ASTVผู้จัดการรายวัน-"นช.แม้ว" คุยโอ่มีความสุข ประชาชนเรียกร้องให้กลับไทย ชี้ถ้าจะไปต้องลงตัวกว่านี้ ปัดให้เขมรจุ้นการเมือง อ้างปีมหามงคลราชินี 80 พรรษา-สมเด็จพระบรมฯ 60 พรรษา ความแตกแยกควรจบ เชื่อปฏิวัติคิดได้ แต่ทำยาก ระบุ ม.112 ถูกใช้เป็นเครื่องมือมากเกินไป อ้างในหลวงไม่โปรด ยังย้ำถูกกลั่นแกล้ง ไม่ได้ทำอะไรผิดถ้าเริ่มต้นใหม่ก็ไม่กลัว บอกรู้ลึกๆ ปรองดองแน่ปีนี้ แนะ"วีระ-ราตรี"ยอมรับผิดรุกดินแดนเขมรเพื่อขออภัยโทษ
เมื่อเช้าวานนี้ (15 เม.ย.) ที่บริเวณด้านหน้าปราสาทนครวัด เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ได้มีการจัดกิจกรรมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 265 รูป เนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ และวันขึ้นปีใหม่กัมพูชา โดยมีมวลชนคนเสื้อแดงจำนวนมากที่เดินทางไปจากประเทศไทย ได้จับจองพื้นที่จนเต็มลานด้านหน้านครวัด ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่
ต่อมาเวลาประมาณ 08.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคณะได้เดินทางมาถึงสถานที่จัดงาน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ก่อนที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นผู้ใส่บาตรและถวายปัจจัยร่วมกับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย แก่พระสงฆ์กัมพูชา รวมไปถึงพระสงฆ์ และสามเณรบางส่วนที่เดินทางไปจากประเทศไทย รวม 265 รูป
เมื่อทำบุญใส่บาตรเสร็จเรียบร้อย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เปิดโอกาสให้แกนนำ และ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย นำโดย นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีต รมว.คมนาคม และสมาชิกบ้านเลขที่ 111 รดน้ำดำหัวอีกครั้ง เป็นช่วงเวลาสั้นๆ โดยมี นายพายัพ ชินวัตร น้องชาย พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางมาร่วมงานด้วยในภายหลัง
จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ใช้ฝักบัวร่วมเล่นน้ำสงกรานต์กับผู้เข้าร่วมงาน ที่มารอตั้งแต่เช้าตรู่ ท่ามกลางอากาศร้อนจัด นอกจากนี้ยังมีการใช้รถดับเพลิงฉีดน้ำความดันสูง เป็นรัศมีวงกว้าง จนทำให้บรรยากาศคึกคักชุ่มฉ่ำ คลายร้อนให้กับคนเสื้อแดงที่มาร่วมกิจกรรม ทุกคนเปียกปอนไปตามๆ กัน เช่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ใช้เวลามากกว่า 1 ชั่วโมง เข้าไปร่วมเล่นน้ำกลางฝูงชน จนมีสภาพเปียกปอน เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงที่เข้ามาร่วมพิธีทำบุญตักบาตร ฉีดน้ำ และสาดน้ำเข้าใส่ อย่างสนุกสนาน และเกิดความโกลาหลขึ้นหลายช่วง ทีมรักษาความปลอดภัยพลัดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะคนเสื้อแดงพยายามเข้าไปยื้อยุด ดึงตัวพ.ต.ท.ทักษิณไปกอดอยู่ตลอดเวลา
กระทั่งเวลา 10.15 น. พ.ต.ท.ทักษิณ จึงเดินทางกลับที่พัก ขณะที่คนเสื้อแดงทะยอยเดินทางเข้าไปยังนครวัดที่เปิดให้ชมฟรีเป็นกรณีพิเศษ จนทำให้พื้นที่นครวัดเต็มไปด้วยคนเสื้อแดง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทีมรักษาความปลอดภัยมีความเข้มงวดรัดกุมเป็นพิเศษมากกว่าวันก่อนๆ ที่ผ่านมา จนทำให้สื่อมวลชนของไทยที่แม้จะมีป้ายแสดงตนชัดเจน ก็ยังไม่สามารถเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ใกล้ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งบริเวณโรงแรมที่พักของพ.ต.ท.ทักษิณได้ ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างยากลำบาก
นอกจากนี้ ยังมีสื่อมวลชนกัมพูชาเดินทางมาทำข่าว พ.ต.ท.ทักษิณจำนวนมาก ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้น ในช่วงที่ต้องการเก็บภาพหรือสัมภาษณ์
** อยากกลับไทยแต่ยังกลัวตาย
ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีทำบุญตักบาตร และรดน้ำสงกรานต์ที่นครวัด ว่า หลังจากทำบุญ รู้สึกดีใจที่ได้ทำบุญตามศาสนาของเรา เพราะไม่ได้ทำมานาน รู้สึกสุขใจ แต่ที่มีความสุขมากไปกว่านั้น คือประชาชนให้การสนับสนุนและเรียกร้องให้กลับบ้าน โดยเฉพาะเมื่อเห็นน้ำตาผู้ชายอกสามศอกร้องไห้ บอกว่าให้กลับ ซึ่งมันหาไม่ได้ที่ชาวบ้านจะให้ความรักและเมตตาเราขนาดนี้ บางคนหอบข้าวของเบียดเสียดเอามาให้ ถือเป็นน้ำใจที่หายาก ทำให้อบอุ่นใจ และต้องหาโอกาสตอบแทนบุญคุณทุกวิถีทางที่จะทำได้ และต้องขอบคุณกัมพูชาที่ได้ให้คนไทยเข้ามาจำนวนมาก ถ้าถามว่าอยากจะกลับเมืองไทยตอนไหน ก็อยากจะกลับตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย.แล้ว แต่หากจะกลับ ต้องให้ทุกอย่างดีและลงตัวกว่านี้
"ครั้งที่ผมกลับไทย เมื่อพรรคพลังประชาชนชนะเลือกตั้งและเป็นรัฐบาล ผู้นำบางประเทศที่เป็นเพื่อนบอกว่า อย่าคิดว่าเป็นรัฐบาลแล้วกลับไปจะปลอดภัย ขอให้ระวัง เขาอาจจะลอบฆ่าอยู่ จึงอยากให้อยู่ในสถานการณ์ที่ตนไปเดินถนน ไปกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางได้" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อกังวลว่าการจัดกิจกรรมในประเทศกัมพูชา จะเปิดทางให้กัมพูชาเข้าไปแทรกแซงการเมืองไทย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะการที่ประชาชนเดินทางมากันมาก เพราะกัมพูชาอำนวยความสะดวก แต่ทางประเทศลาวไม่อนุญาตให้นำรถผ่านเข้าไป ทำให้ประชาชนเดินทางลำบากเท่านั้นเอง
**อ้างปีมหามงคลควรปรองดอง
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า ปีนี้จะได้กลับบ้านอย่างแน่นอน พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เราเป็นคนไทยเป็นคนพุทธ จะนึกถึงสิ่งที่เป็นมคล และปีนี้เป็นปีมหามงคล คิดว่าในเมื่อทุกอย่างเป็นมงคลก็ควรทำให้ประเทศเราดีขึ้น การทะเลาะเบาะแว้ง แบ่งฝ่ายกัน ทำให้สังคมเกิดความแตกแยกควรจะจบได้แล้ว เพราะจะเป็นมงคลกับประเทศด้วย
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จะขยายความได้หรือไม่ ที่บอกว่าเป็นปีที่ดี และเป็นมหามงคลแล้วจะได้กลับบ้าน หมายความว่าอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เราถือว่าเป็นปีมหามงคล ที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา ซึ่งเราถือว่าเป็นรอบที่สำคัญ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เจริญพระชนมายุครบ 80 พรรษา จึงรู้สึกว่า เป็นปีที่ดีก็น่าจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น ไม่ได้มีความหมายเชื่อมโยง เราเป็นคนพุทธ ก็พยายามคิดในสิ่งที่เป็นมงคล
** อ้างในหลวงไม่ทรงโปรดใช้ม.112
ส่วนกระแสข่าวการปฏิวัติรัฐประหาร ที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า คิดได้ แต่ทำยาก เพราะความไม่ยอมรับของคนไทยที่ตื่นตัวในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ขนาด พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. ยังลุกขึ้นมาบอกว่า ไม่เกิดประโยชน์อะไร ใครที่คิดเรื่องนี้อยู่ก็คงจะสวนทางกับโลก เชื่อว่าจะไม่เหมือนเดิม จะไม่มีคนเอาดอกไม้มาให้อีกแล้ว เพราะตนเชื่อว่า อุดมการณ์ประชาธิปไตยตอนนี้มันฝังลึกในคนไทย ใครที่คิดไม่ดี ก็ไม่น่าจะเกิดประโยชน์
"ทหารมีหน้าที่ปกป้องราชบัลลังก์ ถ้านักสู้ถวายความจงรักภักดี ไม่มีอะไรทำให้กระทบกระเทือน หน้าที่ทหารก็ไม่มีอะไร ส่วนความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 112 นั้น ช่วง 50 ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหา เพราะเขามีหลักดำเนินคดี แต่ในช่วงหลังจากปฏิวัติ เรื่องนี้เป็นประโยชน์ทางการเมืองมาก แม้แต่พระเจ้าอยู่หัวฯ ก็ไม่ทรงโปรดที่จะให้ใช้มาตรา 112 พร่ำเพรื่อ ผมเคยถวายงานทรงรับสั่งชัดเจนว่า ไม่เห็นด้วยที่จะมาทำแบบนี้ และไม่ได้ทรงระคายอะไร ทั้งนี้บางครั้งใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองมากไป เพื่อแสดงให้เห็นว่า จงรักภักดีเพียงคนเดียวมากไป ทำให้มีปัญหา" พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุ
**ยันไม่ได้ทำผิด แต่ถูกกลั่นแกล้ง
เมื่อถามว่าหากต้องกลับไปอยู่ประเทศไทยภายใต้ระเบียบกฎหมายกับการเคลื่อนไหวอย่างสะดวกนอกประเทศ แบบไหนดีกว่ากัน พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เหมือนกัน เพราะทุกประเทศมีกฎ กติกา การเคลื่อนไหวเขาไม่ได้เรียกว่าการเคลื่อนไหว แต่เรียกว่า ใจผูกใจ ประชาชนผูกใจกับตน ตนก็ผูกใจกับประชาชน อยากจะเดินทางมาให้ใกล้ เพื่อเขาจะได้เดินทางมาสะดวก
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ตนกลับมาเมืองไทยแล้วจะต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายนั้น อย่างที่บอกไปแล้วว่า เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง เขาถึงยอมรับตน ในทุกๆที่ผู้นำหลายประเทศยังมาพบตนด้วยตัวเอง หลายประเทศส่งผู้บริหารระดับสูง ระดับรัฐมนตรี ระดับกรรมการพรรคการเมืองใหญ่มาพบ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เพราะเขาอยากเห็นเสถียรภาพในภูมิภาคแห่งนี้ เพราะไทยเป็นประเทศหลักทางเศรษฐกิจในอาเซียน ถ้าไทยอ่อนแออาเซียนจะอ่อนแอไปด้วย เพราะไทยเป็นหัวใจสำคัญ ถ้าเรายังเป็นอย่างนี้ เขาก็เป็นห่วงว่าอาเซียนไม่เข้มแข็ง เพราะ 6 ปีที่อาเซียนเคยเข้มแข็ง แต่ตอนนี้กลับอ่อนแอไปเยอะ โอกาสจะแย่งชิงผลประโยชน์จากการลงทุนหายไปเยอะ
ดังนั้น ในฐานะผู้นำอาเซียน ก็อยากเห็นบ้านเมืองเราอยู่ในความปรองดอง ในฐานะที่เราชนะเลือกตั้ง และถูกกระทำมากที่สุด ก็ได้ยื่นเรื่องที่จะให้อภัยกันขึ้นมาก่อน ถ้าเราไม่ยื่นก็เป็นไปไม่ได้ที่บ้านเมืองจะยุติ เหตุผลที่ตนยังไม่เดินทางกลับบ้าน ไม่ใช่เพราะการเมืองไม่นิ่ง หรือสถานการณ์น่าเป็นห่วง แต่มีสิ่งเดียวคือ รัฐบาลต้องทำงานให้ประชาชนได้เห็นว่า ทุ่มเทเพื่อเขา ซึ่งจะเป็นจุดชี้ว่า การเมืองนิ่งหรือไม่นิ่ง ส่วนในสภาไม่มีอะไร เพราะรัฐบาลเป็นเสียงข้างมาก ยืนยันว่า ไม่เป็นห่วงอะไร แต่อยากให้บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ ให้ยิ้มเข้าหากันได้ ไม่ใช่ถามว่าคุณสีอะไร ตอนนี้มันต้องไม่มีสี
** ปชป.ต้องก้าวข้ามทักษิณ
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการเรียกร้องให้เสียสละ เดินทางกลับไปรับโทษ เพื่อให้เกิดการปรองดอง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ถ้ายุติธรรมจะเข้า แต่ตอนนี้มันยังไม่ยุติธรรม ถ้าเริ่มต้นใหม่ไม่กลัว และยินดีต้อนรับ
เมื่อถามว่า แต่ฝ่ายค้านยังเชื่อว่าการออกกฎหมายเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ต้องถามกลับว่า แล้วเหตุมันเกิดขึ้นได้อย่างไร วันนี้ต้องก้าวข้ามตนให้ได้ ถ้าก้าวข้ามไม่ได้ก็ลำบาก การเมืองก็ไปไม่ได้ พรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นที่ชื่นชอบของประชาชนไม่ได้ เพราะก้าวไม่ข้ามตนสักที เขย่งอีกนิดเดียว ก็ถึงแล้ว
เมื่อถามว่ามีข้อสังเกตว่า การที่ระบุว่าจะกลับประเทศไทย จะยิ่งทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องกดดันในการเดินหน้าแนวทางปรองดอง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เพราะไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล เป็นเรื่องของรัฐสภา นายกฯไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค แต่เป็น ส.ส.แค่ 1 เสียง วันนี้เป็นเรื่องของสภา ก็ต้องปล่อยสภา เพราะอยู่ใกล้ประชาชน และสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนออกมา การเมืองในสภาไม่นิ่ง ก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่ไหนมีพรรคประชาธิปัตย์ เป็นปกติที่จะเป็นเช่นนี้ เพราะเขาเป็นฝ่ายค้านเก่ง
** วอน"แม่น้องเกด"เสียสละ
เมื่อถามว่าจนถึงขณะนี้ฝ่ายค้านก็ยังไม่เห็นด้วยกับแนวทางปรองดอง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ฝ่ายค้าน ก็คือตัวแทนประชาชน ฉะนั้นต้องทำในสิ่งที่ประชาชนอยากเห็น ถ้าคนส่วนใหญ่อยากเห็นปรองดอง ฝ่ายค้านก็ต้องคล้อยตามประชาชน ถ้าไม่คล้อยตามก็จะถูกโดดเดี่ยว แต่ไม่มีอะไร 100 เปอร์เซ็นต์ แม้แต่แม่ของน.ส.กมลเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตระหว่างสลายชุมนุมราชประสงค์ แม้ยังไม่หายโกรธ ที่ลูกถูกทหารยิง และไม่อยากให้มีนิรโทษกรรม ก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่เราต้องฟังประโยชน์ส่วนใหญ่ และให้ส่วนน้อยยอมเสียสละ
อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าเรื่องปรองดองจะเกิดขึ้นได้ภายในปีนี้ น่าจะเกิดขึ้นเพราะรู้สึกลึกๆ แต่ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น เพราะนั่งทางในไม่เป็น แต่อยู่ในการเมืองมานานมีสิ่งบอกเหตุก็พอจะเดาได้
เมื่อถามว่าคิดอย่างไรกับเรื่องนิรโทษกรรม ที่จะมีผลครอบคลุมถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้รับประโยชน์ด้วย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ทุกฝ่ายต้องคิดว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่คำว่านิรโทษกรรม ยังไม่คิดใช้ แต่ใช้ว่า ทำอย่างไรให้คนหันมาปรองดองกัน
เมื่อถามต่อว่า คิดว่าตัวเองควรจะได้รับการนิรโทษกรรมหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวย้อนว่า " ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้ากระบวนการยุติธรรมเป็นไปอย่างยุติธรรม ใครก็รับได้ ไม่มีใครกลัวถ้าไม่ได้ทำผิด "
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่า ที่มี ส.ส.และรัฐมนตรี มาร่วมกิจกรรม อาจเป็นความผิดได้ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวย้อนว่า มีกฎหมายอะไรให้ผิด ถามว่าผิดกฎหมายอะไร สงสัยจะเขียนกฎหมายเอง
เมื่อถามว่า ถ้าการแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จ และผลักดันเรื่องปรองดองไปได้ แล้วการเดินทางกลับจะง่ายขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ทุกอย่างต้องกลับไปสู่หลักความเป็นธรรม เห็นได้จากที่พระสงฆ์มาสนับสนุนเรา เพราะเห็นถึงความไม่เป็นธรรม และรับไม่ได้ ดังนั้นทุกอย่างต้องกลับไปสู่จุดเริ่มต้น คือความเป็นธรรม และผู้ที่ทำหน้าที่รักษาความยุติธรรม ต้องมีความเป็นธรรมด้วย
เมื่อถามว่า ที่บอกว่าให้ทุกอย่างกลับไปสู่จุดเริ่มต้น โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรม พร้อมที่จะกลับไปต่อสู้คดีหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า แน่นอน ตนไม่ผิด ไม่เคยกลัว แต่ขอให้กระบวนการยุติธรรมมันยุติธรรมจริงๆ ซึ่งหลังจากที่อดีตกรรมการบริหารพรรค พ้นโทษทางการเมืองในเดือนพ.ค.นี้ ตนคิดว่าคงจะไม่กลับเข้าไปใหม่แล้ว เพราะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เป็นน้องคนเล็ก ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว หมดรุ่นของตนแล้ว แต่จะคอยเป็นผู้ให้คำแนะนำ ปรึกษา และให้ความคิดดีๆ เพื่อให้บ้านเมืองไปได้ดี เพราะตอนนี้ตนอายุอีก 37 ปี จะครบร้อยแล้ว คอยเป็นฝ่ายวิชาการได้ และรวบรวมข้อมูลเป็นสารานุกรม ใครอยากจะเปิดดูก็เปิดได้ ใครไม่อยากเปิดก็ไม่ต้องเปิด ไปบังคับไม่ได้
เมื่อถามว่า การบริหารงานของรัฐบาลที่ผ่านมา ถูกรุมเร้า โดยเฉพาะเรื่องภัยธรรมชาติได้ให้คำแนะนำอย่างไรบ้าง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีอะไร แต่ต้องมีความอดทน และทำในสิ่งที่ถูกต้อง ใช้หลักวิทยาศาสตร์ให้มาก ถ้าใช้ความรู้สึกจะแก้ปัญหาไม่ได้ เราต้องแก้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์และคิดเป็นระบบ
**"วีระ"ยังไม่รับผิดช่วยยาก
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวด้วยว่า ตนพูดคุยกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถึงการให้ความช่วยเหลือ นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ สองคนไทยที่ถูกควบคุมตัวในเรือนจำกัมพูชา ว่า ได้คุยกันหลายรอบ แต่กติกาบอกว่า ถ้าต้องการขออภัยโทษต้องยอมรับผิด แต่นายวีระ ยังไม่ยอมรับว่าได้รุกล้ำเข้ามาในเขตแดน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ความจริงกัมพูชา เขาพร้อมจะทำเรื่องให้ จึงขึ้นอยู่กับตัว นายวีระ มีวิธีเดียวคือจะต้องขออภัยโทษเพราะศาลตัดสินไปแล้ว แต่การจะขออภัยโทษ หมายความว่าต้องยอมรับด้วยว่าทำผิดจริง
**หนุนเจรจาโจรใต้
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ตนได้แนะนำรัฐบาลไปว่า ควรจะมีการพูดคุย แต่จะใช้รูปแบบรัฐไม่ได้ ต้องเป็นขั้นตอนรายละเอียดที่สามารถพูดคุยกันได้ เพื่อให้ยุติ เพราะสงครามไม่เคยยุติในสนามรบ แต่ยุติบนโต๊ะเจรจา ถึงแม้เราจะฆ่ากันไปจนถึง 10 คนสุดท้าย แต่ 10 คนสุดท้าย ก็จะยังไม่ยอมแพ้ จะต้องมีรุ่นหลังขึ้นมาสู้ มันไม่จบ วิธีแก้คือ มีอะไรที่คิดต่างก็คุยกัน ตอนแรกอาจจะคุยยาก แต่นานเข้าจะเข้าใจกันมากขึ้น มนุษย์ไม่ว่าจะคนละภาษากัน แต่ถ้าได้พูดคุยก็จะมีความรู้สึกที่ดีต่อกันได้
เมื่อถามว่าแสดงว่าเห็นด้วยกับแนวทางเปิดโต๊ะเจรจาใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า อย่าเรียกว่าเปิดโต๊ะเจรจา เรียกว่าเป็นการพูดคุยระดับผู้ปฏิบัติ กับผู้คิดนโยบาย ควรมีเจ้าหน้าที่และผู้บริหารระดับสูงที่ไม่ใช่ฝ่ายการเมืองเข้าไปพูดคุยกันได้แล้ว ตนเชื่อว่าการรบที่ยืดเยื้อยาวนาน ทำให้สองฝ่ายล้าทั้งคู่ แต่คนสั่งรบสบาย ไม่ต้องทำอะไร คนค้าอาวุธก็ยิ่งชอบ เพราะได้กำไร
** "ปู"หัวไวเป็นนายกฯยาว
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้กล่าวอวยพร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นปีใหม่ไทยว่า ขอให้มีกำลังใจ เพราะอาจจะยังใหม่ทางการเมือง แต่นายกฯไม่ได้ตกใจทางการเมือง เพราะโดนหลายเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องของการใช้ บีบี แค่ยกเครื่องมาปิด ก็ยังโดน โดนทุกเรื่อง ยิ่งอยู่นานยิ่งดี ขอให้เข้มแข็งและเข้าใจว่า การเมืองคือแบบนี้และมักจะเอาเรื่องไม่จริงมากล่าวหา ขอให้อดทนเข้าไว้ และนิ่งไว้ อย่างนี้ทำถูกแล้ว ที่ตนสอนแบบนี้ เพราะทำเองไม่ได้ แต่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ทำได้ดีกว่าตนเยอะ คือนิ่ง แต่ตนไม่นิ่ง ถามอะไรมาเผลอๆ ก็ตอบเลย เพราะเป็นคนที่สมองไวไม่พอ ยังปากไวด้วย แต่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ สมองไวแต่ปากไม่ไว ก็ขอรักษาเอาไว้ให้ดี และแก้ปัญหาให้ประชาชนให้ได้
เมื่อถามว่าเชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ได้ครบเทอม ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า โดยกระบวนการแล้วไม่มีอะไร เพราะรัฐบาลจะอยู่ได้ไม่ได้ อยู่ที่ระบบรัฐสภา เมื่อเราตอบสภาได้ก็ไม่มีปัญหา
** มทภ.4 ลั่นไม่เจรจาโจรใต้
พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ เสนอให้มีการเจรจากับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า โดยปกติแล้ว คนที่เป็นคนแพ้ ย่อมอยากที่จะเจรจา แต่เราไม่ใช่คนแพ้ ดังนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเจรจา เราสู้ได้อยู่แล้ว และทุกฝ่ายก็พยายามต่อสู้อยู่ ซึ่งจะเห็นได้จากเหตุการณ์ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทุกคนต่างลุกขึ้นมาสู้ ออกมาเดินประท้วง ต่อต้านกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ จนขณะนี้ช่วงสงกรานต์ก็มีประชาชน และนักท่องเที่ยวกลับมาร่วมงานมีชีวิตชีวาเหมือนเดิม
พล.ท.อุดมชัย ยังกล่าวถึงความคืบหน้า คดีระเบิดหน้าสนามบิน จ.นราธิวาสเมื่อวันที่ 14 เม.ย. ที่ผ่านมาว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเพียงการก่อเหตุเพื่อแสดงสัญลักษณ์ของความรุนแรง และแสดงตัวตนว่ายังมีอยู่ และสามารถก่อเหตุในช่วงเทศกาลสำคัญได้ โดยอาศัยช่วงจังหวะและช่องว่าง ที่เจ้าหน้าที่กระจายกำลังไปรักษาความปลอดภัยในจุดที่มีการจัดงานต่างๆ ซึ่งทำให้กำลังบางพื้นที่มีการสับเปลี่ยน
ทั้งนี้ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และทุกส่วนที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยมีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดเพิ่มเติม รวมทั้งได้ทำการปิดล้อมบางพื้นที่ซึ่งเข้าข่ายต้องสงสัย เพื่อแสดงให้เห็นว่าอำนาจรัฐมันมีอยู่ โดยขอให้ประชาชนสบายใจเพราะเราทุกคนได้ทำอย่างเต็มความสามารถ และการก่อเหตุรายวันเพื่อสร้างสถานการณ์นี้หากเราไม่ให้ความสนใจ ไม่นำเสนอ เหตุการณ์ครั้งต่อไปก็น่าจะลดลง ดังนั้นสื่อมวลชนก็ต้องช่วยกันด้วย