“บุญทรง”รับประกัน นำเข้าปาล์มหมื่นตัน เอาอยู่ ปัญหาไม่ลาม เชื่อหลังจากนี้ผลผลิตเยอะ สต๊อกเพิ่มขึ้นแน่ ส่วนเกษตรกรไม่ได้รับผลกระทบ พร้อมเดินหน้าโปรโมตร้านถูกใจ หลังได้งบ เล็งดึงออมสิน ธกส. ปล่อยกู้ช่วยร้านค้า
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ 10,000 ตัน ที่จะมาถึงไทยต้นเดือนพ.ค.นี้ จะเพียงพอต่อการแก้ปัญหาต้นทุนน้ำมันปาล์มสูงในขณะนี้ และสามารถทำขายปลีกน้ำมันปาล์มขวดละ 42 บาทได้ต่อไป เนื่องจากปริมาณที่นำเข้าสามารถใช้บริโภคได้ถึง 2-3 สัปดาห์ และหลังจากนั้น จะมีผลผลิตปาล์มดิบออกสู่ตลาดมากขึ้นทำให้ปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบไม่ตรึงตัวเหมือนที่ผ่านมา
“ขณะนี้ สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบลดลงเหลือเพียง 1.5 แสนตัน ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นค่อนข้างมาก ทำให้จำเป็นต้องนำเข้า แต่พอนำเข้ามาก็มีเสียงวิจารณ์ว่าทำให้ราคาปาล์มดิบในประเทศตกต่ำ ซึ่งเรื่องนี้เท่าที่ให้กรมการค้าภายในหารือกับผู้เกี่ยวข้องเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่คัดค้านทั้งหมด แต่ต้องการให้รัฐดูแลการปริมาณนำเข้าที่เหมาะสม
ซึ่งส่วนตัวมองว่า เข้ามา 10,000 ตันน่าจะเพียงพอต่อการบริหารจัดการ และทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อราคาผลปาล์มดิบในประเทศให้ตกต่ำจนเกษตรกรเดือดร้อน”นายบุญทรงกล่าว
นายบุญทรงกล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการดำเนินโครงการร้านถูกใจ กำลังรอได้รับงบประมาณอยู่ ซึ่งหลังจากได้รับงบประมาณแล้วจะเร่งนำมาประชาสัมพันธ์ให้ร้านค้า และประชาชนเข้าร่วมโครงการโชห่วยช่วยชาติเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการให้ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เข้ามาช่วยปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำวงเงิน 30,000-100,000 บาท
เพื่อใช้หมุนเวียนในธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันมีร้านค้าเข้าร่วมสมัครแล้วกว่า 4,000 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นต่างจังหวัด จากเป้าหมาย 10,000 แห่งทั่วประเทศ
นอกจากนี้ กระทรวงฯ กำลังยังอยู่ระหว่างการตั้งงบประมาณปี 2556 สำหรับทำโครงการร้านถูกใจต่อเนื่อง ซึ่งได้ของบประมาณไม่มากเพียงหลักสิบล้านบาท โดยจะดำเนินการให้เป็นโครงการต่อเนื่องรายปี ซึ่งงบต่อไปจะน้อยกว่าครั้งแรกมาก เพราะเริ่มแรกจะต้องเสียงบประมาณสำหรับวางระบบคอมพิวเตอร์ ระบบขนส่ง สั่งซื้อสินค้า แต่เมื่อโครงการเริ่มดำเนินได้แล้วปีต่อไปรัฐจะไม่ต้องใช้งบมาก และต่อไปอาจไม่ต้องใช้งบสนับสนุนเลย
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ 10,000 ตัน ที่จะมาถึงไทยต้นเดือนพ.ค.นี้ จะเพียงพอต่อการแก้ปัญหาต้นทุนน้ำมันปาล์มสูงในขณะนี้ และสามารถทำขายปลีกน้ำมันปาล์มขวดละ 42 บาทได้ต่อไป เนื่องจากปริมาณที่นำเข้าสามารถใช้บริโภคได้ถึง 2-3 สัปดาห์ และหลังจากนั้น จะมีผลผลิตปาล์มดิบออกสู่ตลาดมากขึ้นทำให้ปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบไม่ตรึงตัวเหมือนที่ผ่านมา
“ขณะนี้ สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบลดลงเหลือเพียง 1.5 แสนตัน ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นค่อนข้างมาก ทำให้จำเป็นต้องนำเข้า แต่พอนำเข้ามาก็มีเสียงวิจารณ์ว่าทำให้ราคาปาล์มดิบในประเทศตกต่ำ ซึ่งเรื่องนี้เท่าที่ให้กรมการค้าภายในหารือกับผู้เกี่ยวข้องเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่คัดค้านทั้งหมด แต่ต้องการให้รัฐดูแลการปริมาณนำเข้าที่เหมาะสม
ซึ่งส่วนตัวมองว่า เข้ามา 10,000 ตันน่าจะเพียงพอต่อการบริหารจัดการ และทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อราคาผลปาล์มดิบในประเทศให้ตกต่ำจนเกษตรกรเดือดร้อน”นายบุญทรงกล่าว
นายบุญทรงกล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการดำเนินโครงการร้านถูกใจ กำลังรอได้รับงบประมาณอยู่ ซึ่งหลังจากได้รับงบประมาณแล้วจะเร่งนำมาประชาสัมพันธ์ให้ร้านค้า และประชาชนเข้าร่วมโครงการโชห่วยช่วยชาติเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการให้ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เข้ามาช่วยปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำวงเงิน 30,000-100,000 บาท
เพื่อใช้หมุนเวียนในธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันมีร้านค้าเข้าร่วมสมัครแล้วกว่า 4,000 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นต่างจังหวัด จากเป้าหมาย 10,000 แห่งทั่วประเทศ
นอกจากนี้ กระทรวงฯ กำลังยังอยู่ระหว่างการตั้งงบประมาณปี 2556 สำหรับทำโครงการร้านถูกใจต่อเนื่อง ซึ่งได้ของบประมาณไม่มากเพียงหลักสิบล้านบาท โดยจะดำเนินการให้เป็นโครงการต่อเนื่องรายปี ซึ่งงบต่อไปจะน้อยกว่าครั้งแรกมาก เพราะเริ่มแรกจะต้องเสียงบประมาณสำหรับวางระบบคอมพิวเตอร์ ระบบขนส่ง สั่งซื้อสินค้า แต่เมื่อโครงการเริ่มดำเนินได้แล้วปีต่อไปรัฐจะไม่ต้องใช้งบมาก และต่อไปอาจไม่ต้องใช้งบสนับสนุนเลย