ข่าวคราวของนางสาวสมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ยังมีเป็นระยะ โดยล่าสุดเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้ยื่นคำร้องต่อสภาทนายความ เพื่อขอความช่วยเหลือ ยื่นฟ้องนางสาวพรทิพย์ ปักษานนท์ ประธาน นปช.จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งส่งอีเมลข่มขู่คุกคาม
นางสาวสมจิตต์เป็นเพียงนักข่าวหญิงตัวเล็กคนหนึ่ง ไม่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากนัก แต่กลายเป็นนักข่าวหญิงที่จรัสแสงขึ้นมา หลังจากรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้าบริหารประเทศ
ประเด็นการตั้งคำถามของนักข่าวหญิงช่อง 7 สีรายนี้ ทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์อึ้ง เพราะหลายคำถามตอบไม่ได้ เลยพาลไม่พอใจ และตามมาด้วยกระบวนการแทรกแซง ข่มขู่คุกคาม หรือแม้กระทั่งการกดดันให้ต้องตกงาน
นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่เพียงแสดงสีหน้าความไม่พอใจนางสาวสมจิตต์ เมื่อถูกซักถามถึงการบริหารงานเท่านั้น แต่ยังมีเครือข่ายองครักษ์พิทักษ์รัฐบาล ตามไปกดดันนางสาวสมจิตต์ ทั้งการใช้อำนาจรัฐแทรกแซงเข้าไปที่ช่อง 7 สี ซึ่งเป็นต้นสังกัด การส่งอีเมลผ่านเครือข่ายคนเสื้อแดงโจมตี การกีดกันไม่ทำหน้าที่สื่ออย่างอิสระ และแม้แต่การสั่งห้ามเดินทางทำข่าวร่วมคณะกับนางสาวยิ่งลักษณ์ในต่างประเทศ
กระแสความเกลียดชังนางสาวสมจิตต์ถูกปลุกเร้าในกลุ่มคนเสื้อแดง จนถึงขั้นนางสาวพรทิพย์ ปักษานนท์ ประธาน นปช.เพชรบุรี ส่งข้อความผ่านอีเมลว่า “จำหน้าหล่อนไว้นะครับ เจอที่ไหนจัดให้ด้วยนะครับ” ซึ่งเป็นข้อความแสดงความข่มขู่และคุกคาม
ตามด้วยการที่กลุ่มคนเสื้อแดงปลุกระดมมวลชน ยกขบวนเดินทางไปที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สี เพื่อกดดันให้ฝ่ายบริหารปลดนางสาวสมจิตต์
แม้จะถูกกดดันคุกคามจากทุกทิศทุกทาง แต่นางสาวสมจิตต์ไม่เคยท้อแท้ และสู้ยิบตา ตั้งแต่แจ้งความดำเนินคดีกับนางสาวพรทิพย์ ทั้งที่ประเมินไว้ล่วงหน้าว่า คดีจะถูกตัดตอนจากขั้นตอนพนักงานสอบสวน ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
เพราะตำรวจและอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง
แต่นางสาวสมจิตต์ก็ไม่ยอมถอดใจ ยื่นคำร้องต่อสภาทนายความ เพื่อฟ้องดำเนินคดีประธาน นปช.เพชรบุรี โดยยืนยันจะเอาเรื่องจนถึงที่สุด
การต่อสู้ของนางสาวสมจิตต์จะจบลงอย่างไร ไม่อาจคาดหมายได้ และอาจเป็นเพียงคลื่นกระทบฝั่ง
แต่วีรกรรมการต่อสู้ของนักข่าวหญิงตัวเล็กค่ายช่อง 7 สีรายนี้ ไม่อาจละเลยต่อการกล่าวถึง เพราะเป็นวีรกรรมที่ควรได้รับการสรรเสริญ โดยเฉพาะในวงการสื่อมวลชน
และเป็นแบบอย่างการต่อสู้อย่างเด็ดเดี่ยว ซึ่งแทบหาไม่ได้จากสื่อคนไหนหรือสื่อค่ายใดในยุคนี้
การแทรกแซง ข่มขู่คุกคามสื่อมวลชน ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ แต่เกิดขึ้นมาแทบทุกรัฐบาล และเกิดขึ้นหนักตั้งแต่รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
กระแสการแทรกแซงคุกคามสื่อ ไม่ได้ลดดีกรีลงเลย แม้นางสาวยิ่งลักษณ์ สตรีรูปสวยขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ตาม
อำนาจรัฐที่อำมหิตมวลชนเสื้อแดงที่กระเหี้ยนกระหือรือ ผลประโยชน์ต่างตอบแทนที่หอมหวน ทำให้สื่อมวลชนหลายคน และสื่อในหลายค่ายเปลี่ยนสายพันธุ์ตัวเอง จากสุนัขเฝ้าบ้านกลายเป็นสุนัขเฝ้าพ.ต.ท.ทักษิณ
สื่อบางค่ายทำตัวเป็นกระบอกเสียงให้พ.ต.ท.ทักษิณ คอยเห่าหอนปกป้องเจ้านาย สื่อบางค่ายยอมศิโรราบเจรจาเชื่อมสายสัมพันธ์กับพ.ต.ท.ทักษิณ และสื่อบางค่ายหดหัว ไม่กล้าเผชิญหน้ากับอำนาจพ.ต.ท.ทักษิณ โดยหลีกเลี่ยงการนำเสนอตีแผ่ข้อเท็จจริง
แต่นักข่าวตัวเล็กๆ ของช่อง 7 สีคนนี้ ไม่มีวันยอมก้มหัวให้ใคร ไม่ยอมสยบต่ออำนาจมือ แม้สื่อรุ่นพ่อรุ่นพี่ สื่อค่ายยักษ์ สื่อที่สร้างภาพว่ายืนหยัดรักษาอุดมการณ์ จะยอมศิโรราบก้มหัวให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์แล้วก็ตาม
และแม้มีแรงกดดันรอบด้าน แม้การทำหน้าที่จะมีความเสี่ยงภัยมากขึ้น แม้การต่อสู้แทบจะถูกโดดเดี่ยว แต่ก็จะขอสู้ยิบตา เพื่อยืดหยัดในความถูกต้อง และเพื่อแสดงให้อำนาจเถื่อนที่หมายหัวรู้ว่า ยังมีนักข่าวที่ไม่ยอมขายวิญญาณเหลืออยู่
นางสาวสมจิตต์กำลังเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ระหว่างสื่อที่หนักแน่นและแน่วแน่ในอุดมการณ์กับอำนาจรัฐที่คุกคาม โดยไม่มีวันสยบต่อความไม่ถูกต้อง ไม่หวั่นไหวต่ออำนาจมืด และไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อนักการเมืองที่เข้ามากุมอำนาจรัฐเพียงเพื่อความอยู่รอด หรือเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและลูกน้องในสังกัดเท่านั้น
ส่วนสื่อมวลชนที่สวามิภักดิ์ต่ออำนาจเพื่อผลประโยชน์ต่างตอบแทนจากอำนาจรัฐ คงไม่แตกต่างจากโจรในคราบสื่อที่สมคบคิดกับนักการเมืองร่วมกันปล้นประเทศ
ท่ามกลางความฟอนเฟะในแวดวงสื่อ ท่ามกลางกระแสสังคมที่ความสิ้นหวังต่อสื่อ และท่ามกลางอุดมการณ์สื่อที่อ่อนล้า นักข่าวหญิงตัวเล็กๆ จากช่อง 7 สี กลับลุกขึ้นมาสร้างวีรกรรมการต่อสู้กับอำนาจมืดอย่างเด็ดเดี่ยว ตบหน้าสื่อทั้งหลายที่ขายวิชาชีพเพื่อเอาตัวรอด
สื่อมวลชนรุ่นใหญ่ สื่อมวลชนที่เคยเป็นแบบอย่างของนักข่าวรุ่นน้อง สื่อค่ายใหญ่ๆ ที่คิดว่าจะยืนหยัดยึดมั่นในจุดยืนเพื่อประชาชน หันหลังให้อุดมการณ์ และซุกหัวใต้อำนาจกันแทบหมดแล้ว
แต่นักข่าวหญิงช่อง 7 สีตัวเล็กๆ คนหนึ่งกำลังประกาศให้รู้ว่า สื่อที่ดียังมีอยู่ สื่อที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ยังไม่สาบสูญ
นางสาวสมจิตต์ นวเครือสุนทร ควรอย่างยิ่งสำหรับการสดุดี แม้วีรกรรมการต่อสู้กับรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์อย่างไม่ย่อท้อ จะไม่ทำให้สื่อรุ่นพ่อรุ่นพี่หรือสื่อทั้งหลายสำนึกถึงจิตวิญญาณความเป็นสื่อที่จางหายลงไปทุกทีก็ตาม
นางสาวสมจิตต์เป็นเพียงนักข่าวหญิงตัวเล็กคนหนึ่ง ไม่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากนัก แต่กลายเป็นนักข่าวหญิงที่จรัสแสงขึ้นมา หลังจากรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้าบริหารประเทศ
ประเด็นการตั้งคำถามของนักข่าวหญิงช่อง 7 สีรายนี้ ทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์อึ้ง เพราะหลายคำถามตอบไม่ได้ เลยพาลไม่พอใจ และตามมาด้วยกระบวนการแทรกแซง ข่มขู่คุกคาม หรือแม้กระทั่งการกดดันให้ต้องตกงาน
นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่เพียงแสดงสีหน้าความไม่พอใจนางสาวสมจิตต์ เมื่อถูกซักถามถึงการบริหารงานเท่านั้น แต่ยังมีเครือข่ายองครักษ์พิทักษ์รัฐบาล ตามไปกดดันนางสาวสมจิตต์ ทั้งการใช้อำนาจรัฐแทรกแซงเข้าไปที่ช่อง 7 สี ซึ่งเป็นต้นสังกัด การส่งอีเมลผ่านเครือข่ายคนเสื้อแดงโจมตี การกีดกันไม่ทำหน้าที่สื่ออย่างอิสระ และแม้แต่การสั่งห้ามเดินทางทำข่าวร่วมคณะกับนางสาวยิ่งลักษณ์ในต่างประเทศ
กระแสความเกลียดชังนางสาวสมจิตต์ถูกปลุกเร้าในกลุ่มคนเสื้อแดง จนถึงขั้นนางสาวพรทิพย์ ปักษานนท์ ประธาน นปช.เพชรบุรี ส่งข้อความผ่านอีเมลว่า “จำหน้าหล่อนไว้นะครับ เจอที่ไหนจัดให้ด้วยนะครับ” ซึ่งเป็นข้อความแสดงความข่มขู่และคุกคาม
ตามด้วยการที่กลุ่มคนเสื้อแดงปลุกระดมมวลชน ยกขบวนเดินทางไปที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สี เพื่อกดดันให้ฝ่ายบริหารปลดนางสาวสมจิตต์
แม้จะถูกกดดันคุกคามจากทุกทิศทุกทาง แต่นางสาวสมจิตต์ไม่เคยท้อแท้ และสู้ยิบตา ตั้งแต่แจ้งความดำเนินคดีกับนางสาวพรทิพย์ ทั้งที่ประเมินไว้ล่วงหน้าว่า คดีจะถูกตัดตอนจากขั้นตอนพนักงานสอบสวน ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
เพราะตำรวจและอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง
แต่นางสาวสมจิตต์ก็ไม่ยอมถอดใจ ยื่นคำร้องต่อสภาทนายความ เพื่อฟ้องดำเนินคดีประธาน นปช.เพชรบุรี โดยยืนยันจะเอาเรื่องจนถึงที่สุด
การต่อสู้ของนางสาวสมจิตต์จะจบลงอย่างไร ไม่อาจคาดหมายได้ และอาจเป็นเพียงคลื่นกระทบฝั่ง
แต่วีรกรรมการต่อสู้ของนักข่าวหญิงตัวเล็กค่ายช่อง 7 สีรายนี้ ไม่อาจละเลยต่อการกล่าวถึง เพราะเป็นวีรกรรมที่ควรได้รับการสรรเสริญ โดยเฉพาะในวงการสื่อมวลชน
และเป็นแบบอย่างการต่อสู้อย่างเด็ดเดี่ยว ซึ่งแทบหาไม่ได้จากสื่อคนไหนหรือสื่อค่ายใดในยุคนี้
การแทรกแซง ข่มขู่คุกคามสื่อมวลชน ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ แต่เกิดขึ้นมาแทบทุกรัฐบาล และเกิดขึ้นหนักตั้งแต่รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
กระแสการแทรกแซงคุกคามสื่อ ไม่ได้ลดดีกรีลงเลย แม้นางสาวยิ่งลักษณ์ สตรีรูปสวยขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ตาม
อำนาจรัฐที่อำมหิตมวลชนเสื้อแดงที่กระเหี้ยนกระหือรือ ผลประโยชน์ต่างตอบแทนที่หอมหวน ทำให้สื่อมวลชนหลายคน และสื่อในหลายค่ายเปลี่ยนสายพันธุ์ตัวเอง จากสุนัขเฝ้าบ้านกลายเป็นสุนัขเฝ้าพ.ต.ท.ทักษิณ
สื่อบางค่ายทำตัวเป็นกระบอกเสียงให้พ.ต.ท.ทักษิณ คอยเห่าหอนปกป้องเจ้านาย สื่อบางค่ายยอมศิโรราบเจรจาเชื่อมสายสัมพันธ์กับพ.ต.ท.ทักษิณ และสื่อบางค่ายหดหัว ไม่กล้าเผชิญหน้ากับอำนาจพ.ต.ท.ทักษิณ โดยหลีกเลี่ยงการนำเสนอตีแผ่ข้อเท็จจริง
แต่นักข่าวตัวเล็กๆ ของช่อง 7 สีคนนี้ ไม่มีวันยอมก้มหัวให้ใคร ไม่ยอมสยบต่ออำนาจมือ แม้สื่อรุ่นพ่อรุ่นพี่ สื่อค่ายยักษ์ สื่อที่สร้างภาพว่ายืนหยัดรักษาอุดมการณ์ จะยอมศิโรราบก้มหัวให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์แล้วก็ตาม
และแม้มีแรงกดดันรอบด้าน แม้การทำหน้าที่จะมีความเสี่ยงภัยมากขึ้น แม้การต่อสู้แทบจะถูกโดดเดี่ยว แต่ก็จะขอสู้ยิบตา เพื่อยืดหยัดในความถูกต้อง และเพื่อแสดงให้อำนาจเถื่อนที่หมายหัวรู้ว่า ยังมีนักข่าวที่ไม่ยอมขายวิญญาณเหลืออยู่
นางสาวสมจิตต์กำลังเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ระหว่างสื่อที่หนักแน่นและแน่วแน่ในอุดมการณ์กับอำนาจรัฐที่คุกคาม โดยไม่มีวันสยบต่อความไม่ถูกต้อง ไม่หวั่นไหวต่ออำนาจมืด และไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อนักการเมืองที่เข้ามากุมอำนาจรัฐเพียงเพื่อความอยู่รอด หรือเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและลูกน้องในสังกัดเท่านั้น
ส่วนสื่อมวลชนที่สวามิภักดิ์ต่ออำนาจเพื่อผลประโยชน์ต่างตอบแทนจากอำนาจรัฐ คงไม่แตกต่างจากโจรในคราบสื่อที่สมคบคิดกับนักการเมืองร่วมกันปล้นประเทศ
ท่ามกลางความฟอนเฟะในแวดวงสื่อ ท่ามกลางกระแสสังคมที่ความสิ้นหวังต่อสื่อ และท่ามกลางอุดมการณ์สื่อที่อ่อนล้า นักข่าวหญิงตัวเล็กๆ จากช่อง 7 สี กลับลุกขึ้นมาสร้างวีรกรรมการต่อสู้กับอำนาจมืดอย่างเด็ดเดี่ยว ตบหน้าสื่อทั้งหลายที่ขายวิชาชีพเพื่อเอาตัวรอด
สื่อมวลชนรุ่นใหญ่ สื่อมวลชนที่เคยเป็นแบบอย่างของนักข่าวรุ่นน้อง สื่อค่ายใหญ่ๆ ที่คิดว่าจะยืนหยัดยึดมั่นในจุดยืนเพื่อประชาชน หันหลังให้อุดมการณ์ และซุกหัวใต้อำนาจกันแทบหมดแล้ว
แต่นักข่าวหญิงช่อง 7 สีตัวเล็กๆ คนหนึ่งกำลังประกาศให้รู้ว่า สื่อที่ดียังมีอยู่ สื่อที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ยังไม่สาบสูญ
นางสาวสมจิตต์ นวเครือสุนทร ควรอย่างยิ่งสำหรับการสดุดี แม้วีรกรรมการต่อสู้กับรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์อย่างไม่ย่อท้อ จะไม่ทำให้สื่อรุ่นพ่อรุ่นพี่หรือสื่อทั้งหลายสำนึกถึงจิตวิญญาณความเป็นสื่อที่จางหายลงไปทุกทีก็ตาม