธานในที่ประชุมวุฒิสภา ในวันดังกล่าว และตนได้คัดค้านการตั้งคณะกรรมการ 3 ฝ่าย เพราะมี นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นกรรมการด้วย มีการกล่าวหาออกสื่อว่า จะหาข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินคดีกับตน ขณะที่ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ถูกกล่าวหา ขณะที่นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ซึ่งตนเคยร้องเรียนให้สอบจริยธรรม ส.ส.คนหนึ่ง โดยนายไพจิต ไม่ให้ความเป็นธรรมกับตน และยกคำร้อง ซึ่งตนเห็นว่า การตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องจริยธรรม แต่กลับมุ่งหมายมาเอาผิดที่ตนแทน ดังนั้นอยากให้มีการสอบเรื่องการกดบัตร ในทุกกรณี
จากนั้นนายนิพนธ์ วิสิษฐยุทธศาสตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปราย ว่า การกดบัตรแทนกัน เกี่ยวเนื่องกับการพิจารณารัฐธรรมนูญ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่สุด เป็นการใช้สิทธิโดยมิชอบตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 126 เป็นการประทำผิดกฎหมายชัดเจน และใช้สิทธิแทนกันไม่ได้ ตนในฐานะ ส.ส.เสียหาย เรื่องดังกล่าวผิดถึงกับต้องขับออกจากการเป็นส.ส. เพราะขณะนี้เรากำลังพิจารณาแก้กฎหมาย ซึ่งปล่อยไว้ไม่ได้
จากนั้นนายนิคม ลุกขึ้นชี้แจงว่า เรื่องการสอบ มีขั้นตอน คณะกรรมการพร้อมพิจารณาว่า อะไรควร หรือไม่ควรนำมาใช้เป็นหลักฐาน จึงไม่อยากให้เอาเรื่องการกดบัตรแทนกัน มาพูดกันในสภาฯ ขอให้เชื่อมั่นในคณะกรรมการฯ ด้วย
ด้านนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ลุกขึ้นอภิปรายว่า ขอฝากว่า คณะกรรมการที่สอบนั้น มีนัยยะ ผู้ร้องมีสิทธิจะเสนอ ขอให้มีการเก็บบันทึกวีดิโอทั้งหมด และคอมพิวเตอร์เพื่อพิสูจน์กันว่า ใครบัตรกดที่ไหน เวลาเท่าไร
จากนั้น น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนต่อสู้เรื่องนี้มาสิบกว่าปี พูดในพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ใครที่ไม่กดบัตรตนเอง พร้อมจะจัดการ เพราะไม่ต้องการให้มีใครทำผิดกฎหมาย กินเงินเดือนเป็นแสน แต่กลับขี้เกียจ หากตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบ ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะไม่เคยเอาผิดเรื่องจริยธรรมนักการเมืองได้เลย ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจน ดังนั้นขอให้ยกเลิกคณะกรรมการจริยธรรมไปเลย เพราะสอบมา ก็ไม่ผิด ควรจะแจ้งความดำเนินคดีไปเลย จากนั้นประธานได้ตัดบทให้เรื่องนี้จบ
** "ศิริโชค"โต้"ประชา"ใช้คลิปปลอม
ต่อมาเวลา 16.10 น. นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชิปัตย์ ได้แถลงข่าว ตอบโต้ นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ต่อกรณีนี้ว่า จากการตรวจสอบคลิปที่ นายประชา อ้างว่าได้มาในวันที่ 14 มี.ค.55 นั้น เมื่อเปรียบเทียบกับภาพในโทรศัพท์ที่นายประชาอ้างว่า ในวันดังกล่าว ไม่ตรงกัน เนื่องจาก
1. ในวันนั้นมี ส.ส.ลุกขึ้นยืนหมด ซึ่งตามปกติไม่มีส.ส.คนใดลุกขึ้นกดบัตรแสดงตน 2. ทางด้านขวาที่นายประชา อ้างว่ามี ส.ส.ใส่สูทสีเทา แต่พบว่าแถวหน้าที่ นายประชานั่งอยู่นั้น มีส.ส.ใส่สูทสีดำหมด อีกทั้งนายประชา ก็คุยโทรศัพท์มือถืออยู่
ดังนั้น จากที่ตั้งข้อสังเกตคลิปภาพของนายประชา ที่นำมาอ้าง จึงไม่ใช่คลิปภาพที่ถ่ายไว้ในวันที่ 14 มี.ค. อยากถามว่า ทำไมถึงเก็บคลิปภาพนั้นไว้นาน เหมือนรู้ล่วงหน้าว่าจะมีการกดบัตรแทนกัน
อย่างไรก็ตาม การที่ออกมาเปิดเผยเช่นนี้ คงต้องการสร้างความสับสน และดิสเครดิตทางการเมืองอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ตนได้ไปตรวจสอบข้อมูลการประชุม ก็พบว่ามี ส.ส.ขอนแก่น 2 คน ที่มีลักษณะการลงคะแนนแบบเดียวกับนายอภิสิทธิ์ แต่ทำไมไม่พูดถึงเรื่องนี้บ้าง และก่อนหน้านี้ นายประชา ก็มีพฤติกรรมไม่น่าเชื่อถืออยู่แล้ว
"ผมยังมีอีก 2 คลิปภาพ ที่ทางพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมส่งให้กับผู้ตรวจการแผ่นดินได้ดำเนินการตรวจสอบต่อไป ซึ่งเป็นภาพ 2 ส.ส.หญิง พรรคเพื่อไทย ใช้สิทธิ์กดบัตรแทนกัน โดยเป็น ส.ส.สมุทรปราการ และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อยู่ด้วย " นายศิริโชค กล่าว