“พาณิชย์” เผยชุดนักเรียนไม่ขึ้นราคาตามค่าแรง ยันราคาคงเดิมต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ ที่ยังไม่มีใครขอขึ้น ส่วนน้ำมันปาล์มดิบล็อตแรก 1 หมื่นตันมาถึงไทยพฤษภาคมนี้ ส่งเข้าโรงงานผลิตใส่ขวดตรึงราคา 42 บาท
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการเปิดงาน "สุข-ประหยัด รับเปิดเทอม" ที่บิ๊กซี สาขาติวานนท์ ว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 39.37% จากค่าแรงขั้นต่ำเดิม ได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าเครื่องแบบชุดนักเรียน ซึ่งต้องอาศัยแรงงานตัดเย็บเป็นจำนวนมาก โดยส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น 8.5% แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ผลิตรายใดขออนุมัติปรับขึ้นราคา ทำให้ปีนี้ราคาจำหน่ายชุดนักเรียนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อ 2 ปีก่อน หรือมีการจำหน่ายราคาเดิมต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3
ขณะเดียวกัน กรมฯ ยังได้ร่วมกับบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จัดกิจกรรมสุข-ประหยัด รับเปิดเทอม ที่บิ๊กซี ตั้งแต่วันนี้ ถึง 15 พฤษภาคมนี้ เพื่อเป็นทางเลือกในการขายสินค้าราคาประหยัด ช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ผู้ปกครองในช่วงเทศกาลเปิดเทอม โดยนำสินค้าในกลุ่มเครื่องแบบชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน มาลดราคาจำหน่ายราคาพิเศษ 15-20% ที่บิ๊กซี และห้างในเครือบิ๊ก 121 สาขาทั่วประเทศ
ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ ก็ยังคงไม่มีการขออนุมัติปรับราคา เพราะโครงสร้างการผลิตสินค้าส่วนใหญ่มาจากวัตถุดิบ ขณะที่ต้นทุนจากค่าแรงเป็นเพียงต้นทุนส่วนน้อยของการผลิตเท่านั้น อีกทั้งในภาคอุตสาหกรรม พบว่าผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ก็จ้างงานเกินวันละ 300 บาทอยู่แล้ว ส่วนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบก็ยังไม่ได้ยื่นขอขึ้นราคา เพราะมีการแข่งขันในตลาดกันสูง
นางวัชรีกล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการจัดทำโครงการโชวห่วยช่วยชาติ “ร้านถูกใจ” ขณะนี้มีร้านค้าสมัครเข้าร่วมโครงการแล้ว 2,843 ร้านค้า แบ่งเป็นส่วนภูมิภาค 2,300 ร้านค้า และกรุงเทพฯ 543 ร้านค้า ซึ่งจะเริ่มทยอยเปิดได้ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ซึ่งเลื่อนจากเดิมกำหนดเปิดวันที่ 19 เมษายนเล็กน้อย เนื่องจากติดช่วงเทศกาลสงกรานต์ทำให้การจัดทำชั้นวางของและอื่นๆ ไม่เพียงพอต่อความต้องการ
สำหรับการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากมาเลเซียตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปริมาณ 4 หมื่นตัน องค์การคลังสินค้า (อคส.) จะนำเข้าล็อตแรก 1 หมื่นตันราวต้นพฤษภาคมนี้ เพื่อนำมาผลิตและบรรจุขวดจำหน่ายในราคาขวดละ 42 บาท เพราะขณะนี้สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศลดเหลือเพียง 1.5 แสนตัน ต่ำกว่าสต๊อกที่ควรจะมีประมาณ 2 แสนตัน จึงต้องนำเข้ามาเสริม และจะมีการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่องว่าจำเป็นต้องนำเข้าเพิ่มเติมอีกหรือไม่
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการเปิดงาน "สุข-ประหยัด รับเปิดเทอม" ที่บิ๊กซี สาขาติวานนท์ ว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 39.37% จากค่าแรงขั้นต่ำเดิม ได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าเครื่องแบบชุดนักเรียน ซึ่งต้องอาศัยแรงงานตัดเย็บเป็นจำนวนมาก โดยส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น 8.5% แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ผลิตรายใดขออนุมัติปรับขึ้นราคา ทำให้ปีนี้ราคาจำหน่ายชุดนักเรียนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อ 2 ปีก่อน หรือมีการจำหน่ายราคาเดิมต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3
ขณะเดียวกัน กรมฯ ยังได้ร่วมกับบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จัดกิจกรรมสุข-ประหยัด รับเปิดเทอม ที่บิ๊กซี ตั้งแต่วันนี้ ถึง 15 พฤษภาคมนี้ เพื่อเป็นทางเลือกในการขายสินค้าราคาประหยัด ช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ผู้ปกครองในช่วงเทศกาลเปิดเทอม โดยนำสินค้าในกลุ่มเครื่องแบบชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน มาลดราคาจำหน่ายราคาพิเศษ 15-20% ที่บิ๊กซี และห้างในเครือบิ๊ก 121 สาขาทั่วประเทศ
ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ ก็ยังคงไม่มีการขออนุมัติปรับราคา เพราะโครงสร้างการผลิตสินค้าส่วนใหญ่มาจากวัตถุดิบ ขณะที่ต้นทุนจากค่าแรงเป็นเพียงต้นทุนส่วนน้อยของการผลิตเท่านั้น อีกทั้งในภาคอุตสาหกรรม พบว่าผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ก็จ้างงานเกินวันละ 300 บาทอยู่แล้ว ส่วนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบก็ยังไม่ได้ยื่นขอขึ้นราคา เพราะมีการแข่งขันในตลาดกันสูง
นางวัชรีกล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการจัดทำโครงการโชวห่วยช่วยชาติ “ร้านถูกใจ” ขณะนี้มีร้านค้าสมัครเข้าร่วมโครงการแล้ว 2,843 ร้านค้า แบ่งเป็นส่วนภูมิภาค 2,300 ร้านค้า และกรุงเทพฯ 543 ร้านค้า ซึ่งจะเริ่มทยอยเปิดได้ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ซึ่งเลื่อนจากเดิมกำหนดเปิดวันที่ 19 เมษายนเล็กน้อย เนื่องจากติดช่วงเทศกาลสงกรานต์ทำให้การจัดทำชั้นวางของและอื่นๆ ไม่เพียงพอต่อความต้องการ
สำหรับการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากมาเลเซียตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปริมาณ 4 หมื่นตัน องค์การคลังสินค้า (อคส.) จะนำเข้าล็อตแรก 1 หมื่นตันราวต้นพฤษภาคมนี้ เพื่อนำมาผลิตและบรรจุขวดจำหน่ายในราคาขวดละ 42 บาท เพราะขณะนี้สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศลดเหลือเพียง 1.5 แสนตัน ต่ำกว่าสต๊อกที่ควรจะมีประมาณ 2 แสนตัน จึงต้องนำเข้ามาเสริม และจะมีการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่องว่าจำเป็นต้องนำเข้าเพิ่มเติมอีกหรือไม่