มีจดหมายจากวชิราวุธวิทยาลัย เชิญให้สมัครเข้ารับตำแหน่งผู้บังคับการ เพราะวาระการดำรงตำแหน่งของผู้บังคับการคนปัจจุบันหมดลง สมัยก่อนผู้บังคับการไม่มีวาระการดำรงตำแหน่งพระยาภะรตราชา และดร.กัลย์ อิศรเสนา ณ อยุธยา อยู่ในตำแหน่งจนถึงอสัญกรรม พระยาภะรตราชาอายุ 89 ปี ส่วนบุตรชายท่านคือ ดร.กัลย์ อายุ 85 ปี
ต่อมาเมื่อผมไปเป็นผู้บังคับการ ผมเห็นว่าควรมีการกำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง คราวละ 5 ปี ผมอยู่สองวาระคิดว่าอายุ 62 แล้ว ควรเปิดโอกาสให้คนหนุ่มมาทำงานแทนบ้าง จึงได้ลาออก
ตำแหน่งผู้บังคับการโรงเรียนนี้มีอยู่แห่งเดียว สมัยก่อนโรงเรียนมหาดเล็กหลวงเหมือนกรมทหาร นักเรียนอยู่ประจำ มีผู้กำกับคณะก็เหมือนกับกองพัน ผู้บังคับการจึงเท่ากับผู้บังคับการกรม ผู้บังคับการนี้แต่ก่อนภาษาอังกฤษใช้คำว่า Commandant ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น Director สำหรับโรงเรียนอื่นๆ ในอเมริกาเรียกว่า Principal ส่วนในอังกฤษเรียกว่า Headmaster เวลาพูดว่า Director ส่วนในอังกฤษเรียกว่า Headmaster เวลาพูดว่า Director ไม่มีคนเข้าใจต้องบอกว่าเป็น Headmaster
การเป็นครูใหญ่โรงเรียนประจำ มีความแตกต่างไปจากผู้อำนวยการหรือครูใหญ่โรงเรียนไปมา เพราะต้องดูแลปกครองนักเรียนตลอดเวลา ในอังกฤษครูใหญ่มีความสำคัญมาก บุคลิกภาพและอุปนิสัยใจคอของครูใหญ่มีความสำคัญ ถือเป็นอัตลักษณ์ของโรงเรียนก็ว่าได้
การเลือกสรรตัวผู้บังคับการโรงเรียน ระบุคุณสมบัติว่าควรมีอายุไม่เกิน 67 ปี ผมอายุ 68 ปี เพื่อนๆ พากันล้อว่าคงกลัวผมกลับไปสมัครอีก นอกจากนั้นก็มีการที่เคยเป็นนักเรียนประจำแบบพับลิกสกูลมาก่อน แต่เรื่องนี้ก็ไม่ถึงกับเป็นปัจจัยชี้ขาด
ตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญและมีเกียรติ น่าจะเป็นเพราะท่านเจ้าคุณภะรตท่านทำไว้ เพราะท่านอยู่ในตำแหน่งถึง 33 ปี เนื่องจากโรงเรียนมีบริเวณกว้างขวางถึง 100 ไร่ มีพนักงาน คนงาน และนักเรียน รวมแล้วก็ประมาณ 1,000 คน ผู้บังคับการจึงเปรียบเสมือนประมุขของอาณาจักรเล็กๆ เพราะโรงเรียนมีความพร้อมมูล มีโรงอาหาร โรงครัว สถานพยาบาล และที่พักอาศัย
การเป็นผู้บังคับการนั้น ต้องเป็นทั้งครู นักบริหาร และนักปกครอง ต้องมีภาวะผู้นำสูง และต้องเป็นผู้ซึ่งมีอุปนิสัยและบุคลิกภาพที่ดี ต้องรักษามารยาท การแต่งกายต้องเรียบร้อย สมัยผมอยู่ก็สวมแต่เสื้อขาว กางเกงสีทึบ สวมรองเท้าหุ้มส้นตลอดเวลา
ในสมัยใหม่นี้ การรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง การมีวิสัยทัศน์เป็นสิ่งสำคัญ การรู้ภาษาต่างประเทศก็เป็นเรื่องจำเป็น ผู้บังคับการไม่จำเป็นต้องสอนวิชาการ แต่ต้องสอนในแง่การให้โอวาทเด็กๆ เกือบทุกวัน ผู้บังคับการและภรรยาต้องพำนักอยู่ในโรงเรียน ทานอาหารจากโรงครัวเหมือนกับนักเรียน
เนื่องจากต้องดูแลเด็กอายุ 9-18 ปี ผู้บังคับการจึงต้องมีความเข้าใจเด็ก แม้จะเข้มงวดระเบียบวินัย แต่ก็ต้องมีความยืดหยุ่น สิ่งที่ต้องทำบ่อยๆ ก็คือการตัดสินใจเกี่ยวกับการลงโทษเด็ก โรงเรียนประจำแบบอังกฤษ มีวิธีการลงโทษอย่างหนึ่งที่ถือว่าเป็นโทษหนัก ก็คือ ไล่กลับบ้าน ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องยินดีเพราะเด็กอยู่ประจำ แต่ปรากฏว่าเด็กๆ กลัวถูกไล่กลับบ้านมาก ไม่รู้เป็นเพราะอยู่โรงเรียนสนุกกว่าหรืออย่างไร
แม้เรื่องระเบียบวินัยจะมีความสำคัญ แต่ถ้าแก่ระเบียบวินัยมากเกินไป โรงเรียนประจำจะกลายเป็นสถานกักกันไป เด็กๆ ก็จะไม่มีความสุข และการปกครองโดยเน้นระเบียบวินัยนั้นเป็นเรื่องง่าย ใครๆ ก็ทำได้ แม้แต่ผู้คุมนักโทษ แต่การเปิดโอกาสให้เด็กมีอิสระรู้จักคิด รู้จักรับผิดชอบการกระทำของตนเอง เป็นเรื่องยาก แต่ก็ฝึกได้
ผู้บังคับการโรงเรียนควรเป็นนักการศึกษา ติดตามความก้าวหน้าของนวัตกรรมทางการศึกษา และมุ่งเน้นการพัฒนาครู และความก้าวหน้าทางวิชาการ สอนให้เด็กรู้จักปกครองตนเอง และปกครองกันเอง ต้องเด็ดขาดในการป้องกันและปรามการรังแกเด็ก สรุปแล้วก็หมายความว่าต้องใช้เวลาวันละ 24 ชั่วโมงในการดูแลเด็ก ซึ่งในสมัยนี้ต้องรวมไปถึงการมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ปกครองด้วย
เสียดายที่ผมอายุ 68 ปี หากอายุ 67 ปี ก็อยากลองกลับไปเป็นผู้บังคับการอีก ที่ผมออกมาไม่ใช่เพราะเบื่องาน แต่อยากเปิดโอกาสให้คนอื่นบ้าง เพื่อนๆ เด็กๆ และผู้ปกครองพากันพูดว่า ผมตัดสินใจผิดพลาดที่ออกมาก่อน
ต่อมาเมื่อผมไปเป็นผู้บังคับการ ผมเห็นว่าควรมีการกำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง คราวละ 5 ปี ผมอยู่สองวาระคิดว่าอายุ 62 แล้ว ควรเปิดโอกาสให้คนหนุ่มมาทำงานแทนบ้าง จึงได้ลาออก
ตำแหน่งผู้บังคับการโรงเรียนนี้มีอยู่แห่งเดียว สมัยก่อนโรงเรียนมหาดเล็กหลวงเหมือนกรมทหาร นักเรียนอยู่ประจำ มีผู้กำกับคณะก็เหมือนกับกองพัน ผู้บังคับการจึงเท่ากับผู้บังคับการกรม ผู้บังคับการนี้แต่ก่อนภาษาอังกฤษใช้คำว่า Commandant ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น Director สำหรับโรงเรียนอื่นๆ ในอเมริกาเรียกว่า Principal ส่วนในอังกฤษเรียกว่า Headmaster เวลาพูดว่า Director ส่วนในอังกฤษเรียกว่า Headmaster เวลาพูดว่า Director ไม่มีคนเข้าใจต้องบอกว่าเป็น Headmaster
การเป็นครูใหญ่โรงเรียนประจำ มีความแตกต่างไปจากผู้อำนวยการหรือครูใหญ่โรงเรียนไปมา เพราะต้องดูแลปกครองนักเรียนตลอดเวลา ในอังกฤษครูใหญ่มีความสำคัญมาก บุคลิกภาพและอุปนิสัยใจคอของครูใหญ่มีความสำคัญ ถือเป็นอัตลักษณ์ของโรงเรียนก็ว่าได้
การเลือกสรรตัวผู้บังคับการโรงเรียน ระบุคุณสมบัติว่าควรมีอายุไม่เกิน 67 ปี ผมอายุ 68 ปี เพื่อนๆ พากันล้อว่าคงกลัวผมกลับไปสมัครอีก นอกจากนั้นก็มีการที่เคยเป็นนักเรียนประจำแบบพับลิกสกูลมาก่อน แต่เรื่องนี้ก็ไม่ถึงกับเป็นปัจจัยชี้ขาด
ตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญและมีเกียรติ น่าจะเป็นเพราะท่านเจ้าคุณภะรตท่านทำไว้ เพราะท่านอยู่ในตำแหน่งถึง 33 ปี เนื่องจากโรงเรียนมีบริเวณกว้างขวางถึง 100 ไร่ มีพนักงาน คนงาน และนักเรียน รวมแล้วก็ประมาณ 1,000 คน ผู้บังคับการจึงเปรียบเสมือนประมุขของอาณาจักรเล็กๆ เพราะโรงเรียนมีความพร้อมมูล มีโรงอาหาร โรงครัว สถานพยาบาล และที่พักอาศัย
การเป็นผู้บังคับการนั้น ต้องเป็นทั้งครู นักบริหาร และนักปกครอง ต้องมีภาวะผู้นำสูง และต้องเป็นผู้ซึ่งมีอุปนิสัยและบุคลิกภาพที่ดี ต้องรักษามารยาท การแต่งกายต้องเรียบร้อย สมัยผมอยู่ก็สวมแต่เสื้อขาว กางเกงสีทึบ สวมรองเท้าหุ้มส้นตลอดเวลา
ในสมัยใหม่นี้ การรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง การมีวิสัยทัศน์เป็นสิ่งสำคัญ การรู้ภาษาต่างประเทศก็เป็นเรื่องจำเป็น ผู้บังคับการไม่จำเป็นต้องสอนวิชาการ แต่ต้องสอนในแง่การให้โอวาทเด็กๆ เกือบทุกวัน ผู้บังคับการและภรรยาต้องพำนักอยู่ในโรงเรียน ทานอาหารจากโรงครัวเหมือนกับนักเรียน
เนื่องจากต้องดูแลเด็กอายุ 9-18 ปี ผู้บังคับการจึงต้องมีความเข้าใจเด็ก แม้จะเข้มงวดระเบียบวินัย แต่ก็ต้องมีความยืดหยุ่น สิ่งที่ต้องทำบ่อยๆ ก็คือการตัดสินใจเกี่ยวกับการลงโทษเด็ก โรงเรียนประจำแบบอังกฤษ มีวิธีการลงโทษอย่างหนึ่งที่ถือว่าเป็นโทษหนัก ก็คือ ไล่กลับบ้าน ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องยินดีเพราะเด็กอยู่ประจำ แต่ปรากฏว่าเด็กๆ กลัวถูกไล่กลับบ้านมาก ไม่รู้เป็นเพราะอยู่โรงเรียนสนุกกว่าหรืออย่างไร
แม้เรื่องระเบียบวินัยจะมีความสำคัญ แต่ถ้าแก่ระเบียบวินัยมากเกินไป โรงเรียนประจำจะกลายเป็นสถานกักกันไป เด็กๆ ก็จะไม่มีความสุข และการปกครองโดยเน้นระเบียบวินัยนั้นเป็นเรื่องง่าย ใครๆ ก็ทำได้ แม้แต่ผู้คุมนักโทษ แต่การเปิดโอกาสให้เด็กมีอิสระรู้จักคิด รู้จักรับผิดชอบการกระทำของตนเอง เป็นเรื่องยาก แต่ก็ฝึกได้
ผู้บังคับการโรงเรียนควรเป็นนักการศึกษา ติดตามความก้าวหน้าของนวัตกรรมทางการศึกษา และมุ่งเน้นการพัฒนาครู และความก้าวหน้าทางวิชาการ สอนให้เด็กรู้จักปกครองตนเอง และปกครองกันเอง ต้องเด็ดขาดในการป้องกันและปรามการรังแกเด็ก สรุปแล้วก็หมายความว่าต้องใช้เวลาวันละ 24 ชั่วโมงในการดูแลเด็ก ซึ่งในสมัยนี้ต้องรวมไปถึงการมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ปกครองด้วย
เสียดายที่ผมอายุ 68 ปี หากอายุ 67 ปี ก็อยากลองกลับไปเป็นผู้บังคับการอีก ที่ผมออกมาไม่ใช่เพราะเบื่องาน แต่อยากเปิดโอกาสให้คนอื่นบ้าง เพื่อนๆ เด็กๆ และผู้ปกครองพากันพูดว่า ผมตัดสินใจผิดพลาดที่ออกมาก่อน