xs
xsm
sm
md
lg

ภารกิจ ดร. โกร่ง ทลาย วังบางขุนพรหม ทุบคลังหลวงล้วงเงินออกมาใช้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลังจากส่งคนเข้าไปยึดกุมอำนาจในการกำกับดูและตลาดทุน ได้เกือบเบ็ดเสร็จร้อย เปอร์เซ็นต์ ทั้งเลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) และประธานคณะกรรมการ ก.ล.ต. เหลือเพียงตำแหน่งผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ที่ยังเป็นนายจรัมพร โชติกเสถียร เป้าหมายต่อไปของ นช. ทักษิณ ชินวัตรก็คือ แบงก์ชาติ

สามปีเศษ ก่อนหน้านี้ หลังจาก พระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย ที่แก้ไขใหม่ มีผลบังคับใช้ โดยมีเจตนารมณ์ เพื่อสร้างความเป็นอิสระจากอำนาจการเมือง ในขณะเดียวกัน ก็ให้การดำเนินงานของธนาคารแห่งประเทศไท ยมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้มากขึ้น โดยการตั้งคณะกรรมการ ธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้นมา กำกับ การทำงานของแบงก์ชาติ ในยุครัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ที่มีนายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ความพยายามส่งคนของตนเข้าไปนั่งเป็นใหญในวังบางขุนพรหม เกือบเป็นผลสำเร็จ ถึงขั้นทูลเกล้าฯ ถวาย ชื่อผู้ดำรงตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย คือ นายพรชัย นุชสุวรรณ อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง แต่เวลาผ่านไปเกือบสามเดือน ก็ไม่ทรงโปรดเกล้าฯลงมาเสียที จนเปลี่ยนรัฐบาล มาเป็นนายสมชาย วงศสวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงมีการ ขอถอนเรื่อง จากสำนักราชเลขาธิการคืนมา

ข้อผิดพลาดในตอนนั้นคือ คณะกรรมการสรรหา ประธาน และกรรมการแบงก์ชาติ ที่มีนายวิจิตร สุพินิจ เป็นประธาน หลายคน มีคุณสมบัติที่ขัดต่อกฎหมาย คือ มีผลประโยชน์หรือส่วนได่ส่วนเสียที่ขัดต่อการปฏิบัติหน้าที่ กรรมการสรรหา กล่าวคือ นายวิจิตร เป็นกรรมการธนาคารทหารไทย ในขณะนั้น นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ เป็นประธานคณะกรรมการธนาคาร ทหารไทย นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ เป็นประธานคณะกรรมการธนาคารกรุงไทย

กรรมการอีก 2 คนคือ นายนิพัทธ พุกกณะสุต ถูก ป.ป.ช. กล่าวหาว่าร่ำรวย ผิดปกติ และถูกอัยการยื่นฟ้องต่อศาลใหยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน นายสมใจนึก เองตระกูล ขณะนั้น ตกเป็นจำเลยในคดีหวยบนดิน ถูกดำเนินคดีในศาลฎีกา แผนกคดีอาญ่ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ในขณะที่บอร์ดแบงก์ชาติ ชุดแรก ที่ผ่านการสรรหาในตอนนั้น บางคน ก็มีมลทินพอๆกับ ผู้สรรหา คือ ตัวนายพรชัยเอง เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลทักษิณ และถูกดำเนินคดีหวยบนดินด้วย เข่นเดียวกับ นายวุฒิพันธ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ส่วน นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสู
สุด ถูกกล่าวหาในคดีซีทีเอ็กซ์

พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นฝ่ายค้านในต อนนั้น ได้ยื่นเรื่องต่อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้ฟ้องต่อศาลปกครอง แต่รัฐบาลตัดสินใจถอนเรื่องเสียก่อน และนายสุชาติแต่งตั้ง กรรมการสรรหาชุดใหม่ มีนายพนัส สิมะเสถียร อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน หลังจากนั้น มีการเปลี่ยนรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี นายกรณ์ จาติกวณิช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เสนอ ชื่อ ม.ร.ว. จตุมงคล โสณกุล เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ เช่นเดียวกับที่แบงก์ชาติ ก็ได้เสนอขื่อ หม่อมเต่า เช่นเดียวกัน คณะกรรมการสรรหาจึงไม่ต้องลำบากใจ เลือกหม่อมเต่า เป็นประธานแบงก์ชาติคนแรก โดย ครม. เห็นชอบ เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2552

ประธานบอร์ด แบงก์ชาติมีวาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปี และเป็นต่อได้อีก 1 วาระ หม่อมเต่าครบกำหนด สิ้นเดิอนเมษายนนี้ ต้นเดือนมกราคมปีนี้ บอร์ดแบงก์ชาติทำเรื่องให้ นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในตอนนั้น แต่งตั้ง คณะกรรมการสรรหา 7 คน แต่หลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน นายธีระชัย ถูกปรับออกจากตำแหน่ง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งมีหน้าที่ตั้งคณะกรรมการสรรหา

คณะกรรมการสรรหาชุดนี้ ซึ่งเพิ่งจะประชุมกันไปครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา มีนายพนัส เป็นประธานเหมือนครั้งที่แล้ว มีกรรมการชุดเดิมตามมาด้วย 1 คน คือ นายสวัสดิภาพ กันทาธรรม อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ อีก 5 คนคือ .นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ นายพรชัย นุชสุวรรณ นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ และนายปรีชา อรรถวิภัชน์ อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

2 ใน 5 คนนี้ คือ นายศุภรัตน์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง กับนายศิโรตม์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร เป็นที่รู้กันอยู่ว่า รับใช้ทักษิณ และคอยดูแล ไม่ให้ตระกูลชินวัตร ดามาพงศ์ เลี่ยงภาษีโดยผิดกฎหมาย อีก 2 คน คือ นายพรชัย กับนายวุฒิพันธ์ ก็เป็นคนของทักษิณ ที่เป็นว่าที่ประธาน และว่า บอร์ดแบงก์ชาติ ชุดที่ไม่โปรดเกล้าฯ มาก่อน ดังนั้น เสียงข้างมากอย่างน้อยที่สุด 4 ใน 7 ของคณะกรรมการสรรหานี้ คือ เสียงที่จะเลือกนายวีรพงษ์ รามางกูร เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติแน่นอน

การส่ง นายวีรพงษ์ เข้าไปเป็นประธานแบงก์ชาติ มันก็เหมือนส่งหมาป่า เข้าไปอยู่กับลูกแกะในวังบางขุนพรหม เพราะนายวีรพงษ์นั้น แสดงออกอย่างชัดเจน ถึงความมีอคติ ดูหมิ่น ดูถูกผู้บริหารแบงก์ชาติมาโดยตลอด เพียงเพราะว่า แบงก์ชาติ ยืนยันในการดำเนินนโยบายการเงินของตน ไม่ลดดอกเบี้ย ไม่ทำให้บาทอ่อน ตามคำแนะนำของนักเศรษฐศาสตร์ ที่รวยที่สุดในประเทศไทย อย่างนายวีรพงษ์

ที่บอกว่า นายวีรพงษ์ มีอคติ นั้น เพราะว่า หลายๆครั้ง ความเห็น ข้อมูลที่นายวีรพงษ์ให้กับสังคมนั้น เป็นเรื่องของอารมณ์มากว่าเหตุผล บางเรื่องเมื่อเวลาผ่านไป ก็พิสูจน์ว่า สิ่งที่นายวีรพงษ์ พูด ไม่เป็นความจริง

ตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2553 นายวีรพงษ์ กล่าวในงานสัมนาเรื่อง“ตั้งรับยุคค่าเงินบาทแข็งตัว โจทย์ท้าทายเศรษฐกิจไทย” ที่ สถาบันสร้างอนาคตไทยร่วมกับหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจจัดขึ้นว่า ธปท.ต้องลดมิจฉาทิฐิ ลดความอวดดี เลิกหลอกลวงประชาชน อย่าแล้งน้ำใจกับประเทศชาติ

“อาจจะเกิดวิกฤตรอบสองได้ เพราะความโง่เขลาของธปท.เพราะขณะนี้การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไม่ได้เป็นไปตามพื้นฐานทางเศรษฐกิจ การส่งออกที่ดีขึ้นก็ไม่ได้ดีจริง 3-6 เดือนข้างหน้าก็เห็นว่าเป็นอย่างไร เมื่อถึงจุดหนึ่งนักลงทุนต่างชาติรู้ว่าค่าเงินบาทแข็งเกินพื้นฐานของประเทศ แต่พวกเราไม่รู้ ถึงจุดนั้นนักลงทุนเหล่านั้นก็จะทุ่มโจมตีค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลง อาจจะกลับมาถึงระดับ 35บาทต่อดอลลาร์ก็ได้ ค่าเงินบาทกำลังจะถูกปั่นถ้าหากบาทแข็งไปถึง25 บาทต่อดอลลาร์อาจจะไปถึงวิกฤตต้มยำกุ้งได้”

นายวีระพงษ์ กล่าวต่อว่า ธปท.เห็นแก่ตัวและใจดำกับประชาชนคนไทยและประเทศชาติ เพราะผลกระทบจากค่าเงินบาทกำลังส่งผลกระทบไปทุกภาคส่วนทางเศรษฐกิจ แม้แต่ภาคอุตสาหกรรมเพราะไม่มีอุตสาหกรรมใดที่จะไม่ผลิตเพื่อการส่งออก เพราะส่งออกที่นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศถึง 90% ก็ยังได้รับผลกระทบ ขณะที่ธปท.ก็เสนอให้ซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า ไม่ใช่เอกชนไม่รู้ แต่ราคาถูกกำหนดโดยต่างประเทศ

บัดนี้ เวลาผ่านไป ปีกว่าแล้ว เศรษฐกิจไทย ไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทอย่างที่นายวีรพงษ์ทำนายไว้ การส่งออกกลับขยายตัวขึ้นด้วยซ้ำ แต่เศรษฐกิจไทยกำลังเข้าสูวิกฤติอย่างช้าๆ ในยุคที่นายวีรพงษ์ เป็นกุนซือใหญ่ด้านเศรษฐกิจนี่แหละ เมื่อไมกี่วันมานี้เอง นายวีรพงษ์เป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือว่า เลิกกลัววิกฤตต้มยำกุ้งได้แล้ว

แบงก์ชาติ ในสายตาของนายวีรพงษ์ ทำอะไรก็ผิดวันยังค่ำ วันนี้ไม่ผิด ก็ผิดเมื่อวาน เมื่สวานไม่ผิด พรุ่งนี้ก็จะผิด คณะกรรมการสรรหา จะตอบสังคมอย่างไร ถ้าเอาคนที่มีอคติกับแบงก์ชาติอย่างรุนแรง ไปเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ

ภารกิจของนายวีรพงษ์ ในการอาสา นช. ทักษิณ บุกวังบางขุนพรหมครั้งนี้ ไม่ต้องบอก ใครๆก็รู้ว่า คือ การนำทุนสำรองส่วนหนึ่งมาตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทั้งคนก่อนคือ นายธีระชัยกับ คนปัจจุบันคือ นายกิตติรัตน์ เห็นไม่ตรงกัน

รวมทั้งเรื่อง การลดดอกเบี้ย และการทำให้ค่าบาทอ่อน ซึ่งล้วนแต่สวนทางกับนโยบายของนายประสาร และผู้บริหารแบงก์ชาติในปัจจุบัน

คณะกรรมการสรรหาจะอธิบายอย่างไร ที่เอาคนที่มีความคิดเห็นสวนทางกับแบงก์ชาติ ไปเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ

คณะกรรมการ ธปท. ประกอบด้วย ประธานกรรมการคนหนึ่ง ซึ่งพระมหากษัตริย ทรงแต่งตั้ง ผู้ว่าการ รองผู้ว่าการ สาม คน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งอีก 5 คน เป็นกรรมการ

คณะกรรมการ ธปท. มีหน้าที่ ควบคุมดูแล การดำเนินงานของแบงก์ชาติ ให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยการให้ความเห็นชอบ เรื่อง งบประมาณ ผลการดำเนินงาน รวมทั้ง ประเมินผลงานโดยทั่วไปของ ผู้ว่าการ ธปท.

คณะกรรมการ ธปท. ยังมีอำนาจ กำหนดข้อบังคับ ว่าด้วยการเสนอชื่อ การคัดลือก ผู้ทรงคุณวุฒิ ใน คณะกรรมการนโยบายการเงิน คณะกรรมการนโยบยสถาบันการเงิน และคณะกรรมการระบบการชำระเงิน

นอกจากนั้น ยังมีอำนาจ การ กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับ การบริหารจัดการทรัพย์สินในทุนสำรองเงินตรา

อย่างไรก็ตาม อำนาจหน้าที่เหล่านี้ จะไม่มีความหมายเลย ถ้าผู้ว่าแบงก์ชาติไม่เห็นด้วย และเมื่อพิจารณาจากท่าทีของนายประสารที่ผ่านๆมาแล้ว เป็นเรื่องยาก ที่ นายวีรพงษ์ จะบรรลุภารกิจที่ได้รับมอบหมายมา ยกเว้นจะต้องหาเหตุปลดนายประสารให้ได้สียก่อน

พรบ.ธนาคารแห่งประเทศไทย ให้อำนาจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปลดผู้ว่าแบงก์ชาติได้ โดยคำแนะนำของคณะกรรมการ ธปท. เพราะบกพร่องใหน้าที่อย่างร้ายแรง หรือ หย่อนความสามารถ แต่ต้องแสดง เหตุผลการให้ออกอย่างชัดแจ้ง

อยู่ที่ว่า นายวีรพงษ์กล้าแนะนำหรือเปล่า
กำลังโหลดความคิดเห็น