พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรคงกำลังมั่นใจว่ากระบวนการเกี๊ยะเซี๊ยะกับชนชั้นนำเก่ากำลังเดินหน้าไปอย่างดียิ่ง ถึงได้เดินหน้ารุกในการฉีกรัฐธรรมนูญ 2550 และเตรียมการกฎหมายปรองดองอย่างเต็มที่ จนดูเหมือนว่าจะไม่มีใครมาขวางทางได้อีกต่อไป เมื่อวันเสาร์ที่ 21 เมษายน ขณะที่มีการเคลื่อนไหวต่อต้านอำนาจรัฐนักการเมืองของมวลชนหลากหลายกลุ่มที่ข้อเขียนชิ้นหนึ่งในเว็บไซต์ ASTV เรียกขานว่าม็อบอำมาตย์ ก็มีการออกข่าวสวนมาจากรัฐบาลว่าวันที่ 26 เมษายนนายกรัฐมนตรีจะไปรดน้ำขอพรประธานองคมนตรีและขอรับข้อเสนอแนะเรื่องการปรองดอง
เหมือนๆ กับว่าคุณทักษิณเชื่อว่าที่ถูกโค่นล้มไปเมื่อ 6 ปีก่อนนั้นเป็นฝีมือชนชั้นนำเก่าเป็นหลัก และสาเหตุก็มาจากในช่วงที่ครองอำนาจอยู่ให้ความใส่ใจและสนใจชนชั้นนำเก่าน้อยไป
เมื่อรู้เหตุแล้วดับที่เหตุ – ทุกประการก็ไม่น่าจะมีปัญหา??
แต่ผมกลับคิดว่านั่นแหละจะเป็นปัญหาในอนาคต เพราะลึกๆ แล้วคุณทักษิณไม่เชื่อในพลังมวลชนว่ามีความคิดเป็นของตัวเอง ไปเชื่อในการบริหารจัดการมวลชนเสียมากกว่า ตลอดระยะเวลา 7 ปีมานี้ มวลชนเข้ามามีส่วนร่วมในความขัดแย้งทางการเมืองสูงมาก การตกบัลลังก์ของคุณทักษิณไม่ใช่เรื่องของชนชั้นนำเก่าหรือของพรรคประชาธิปัตย์เป็นหลัก แต่เป็นเรื่องที่เริ่มต้นจากมวลชนกลุ่มหนึ่งที่ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่กลางปี 2548 แล้วขยายตัวต่อเนื่อง ชนชั้นนำเก่ากับพรรคประชาธิปัตย์จะเข้ามาเป็นแนวร่วมหรือได้ประโยชน์จากผลของการต่อสู้ในภายหลังอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เช่นเดียวกันกับมวลชนอีกหลากหลายกลุ่มที่สนับสนุนคุณทักษิณในการต่อสู้กลับ จำนวนมากมีความคิดเป็นของตัวเอง แม้ว่าจะยอมมาอยู่ในการบริหารจัดการของคุณทักษิณแต่ก็เพราะเชื่อว่ามันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ไม่ใช่แค่คุณทักษิณได้อำนาจได้ทรัพย์สินคืนเท่านั้น แต่จะเป็นหนทางลัดที่ทำให้อำนาจตกมาเป็นของประชาชนจริงๆ เสียที
การเกี้ยะเซียะกับชนชั้นเก่าจึงจะไม่ได้แก้ปัญหามวลชนทั้ง 2 ฟากฝั่งให้หมดไป!
มวลชนฟากฝั่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเขาเดินหน้าหาแผนที่สังคมไทยยุคหลังปฏิรูปมาเป็นตัวแบบในการรณรงค์ ไม่เอาตัวไปให้ชนชั้นนำเก่าใช้เป็นฐานค้ำยันให้อยู่ในอำนาจต่อไปหากไร้หลักประกันในเรื่องการปฏิรูปประเทศประเทศอย่างจริงจัง ใครจะเกี๊ยะเซี๊ยะกันอย่างไรหรือไม่ก็ช่าง แต่อย่าละเมิดเงื่อนไข 3 ข้อที่เขาประกาศเป็นเหมือนปฏิญญาในการเป่านกหวีดไว้ก็แล้วกัน มีรูปธรรมเข้าข่ายละเมิดเมื่อไรก็ปรี๊ดดดเมื่อนั้น
มวลชนฟากฝั่งเสื้อแดงแม้จะมีหลายเฉดสี แต่มากเฉดสีไม่สบายใจกับการเกี้ยะเซียะที่มีแนวโน้มให้เจ๊าๆ กันไปลืมๆ กันไปว่าใครผิดใครถูก
เห็นคำพูดคำประกาศของน้องชายน.ส.กมนเกด อัคฮาด หรือน้องเกด 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิตที่วัดปทุมวนารามเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ไหมครับ
แล้วลองไปเปรียบเทียบกับคำพูดของนางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยาของพ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม หนึ่งในทหารที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ดูสิ
โดยเนื้อหาสาระไม่ได้แตกต่างกันมากนัก!
คุณทักษิณไม่แคร์คุณนิชาได้ แต่จะไม่แคร์แม่และน้องชายน้องเกดหาได้ไม่ บางครั้งตำแหน่งและเงินชดเชยจำนวนมหาศาลมันไม่อาจแก้ปัญหาได้ทุกปัญหาเสมอไป ให้ตำแหน่งงานทางการเมืองน้องชายน้องเกดไปแล้ว เงินชดเชย 7.5 ล้านบาทก็ออกเป็นนโยบายให้ไปแล้ว แต่เรื่องไปจบหรอก
แก้ปัญหากับชนชั้นนำเก่าน่ะง่ายกว่าแก้ปัญหามวลชนเยอะ!
พันธมิตรฯ ยังไม่ได้เป่านกหวีด แต่คนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งนำโดยน้องชายน้องเกดท่านตั้งท่าก่อนแล้วนะครับเมื่อวันที่ 20 เมษายน โดยการแถลงข่าวก่อตั้งกลุ่ม นรป. ย่อมาจากแนวร่วมประชาธิปไตยล้มโต๊ะปรองดองแห่งชาติ
ความพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ปทุมธานีของพรรคเพื่อไทยเมื่อวันเสาร์น่าจะทำให้คุณทักษิณที่กำลังมั่นใจกับกระบวนการเกี๊ยะเซี๊ยะต้องคิดให้หนัก เพราะสนามนั้นคือเมืองหลวงหนึ่งของคนเสื้อแดง สนามนั้นคือพื้นที่ที่เดือดร้อนสาหัสจากมหาอุทกภัยเมื่อปลายปีก่อน จริงอยู่มันอาจจะมีปัจจัยเฉพาะของความพ่ายแพ้ แต่จะมองข้ามภาพรวมที่ว่าคนเสื้อแดงในฐานะปัจเจกก็มีความคิดเป็นของตัวเอง มีหัวใจ ไม่ใช่เบี้ยในกระดานให้นักการเมืองหยิบเดินไปตาโน้นตานี้ได้ตลอด
ดีไม่ดี กฎหมายปรองดองที่มีเนื้อหานิรโทษกรรมทุกฝ่ายอาจต้องชะลอเพราะปัญหาภายในของคนเสื้อแดงเองด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะไปกระทบกระบวนการเกี๊ยะเซี๊ยะเข้าอย่างจัง
ทหารระดับนำเขาคงไม่แฮปปี้แน่ที่ตัวแทนรัฐบาลรับปากแล้วทำไม่ได้
ในกระบวนการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ก็เช่นกัน คุณทักษิณคงคิดง่ายๆ ว่าแค่เขียนกรอบไว้ว่าจะไม่แตะหมวดพระมหากษัตริย์ บวกกับการประกาศว่าไม่แก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ทุกประการก็จะน่าจะเดินหน้าไปได้
ผมว่าชีวิตมันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกครับท่านนายกรัฐมนตรีตัวจริง!
ชนชั้นนำเก่าอาจจะพอใจ แต่มวลชนเสื้อแดงที่มีหลายเฉดสีเหลือเกินเขาจะพอใจทั้งหมดหรือ เอาละ ผมยังเชื่อว่าพอจะเอาอยู่ในเรื่องนี้ แต่อย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญมันได้มีแค่หมวดพระมหากษัตริย์เท่านั้น ยังมีหมวดอื่นอีก ชนวนแห่งความขัดแย้งมีมากเหลือเกิน แต่ที่จะพูดแพลมๆ เป็นเชื้อไว้ให้เขียนต่อสัปดาห์หน้าก็คือหมวด 1 บททั่วไป
ร่างรัฐธรรมนูญ 2 ครั้งที่ผ่านมามีการรณรงค์หนักในประเด็นให้บัญญัติประโยคสำคัญไว้ด้วย
“พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ”
ในหมู่มวลชนคนเสื้อแดงมีความเห็นต่างกันในเรื่องนี้ แต่ที่ออกโรงเคลื่อนไหวออกหน้าคือกลุ่มที่รณรงค์สนับสนุนให้บัญญัติไว้เช่นนี้ มีทั้งแดงฆราวาส และแดงพระ โดยเฉพาะพระแห่งสำนักวัดพระธรรมกายที่เป็นฐานยิ่งใหญ่ของคุณทักษิณ การเคลื่อนไหวรณรงค์เรื่องนี้วืดมาแล้ว 2 ครั้งในการร่างรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 เฉพาะในปี 2550 การรณรงค์ยุติลงหลังจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีพระราชดำรัสประเด็นนี้ออกมาเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2550
ใครได้อ่านกระแสพระราชดำรัสองค์นั้นแล้วจะพบว่าเรื่องนี้ลึกซึ้งกว่าที่คิด
และยังเป็นเรื่องใหญ่ คุณโอ๊คลูกชายคุณทักษิณยังต้องถอดรายการของคุณแขก-คำผกาออกจากว๊อยซ์ทีวีชั่วคราวเลยเพราะเธอไปวิจารณ์พระพุทธศาสนา ซึ่งก็ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากเสื้อแดงอีกกลุ่มที่เป็นปีกซ้าย
อลาดินกับตะเกียงวิเศษคงเป็นเพียงเรื่องแต่ง
ถูตะเกียงเสกยักษ์ออกมาแล้วก็เรียกกลับได้ ยักษ์ทำตามคำสั่ง ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่มีหัวจิตหัวใจ ไม่มีความเจ็บปวด เรียกกลับก็กลับ เรียกให้ออกใหม่ก็ได้ตามต้องการ
แต่ตะเกียงวิเศษหลายๆ ตะเกียงของคุณทักษิณ ณ ดูไบนชักจะไม่เป็นอย่างนั้น
ยักษ์ที่ออกมาเริ่มเป็นตัวของตัวเอง มีความคิด มีหัวจิตหัวใจ มีความเจ็บปวด เป็นยักษ์เสรีชน
ที่อาจจะไม่ยอมกลับเข้าสู่ตะเกียงวิเศษง่ายๆ !
เหมือนๆ กับว่าคุณทักษิณเชื่อว่าที่ถูกโค่นล้มไปเมื่อ 6 ปีก่อนนั้นเป็นฝีมือชนชั้นนำเก่าเป็นหลัก และสาเหตุก็มาจากในช่วงที่ครองอำนาจอยู่ให้ความใส่ใจและสนใจชนชั้นนำเก่าน้อยไป
เมื่อรู้เหตุแล้วดับที่เหตุ – ทุกประการก็ไม่น่าจะมีปัญหา??
แต่ผมกลับคิดว่านั่นแหละจะเป็นปัญหาในอนาคต เพราะลึกๆ แล้วคุณทักษิณไม่เชื่อในพลังมวลชนว่ามีความคิดเป็นของตัวเอง ไปเชื่อในการบริหารจัดการมวลชนเสียมากกว่า ตลอดระยะเวลา 7 ปีมานี้ มวลชนเข้ามามีส่วนร่วมในความขัดแย้งทางการเมืองสูงมาก การตกบัลลังก์ของคุณทักษิณไม่ใช่เรื่องของชนชั้นนำเก่าหรือของพรรคประชาธิปัตย์เป็นหลัก แต่เป็นเรื่องที่เริ่มต้นจากมวลชนกลุ่มหนึ่งที่ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่กลางปี 2548 แล้วขยายตัวต่อเนื่อง ชนชั้นนำเก่ากับพรรคประชาธิปัตย์จะเข้ามาเป็นแนวร่วมหรือได้ประโยชน์จากผลของการต่อสู้ในภายหลังอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เช่นเดียวกันกับมวลชนอีกหลากหลายกลุ่มที่สนับสนุนคุณทักษิณในการต่อสู้กลับ จำนวนมากมีความคิดเป็นของตัวเอง แม้ว่าจะยอมมาอยู่ในการบริหารจัดการของคุณทักษิณแต่ก็เพราะเชื่อว่ามันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ไม่ใช่แค่คุณทักษิณได้อำนาจได้ทรัพย์สินคืนเท่านั้น แต่จะเป็นหนทางลัดที่ทำให้อำนาจตกมาเป็นของประชาชนจริงๆ เสียที
การเกี้ยะเซียะกับชนชั้นเก่าจึงจะไม่ได้แก้ปัญหามวลชนทั้ง 2 ฟากฝั่งให้หมดไป!
มวลชนฟากฝั่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเขาเดินหน้าหาแผนที่สังคมไทยยุคหลังปฏิรูปมาเป็นตัวแบบในการรณรงค์ ไม่เอาตัวไปให้ชนชั้นนำเก่าใช้เป็นฐานค้ำยันให้อยู่ในอำนาจต่อไปหากไร้หลักประกันในเรื่องการปฏิรูปประเทศประเทศอย่างจริงจัง ใครจะเกี๊ยะเซี๊ยะกันอย่างไรหรือไม่ก็ช่าง แต่อย่าละเมิดเงื่อนไข 3 ข้อที่เขาประกาศเป็นเหมือนปฏิญญาในการเป่านกหวีดไว้ก็แล้วกัน มีรูปธรรมเข้าข่ายละเมิดเมื่อไรก็ปรี๊ดดดเมื่อนั้น
มวลชนฟากฝั่งเสื้อแดงแม้จะมีหลายเฉดสี แต่มากเฉดสีไม่สบายใจกับการเกี้ยะเซียะที่มีแนวโน้มให้เจ๊าๆ กันไปลืมๆ กันไปว่าใครผิดใครถูก
เห็นคำพูดคำประกาศของน้องชายน.ส.กมนเกด อัคฮาด หรือน้องเกด 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิตที่วัดปทุมวนารามเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ไหมครับ
แล้วลองไปเปรียบเทียบกับคำพูดของนางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยาของพ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม หนึ่งในทหารที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ดูสิ
โดยเนื้อหาสาระไม่ได้แตกต่างกันมากนัก!
คุณทักษิณไม่แคร์คุณนิชาได้ แต่จะไม่แคร์แม่และน้องชายน้องเกดหาได้ไม่ บางครั้งตำแหน่งและเงินชดเชยจำนวนมหาศาลมันไม่อาจแก้ปัญหาได้ทุกปัญหาเสมอไป ให้ตำแหน่งงานทางการเมืองน้องชายน้องเกดไปแล้ว เงินชดเชย 7.5 ล้านบาทก็ออกเป็นนโยบายให้ไปแล้ว แต่เรื่องไปจบหรอก
แก้ปัญหากับชนชั้นนำเก่าน่ะง่ายกว่าแก้ปัญหามวลชนเยอะ!
พันธมิตรฯ ยังไม่ได้เป่านกหวีด แต่คนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งนำโดยน้องชายน้องเกดท่านตั้งท่าก่อนแล้วนะครับเมื่อวันที่ 20 เมษายน โดยการแถลงข่าวก่อตั้งกลุ่ม นรป. ย่อมาจากแนวร่วมประชาธิปไตยล้มโต๊ะปรองดองแห่งชาติ
ความพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ปทุมธานีของพรรคเพื่อไทยเมื่อวันเสาร์น่าจะทำให้คุณทักษิณที่กำลังมั่นใจกับกระบวนการเกี๊ยะเซี๊ยะต้องคิดให้หนัก เพราะสนามนั้นคือเมืองหลวงหนึ่งของคนเสื้อแดง สนามนั้นคือพื้นที่ที่เดือดร้อนสาหัสจากมหาอุทกภัยเมื่อปลายปีก่อน จริงอยู่มันอาจจะมีปัจจัยเฉพาะของความพ่ายแพ้ แต่จะมองข้ามภาพรวมที่ว่าคนเสื้อแดงในฐานะปัจเจกก็มีความคิดเป็นของตัวเอง มีหัวใจ ไม่ใช่เบี้ยในกระดานให้นักการเมืองหยิบเดินไปตาโน้นตานี้ได้ตลอด
ดีไม่ดี กฎหมายปรองดองที่มีเนื้อหานิรโทษกรรมทุกฝ่ายอาจต้องชะลอเพราะปัญหาภายในของคนเสื้อแดงเองด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะไปกระทบกระบวนการเกี๊ยะเซี๊ยะเข้าอย่างจัง
ทหารระดับนำเขาคงไม่แฮปปี้แน่ที่ตัวแทนรัฐบาลรับปากแล้วทำไม่ได้
ในกระบวนการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ก็เช่นกัน คุณทักษิณคงคิดง่ายๆ ว่าแค่เขียนกรอบไว้ว่าจะไม่แตะหมวดพระมหากษัตริย์ บวกกับการประกาศว่าไม่แก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ทุกประการก็จะน่าจะเดินหน้าไปได้
ผมว่าชีวิตมันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกครับท่านนายกรัฐมนตรีตัวจริง!
ชนชั้นนำเก่าอาจจะพอใจ แต่มวลชนเสื้อแดงที่มีหลายเฉดสีเหลือเกินเขาจะพอใจทั้งหมดหรือ เอาละ ผมยังเชื่อว่าพอจะเอาอยู่ในเรื่องนี้ แต่อย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญมันได้มีแค่หมวดพระมหากษัตริย์เท่านั้น ยังมีหมวดอื่นอีก ชนวนแห่งความขัดแย้งมีมากเหลือเกิน แต่ที่จะพูดแพลมๆ เป็นเชื้อไว้ให้เขียนต่อสัปดาห์หน้าก็คือหมวด 1 บททั่วไป
ร่างรัฐธรรมนูญ 2 ครั้งที่ผ่านมามีการรณรงค์หนักในประเด็นให้บัญญัติประโยคสำคัญไว้ด้วย
“พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ”
ในหมู่มวลชนคนเสื้อแดงมีความเห็นต่างกันในเรื่องนี้ แต่ที่ออกโรงเคลื่อนไหวออกหน้าคือกลุ่มที่รณรงค์สนับสนุนให้บัญญัติไว้เช่นนี้ มีทั้งแดงฆราวาส และแดงพระ โดยเฉพาะพระแห่งสำนักวัดพระธรรมกายที่เป็นฐานยิ่งใหญ่ของคุณทักษิณ การเคลื่อนไหวรณรงค์เรื่องนี้วืดมาแล้ว 2 ครั้งในการร่างรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 เฉพาะในปี 2550 การรณรงค์ยุติลงหลังจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีพระราชดำรัสประเด็นนี้ออกมาเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2550
ใครได้อ่านกระแสพระราชดำรัสองค์นั้นแล้วจะพบว่าเรื่องนี้ลึกซึ้งกว่าที่คิด
และยังเป็นเรื่องใหญ่ คุณโอ๊คลูกชายคุณทักษิณยังต้องถอดรายการของคุณแขก-คำผกาออกจากว๊อยซ์ทีวีชั่วคราวเลยเพราะเธอไปวิจารณ์พระพุทธศาสนา ซึ่งก็ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากเสื้อแดงอีกกลุ่มที่เป็นปีกซ้าย
อลาดินกับตะเกียงวิเศษคงเป็นเพียงเรื่องแต่ง
ถูตะเกียงเสกยักษ์ออกมาแล้วก็เรียกกลับได้ ยักษ์ทำตามคำสั่ง ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่มีหัวจิตหัวใจ ไม่มีความเจ็บปวด เรียกกลับก็กลับ เรียกให้ออกใหม่ก็ได้ตามต้องการ
แต่ตะเกียงวิเศษหลายๆ ตะเกียงของคุณทักษิณ ณ ดูไบนชักจะไม่เป็นอย่างนั้น
ยักษ์ที่ออกมาเริ่มเป็นตัวของตัวเอง มีความคิด มีหัวจิตหัวใจ มีความเจ็บปวด เป็นยักษ์เสรีชน
ที่อาจจะไม่ยอมกลับเข้าสู่ตะเกียงวิเศษง่ายๆ !