xs
xsm
sm
md
lg

ตรึงกระแสต้านของแพง คลังชะลอขึ้นภาษี SCโวยค่าแรง300ต้นทุนพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน-กลบกระแส "แพงทั้งแผ่นดิน" คลังพับแผนขึ้นภาษี ลั่นปีนี้ไม่มีปรับแน่ หวังอุ้มค่าครองชีพพร้อมตั้งทีมศึกษาผลกระทบ ด้าน “เอสซี แอสเสท” โวยพิษค่าแรง 300 บาท ทำวัสดุราคาพุ่งพรวดดันต้นทุนก่อสร้างเพิ่ม 5-7% จ่อปรับราคาบ้านขึ้นอีก 3-5% ชะลอแผนลงทุนภูเก็ตหวั่นแผ่นดินไหว คาดยอดขายปี 55 แตะหมื่นล้าน ไตรมาสแรกกวาดแล้ว 2,500 ล้าน

จากกรณีที่รัฐบาลสั่งให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจ หามาตรการบรรเทาผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นของกลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อย นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ในส่วนของกระทรวงการคลังได้ตั้งทีมขึ้นมาพิจารณาพิจารณาข้อมูลในด้านต่างๆ แล้ว คาดว่าจะเริ่มประชุมได้นัดแรกวันที่ 30 เม.ย.นี้ โดยจะต้องพิจารณาตัวเลขข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เช่น ค่าไฟที่ปรับเพิ่มขึ้น ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าโดยสารหรือราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันส่งผลให้ผู้มีรายได้น้อยได้รับความเดือดร้อนจริงหรือไม่ โดยต้องพิจารณาบนฐานของรายได้ที่เพิ่มเป็น 300 บาทต่อวันและการปรับเงินเดือนของข้าราชการที่ผลไปแล้วด้วย

อย่างไรก็ตาม หากการเพิ่มขึ้นของค่าครองชีพหากยังสอดรับกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นในส่วนของกระทรวงการคลังก็อาจไม่จำเป็นต้องมีมาตรการใดๆ ออกมาเพิ่มเติม นอกเหนือจากมาตรการที่มีอยู่แล้ว เช่นการปรับลดภาษีน้ำมันดีเซลที่ต่ออายุไปถึงเดือน พ.ค.ก็มีแนวโน้มที่จะยืดระยะเวลาออกไปเรื่อยๆ ยังไม่มีกำหนดจนกว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันจะดีขึ้น

รวมไปถึงโครงการรถเมล์ รถไฟฟรี การใช้ไฟฟรีในระดับหนึ่งเพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชนที่มีการต่ออายุมาตรการมาเรื่อยๆนั้นก็สามารถต่ออายุออกไปได้อีก หลังจากที่มีการต่ออายุล่าสุดถึงสิ้นเดือน เม.ย.นี้ หากรัฐบาลเห็นว่าขณะนี้ประชาชนยังมีความเดือดร้อนและมีภาระค่าใช้จ่ายสูงขึ้นซึ่งก็จะเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้มีรายได้น้อยไปได้ในระดับหนึ่ง

นอกจากนั้น การที่กระทรวงการคลังยังไม่นำการปรับขึ้นภาษีออกมาใช้ในช่วงนี้ก็เป็นการไม่ซ้ำเติมด้วยการเพิ่มภาระให้ประชาชนแล้ว เช่น การปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มที่จะครบกำหนดในเดือน ก.ย.นี้ก็จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้คงอัตราการจัดเก็บที่ระดับ 7% ต่อไปอีก ส่วนมาตรการภาษีอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการปรับขึ้นก็จะไม่มีในปีนี้อย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงการปรับโครงสร้างภาษีว่า นโยบายภาษีตอนนี้คงไม่ขึ้นภาษีอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องไปแตะภาษีอะไรเลยรัฐบาลก็จะมีรายได้ถึงเป้าได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีวันขึ้นภาษีในอนาคตเลย ตอนนี้ไม่มีการขึ้นภาษีอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าปีหน้าจะขึ้นก็เป็นเรื่องอนาคต ส่วนเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ยังไม่ได้ขึ้นตอนนี้ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงว่าคนรวยจะเสียภาษีเพิ่มขึ้น แต่ต้องการดูชัดๆ ว่าภาษีที่ดินที่เพิ่มขึ้นจะไปกระทบคนจำนวนหนึ่งที่อาจไม่ใช่คนรวยแต่ต้องโดนด้วย ขอดูให้แน่ๆก่อนว่ามีใครที่ได้รับผลกระทบบ้าง สำหรับภาษีเหล้าบุหรี่นั้น ตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน ถ้าจำเป็นเมื่อไรก็เมื่อนั้น

***SCโวยค่าแรง300ดันต้นทุนบ้านพุ่ง

ร.อ.กรี เดชชัย ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า บริษัทได้รับผลกระทบจากนโยบายประชานิยมของรัฐบาลจากการปรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับขึ้นเกือบทุกหมวด รวมไปถึงราคาน้ำมัน ส่งผลให้ต้นทุนก่อสร้างปรับขึ้นเฉลี่ย 5-7% ทำให้บริษัทฯต้องปรับราคาบ้านและคอนโดมิเนียมขึ้นอีกเฉลี่ย 3-5% โดยจะเริ่มขยับราคาขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้

อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นราคาสินค้าไม่สามารถขึ้นได้เท่ากับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้การขึ้นราคาสินค้ายังขึ้นอยู่กับการแข่งขันในย่านนั้นๆ ด้วยว่ามีการแข่งขันมากน้อยเพียงใด กล่าวคือหากการแข่งขันน้อย จำนวนสินค้าเหลือน้อยก็จะทำให้การปรับขึ้นราคาไม่กระทบกับยอดขาย แต่หากเป็นทำเลที่มีการแข่งขันสูง หรือมีสต๊อกเหลือขายในตลาดจำนวนมาก ก็ไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้ เพราะลูกค้าอาจไปซื้อสินค้าจากบริษัทอื่นได้

นอกจากนี้บริษัทฯยังได้ปรับแผนการพัฒนาโครงการในโซนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า อาทิ โครงการ ไลฟ์บางกอก ราชพฤกษ์ พระราม 5 เนื้อที่ 100 ไร่ ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ บริษัทได้ทำการถมที่ดินให้สูงขึ้นจากถนนทั้งโครงการสูง 1.50 เมตร ส่งผลให้ราคาบ้านเพิ่มสูงขึ้น 1.2 แสนบาท/ยูนิต จากเดิมที่ราคา 5 ล้านบาท/ยูนิต

สำหรับในปีนี้บริษัทฯมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ 16 โครงการ มูลค่ารวม 1.7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 12 โครงการ ซึ่งจะมีทั้งโครงการบ้านเดี่ยวระดับพรีเมียม ทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิศ รวมมูลค่า 11,800 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 4 โครงการ เป็นโครงการรวมมูลค่า 5,700 ล้านบาท โดยในส่วนของไตรมาสแรกที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้ว 4 โครงการ ซึ่งได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี

ส่วนการพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดนั้นปีนี้จะเป็นปีแรกที่บริษัทเริ่มลงทุน โดยโครงการแรก คือโครงการเดอะเครสท์ ซานโตรา หัวหิน ซ.7 พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมสูง 4 ชั้น 10 อาคาร บนพื้นที่ 11 ไร่ จำนวน 171 นิต ขนาด 45.5 ตร.ม. ราคาขายเฉลี่ย 1 แสนบาทต่อตร.ม.หรือเริ่มต้น 4.5 ล้านบาท และห้องชุดพูลวิลล่า จำนวน 10 ยูนิต ขนาด 75 ตร.ม. ขึ้นไป ราคาเริ่มต้น 30 ล้านบาทขึ้นไป 

นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบติดชายทะเลชะอำในต้นปีหน้า บนเนื้อที่ 52 ไร่มูลค่าโครงการ 1,350 จะพัฒนาเป็นบ้านพักตากอากาศจำนวน 171 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 7 ล้านบาทขึ้นไป และยังอยู่ระหว่างการหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการในบริเวณชะอำเพิ่มเติมอีกในอนาคต

ขณะเดียวกันยังมีแผนจะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมที่พัทยาเหนือบริเวณ ถนนสาย 2 ในต้นปีหน้า ราคาขายเริ่มต้น 5 ล้านบาทต่อยูนิต ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 7 หมื่นบาทต่อตร.ม. ก่อสร้างเป็นอาคารสูง 40 ชั้น มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้บริษัทฯเตรียมที่จะไปพัฒนาโครงการในจังหวัดภูเก็ต โดยออยู่ระหว่างหาที่ดิน แต่จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมา ทำให้ต้องชะลอการลงทุนออกไปก่อน

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ทำยอดขายได้ 2,500 ล้านบาท เติบโต 90% เมื่อเทียบกับปีก่อนในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นยอดขายจากคอนโดมิเนียม 50% ทำให้มั่นใจว่ายอดขายปี 55 ของบริษัทจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 10,000 ล้านบาท.
กำลังโหลดความคิดเห็น