หัวหน้าประชาธิปัตย์ จี้ “ประชา” ขอโทษกลางสภา ซัดกล่าวหากดบัตรแทน ชี้ถ้าสอบก็ต้องสอบกันทั้งสภา ขู่ไม่ทำฟ้องหมิ่นแน่ เจ้าตัวโอ่เพิ่งจบดอกเตอร์ไม่พูดมั่วแน่ ปัดพูดเสียบแทนแค่ถามไปนั่งอยู่ไหน ยันสงสัยโดยสุจริต ลั่นไม่พอใจก็ไปฟ้องเอา แนะประธานเก็บบัตร ส.ส.ที่ไม่อยู่ “ธีรเดช” เบรกเพื่อไทยรุมประท้วง “รสนา” โวย กก.สอบจริยธรรมจ้องเล่นงานกลับตน
วันนี้ (2 เม.ย.) ที่รัฐสภา ในระหว่างการประชุมร่วมรัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ขอหารือต่อที่ประชุมถึงกรณีที่นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวชน โดยกล่าวหาว่าตนให้มีการกดบัตรแทนกัน อย่างไรก็ตาม ตนเป็นนักการเมืองต้องยอมรับการตรวจสอบ แต่การกล่าวหากันลอยๆ ปราศจากหลักฐาน ทำให้คนเข้าใจผิดสับสน เพียงเพื่อให้เกิดความไม่เข้าใจต่อสาธารณะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ปัญหาการกดบัตรแทนกันเกิดขึ้นจากการที่มองเห็นว่า เวลาพิจารณารัฐธรรมนูญบางช่วง จากที่ตนเห็นด้วยสายตา จากสิ่งแวดล้อม เช่น ที่จอดรถไม่ครบ แต่การกดบัตรในห้องกลับครบองค์ประชุม ซึ่งนายประชา พยายามทำให้เกิดความสับสนว่า ฝ่ายค้านก็ทำ ตนก็ทำ พร้อมกับบอกว่าหากข้อกล่าวหาไม่เป็นจริงก็พร้อมจะขอโทษ
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ตนไปติดตามดูว่าตกลงนายประชา กล่าวหาว่าอะไร ก็พบว่า 1. หลังจากฟังดูจากรายละเอียดของข่าวมีความกำกวม สุดท้ายไม่มีเรื่องที่ตนไปกดบัตรแทนใคร 2. ข้อหาว่าตนใช้ให้คนอื่นกดบัตรแทน ไม่ว่าในภาพถ่ายโทรศัพท์ หรือคลิป ไม่มีภาพตนไปกดบัตรให้ใครแต่กลับมากล่าวหาว่ามีคนมากดบัตรตน สมมติว่ามีจริงก็ไม่ได้เป็นความผิดกับตน เพราะพรรคประชาธิปัตย์ชัดเจนว่าไม่ให้มีการกดบัตรแทนกัน ทั้งนี้ พฤติกรรมอ้างเอาภาพจากโทรทัศน์วงจรปิดในวันที่ 14 มี.ค. โดยคลิปดังกล่าวมีความยาว 9 นาที ซึ่งตนก็มีซีดี และขอท้าให้เปิดว่าวินาทีไหนที่มีภาพถ่ายบางจุดที่ตนนั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายอภิสิทธิกำลังชี้แจงเรื่องดังกล่าว มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนพยายามประท้วงไม่ให้หารือในที่ประชุม เพราะกำลังพิจารณาการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ อาทิ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์
ส.ส.กทม. จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ แต่ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร รองประธานรัฐสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวเป็นข้อตกลงระหว่างนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ที่จะให้นายอภิสิทธิ์ได้ชี้แจงเรื่องนี้ในที่ประชุม และขอความกรุณาต่อที่ประชุมต้องทำตามข้อตกลงที่ผู้ใหญ่ได้คุยกัน โดยให้แต่ละฝ่ายได้ชี้แจง
แต่ นายขจิต ไชยนิคม ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประท้วงว่า ขณะนี้เป็นการพิจารณารัฐธรรมนูญในวาระ 2 เรื่องการกดบัตรแทนกันในขณะนั้นขอให้ระวังให้ดี เพราะอาจส่งผลให้รัฐธรรมนูญถูกตีตกไปได้
นายอภิสิทธิ์ยืนยันว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่ตกไป เพราะขณะนี้ไม่มีเรื่องการลงมติอะไรเป็นเพียงแค่การหารือเท่านั้น จึงไม่มีปัญหาอะไร
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า นายประชาพยายามหนีความรับผิดชอบ โดยอ้างว่าสงสัยโดยสุจริตและพูกกำกวมเรื่องวิทยาศาสตร์ กล้องวีดีโอตามเวลาที่กล่าวถึงก็ถูกต้อง คลิปความยาว 9 นาทีกว่าแต่ไม่มีตรงไหนจับภาพตนนั่ง มาอ้างว่าสงสัย ส่วนหลักฐานที่อ้างว่ามีการถ่ายภาพบนกล้องที่ตนนั่งอยู่ แต่พอดูก็ไม่เห็น ไม่รู้ว่าถ่ายเมื่อไหร่ ไม่ทราบว่านายประชา ถ่ายรูปตนวันละกี่รอบ เรื่องการแสดงตนในวันนั้นมีการลงมติ 3 ครั้ง บอกตนกดบัตรแสดงตนครั้งแรก แต่ต่อมาไม่ลงคะแนน ตนถามว่าโดยสามัญสำนึกมีเหตุผลอะไรให้คนมากดบัตรแทนตน ไม่มีเหตุจูงใจที่คนของพรรคประชาธิปัตย์จะต้องมาช่วยกดบัตรเพื่อองค์ประชุมครบ แต่เนื่องจากตนมีภารกิจข้างนอกจึงตนไม่แน่ใจจะลงมติเมื่อไหร่ และยังได้สอบถามกับนายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งสอบถามได้ ทั้งนี้ ตนเชื่อโดยสุจริตใจว่านายประชาเห็นตนออกจากห้องประชุม ดังนั้น หากจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบกรณีของตน ก็ต้องตั้งกรรมการสอบทั้งสภาด้วย เพราะมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย 2 คน ที่มี่กรณีเหมือนกับตนด้วย
“เรื่องนี้ไม่ใช่การสงสัยโดยสุจริต แต่พยายายามสร้างหลักฐานเลื่อนลอย หากมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนผมก็ต้องสอบทั้งสภาด้วย เป็นนักการเมืองต้องรับผิดชอบ บอกเองว่าไม่ได้กล่าวหา แค่สงสัย ผมแก้ไขข้อสงสัยให้แล้ว ว่าไม่มีอะไรเลย มีแต่ข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย ท่านบอกว่าหากผมชี้แจงได้ก็จะขอโทษ วันนี้ผมก็เปิดโอกาสให้ขอโทษ ถ้าไม่ขอโทษผมจะไปดำเนินคดีกับท่าน และอาจขอตั้งคณะกรรมการสอบจริยธรรมด้วย แต่ถ้าขอโทษก็จบเรื่อง” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายประชาชี้แจงว่า ตนมีวุฒิภาวะและมีความรับผิดชอบพอ ซึ่งตนมีหลักฐานต่างๆ ทั้งผังเลขที่นั่งประชุม ยืนยันว่าตนกลัวจริงๆ หากนายอภิสิทธิ์จะใช้สิทธิ์ฟ้องร้องในศาล แต่การที่นายอภิสิทธิ์เป็นบุคคลสาธารณะ การพูดไม่ได้มั่วหรือเลื่อนลอย สติสัมปะชัญญะตนมีครบ เพราะพึ่งจบระดับดอกเตอร์จากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เรื่องที่ตนตั้งข้อสงสัยเรื่องการกดบัตรแทนกันขณะที่ประธานขอตรวจสอบองค์ประชุม ตนมองอยู่แต่ไม่เห็นนายอภิสิทธิ์นั่งอยู่ในห้องประชุม เพราะปกติเราจะนั่งแถวเดียวกัน จึงอยากรู้ว่าวันนั้นนายอภิสิทธิ์ไปอยู่ตรงไหน และหากไปดูคำสัมภาษณ์ของตนจากสื่อไม่มีคำไหนกล่าวหาว่านายอภิสิทธิ์ให้ใครกดบัตรแทน ถ้ามีไปพิสูจน์ทางศาลได้เลย แต่ตนบอกว่าเป็นแค่การสงสัยโดยสุจริต ยังไมได้กล่าวหา แค่สงสัยว่ามีใครไปกดบัตรให้หรือไม่ และตนก็ยังบอกอีกว่าควรจะมีมาตรการป้องกันมากกว่านี้ก็เสนอให้เก็บบัตรแสดงตนไว้เลย อย่าเสียบทิ้งไว้
“วันนั้นผมไม่เห็นนายอภิสิทธิ์อยู่ในที่ประชุมมันเป็นความผิดของผมหรือ ทั้งนี้ สิ่งที่ท่านอภิสิทธิ์อธิบายมายังรับฟังได้ไม่เพียงพอ หากมีคณะกรรมการตรวจสอบแล้วมีผลสรุป ผมพร้อมน้อมรับและทำทุกอย่าง หากท่านไม่พอใจก็ใช้สิทธิไปฟ้องคดีออาญาต่อศาลได้เลย ผลเป็นอย่างไรผมพร้อมปฏิบัติ ผมไม่ใช่คนหนีปัญหา เรื่องนี้ผมมั่นใจ” นายประชากล่าว
ขณะที่นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่อยากให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบด้วยการกล่าวอ้างลอยๆ ว่าสงสัยโดยสุจริต แต่ก็เห็นด้วยกับนายประชา ที่ว่า ต่อไปนี้ขอให้ประธานสั่งเจ้าหน้าที่ว่า หากใครไม่นั่งอยู่ในห้องประชุมให้เก็บบัตรแสดงตนออกไปเลย แล้วเมื่อจะมีการลงมติ ใครที่อยู่ก็ค่อยมาขอเอาที่เจ้าหน้าที่
อย่างไรก็ตาม การหารือมีการยืดเยื้อเมื่อ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว. กทม. ขออภิปรายถึงการตรวจสอบปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในสภาของคณะกรรมการตรวจสอบจริยธรรมกรณีการเสียบบัตรแทนกันของสมาชิกที่ตนเคยนำมาเปิดเผยก่อนหน้านี้
นายนิคม ไวยรัชพานิช ส.ว.ฉะเชิงเทรา อภิปรายว่า ในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะกรรมการสอบเรื่องการกดบัตรแทนกัน ขณะนี้ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งตัวแทนจากฝ่ายค้าน รัฐบาล และ ส.ว.เพื่อกำหนดแนวทางการสอบสวน ซึ่งตนได้ทำหนังสือทำหนังสือถึง น.ส.รสนาและนัดประชุมตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.
ผ่านมา และ น.ส.รสนา ขอเลื่อน ทั้งนี้ การสอบสวนเป็นเรื่องของคณะกรรมการฯ อยากให้เกียรติคณะกรรมการด้วย กรณีของนายประชาถือเป็นอีกกรณีหนึ่ง หากนายอภิสิทธิ์และนายประชาตกลงกันที่จะตั้งคณะกรรมการ จะได้ยุติเพื่อเข้าสู่การอภิปรายใน มาตรา 291/8
น.ส.รสนาชี้แจงว่า นายนิคมก็ทำจดหมายเลื่อนเช่นกัน เพราะต้องทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมวุฒิสภาในวันดังกล่าว และตนได้คัดค้านการตั้งคณะกรรมการสามฝ่าย เพราะมีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นกรรมการด้วย มีการกล่าวหาออกสื่อว่าจะหาข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินคดีกับตน ขณะที่นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ก็ถูกกล่าวหา ขณะที่นายไพจิตร ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ซึ่งตนเคยร้องเรียนให้สอบจริยธรรม ส.ส.คนหนึ่ง โดยนายไพจิตร ไม่ให้ความเป็นธรรมกับตนและยกคำร้อง ซึ่งตนเห็นว่าการตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องจริยธรรม แต่กลับมุ่งหมายมาเอาผิดที่ตนแทน
ดังนั้นอยากให้มีการสอบเรื่องการกดบัตรในทุกกรณี
จากนั้น นายนิพนธ์ วิสิษฐยุทธศาสตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า การกดบัตรแทนกันเกี่ยวเนื่องกับการพิจารณารัฐธรรมนูญ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่สุด เป็นการใช้สิทธิโดยมิชอบตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 126 เป็นการประทำผิดกฎหมายชัดเจน และใช้สิทธิแทนกันไม่ได้ ตนในฐานะ ส.ส.เสียหาย เรื่องดังกล่าวผิดถึงกับต้องขับออกจากการเป็น ส.ส.เพราะขณะนี้เรากำลังพิจารณาแก้กฎหมาย ซึ่งปล่อยไม่ได้
จากนั้นนายนิคมลุกขึ้นชี้แจงว่า เรื่องการสอบมีขั้นตอน คณะกรรมการพร้อมพิจารณาว่าอะไรควรหรือไม่ควรนำมาใช้เป็นหลักฐาน จึงไม่อยากให้เอาเรื่องการกดบัตรแทนกันมาพูดกันในสภาฯ ขอให้เชื่อมั่นในคณะกรรมการฯ ด้วย
ด้าน นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ลุกขึ้นอภิปรายว่า ขอฝากว่าคณะกรรมการที่สอบนั้นมีนัย ผู้ร้องมีสิทธิจะเสนอ ขอให้มีการเก็บบันทึกวีดิโอทั้งหมดและคอมพิวเตอร์เพื่อพิสูจน์กันว่าใครบัตรกดที่ไหน เวลาเท่าไร
จากนั้น น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนต่อสู้เรื่องนี้มาสิบกว่าปี พูดในพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ใครที่ไม่กดบัตรตนเองพร้อมจะจัดการ เพราะไม่ต้องการให้มีใครทำผิดกฎหมาย กินเงินเดือนเป็นแสนแต่กลับขี้เกียจ หากตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบก็ไม่มีประโยชน์ เพราะไม่เคยจับจริยธรรมนักการเมืองได้เลย ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจน ดังนั้นขอให้ยกเลิกคณะกรรมการจริยธรรมไปเลย เพราะสอบมาก็ไม่ผิด ควรจะแจ้งความดำเนินคดีไปเลย จากนั้นประธานได้ตัดบทให้เรื่องนี้จบ