xs
xsm
sm
md
lg

ส.โลกร้อนต้านเขื่อนแม่วงก์ จวกผลาญงบฯ-ไม่ผ่านอีไอเอ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จากกรณีที่ครม.มีมติไปเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา อนุมัติให้สร้างเขื่อนแม่วงก์ ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ วงเงินงบประมาณกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการทั้งสิ้น 8 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2555 – 2562 โดยเขื่อนดังกล่าว จะสร้างขึ้นบริเวณลุ่มน้ำสะแกกรัง ซึ่งประกอบด้วยแม่น้ำ 3 สาย ได้แก่ แม่น้ำสะแกกรัง ลำห้วยทับเสลา และห้วยแม่วงก์ เมื่อแล้วเสร็จจะมีพื้นที่ครอบคลุม 5 พัน ตร.กม. มีประสิทธิภาพในการรองรับน้ำได้ 1.3 พันล้าน ลบ.ม.ต่อปี ทั้งนี้ จะช่วยป้องกันผลกระทบเรื่องน้ำท่วม ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และ กทม.
วานนี้ (11 เม.ย.) นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคม ต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้ออกแถลงการณ์คัดค้าน โดยระบุว่า โครงการเขื่อนแม่วงก์ จะกินพื้นที่ จ.นครสวรรค์-กำแพงเพชร ในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ซึ่งติดต่อกับผืนป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวร พื้นที่ป่ามรดกโลกทางธรรมชาติ
การสร้างเขื่อนโดยมีข้ออ้างที่เป็นสูตรสำเร็จ ว่าเพื่อป้องกันน้ำท่วม และช่วยเหลือเกษตรกรให้มีน้ำใช้เพื่อการเกษตร ทั้งๆที่ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคเหนือตอนล่าง มีเขื่อนขนาดใหญ่และขนาดกลางมากกว่า 10 เขื่อนแล้ว แต่ก็ไม่สามารถป้องกันปัญหาน้ำท่วมเมื่อปี 2554 ได้
อีกทั้งโครงการดังกล่าวนี้ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ มีมติไม่เห็นชอบในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ไปแล้วตั้งแต่ปี 2545 และยังเสนอให้กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กลับไปศึกษาเพิ่มเติม ในเรื่องการบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ ในลักษณะบูรณาการมากกว่าที่จะเสนอให้มีการสร้างเขื่อนเป็นทางเลือกเดียวเท่านั้น
แต่รัฐบาลยุคนี้กลับใช้ข้ออ้างปัญหาน้ำท่วม เมื่อปี 2554 มาเป็นตัวประกัน เพื่อสร้างความชอบธรรมในการเร่งรีบการสร้างเขื่อนดังกล่าว โดยมิได้พิจารณาเลยว่า น้ำท่วมที่ผ่านมาเป็นความผิดพลาดล้มเหลวของรัฐบาล และหน่วยงานราชการทั้งระบบมากกว่าการไม่มีเขื่อนต่างหาก
การก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ จะทำให้ประเทศชาติต้องสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ไปมากกว่า 13,000 ไร่ ต้องสูญเสียผืนป่าแหล่งดูดซับก๊าซที่ก่อปัญหาโลกร้อน โดยมีไม้สักหนาแน่นเป็นอันดับสองของประเทศไทย รองจากอุทยานแห่งชาติแม่ยม จ.แพร่ ซึ่งจะถูกนำมาเป็นช่องทางหาผลประโยชน์ในการทำสัมปทานไม้ที่มีมูลค่านับหมื่นล้านบาท ชักลากไม้ออกจากป่า 4-5 ปี ก็ยังไม่หมด
นอกจากนั้น ลักษณะเด่นของผืนป่าแม่วงก์ คือ มีสภาพเป็นป่าลุ่ม ซึ่งแตกต่างจากป่าในบริเวณที่สูงกว่า เพราะเป็นที่อยู่อาศัย แหล่งน้ำ และแหล่งหากินของสัตว์ป่า โดยเฉพาะในหน้าแล้ง สัตว์ป่าบางชนิดจะอาศัยอยู่เฉพาะที่ลุ่มหรือใกล้แม่น้ำเท่านั้น ป่าที่ลุ่มในเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ก็เหลืออยู่น้อยมาก หากถูกน้ำท่วมอ่างเก็บน้ำจะเป็นตัวกีดขวางทางเดินของสัตว์ป่า และแบ่งพื้นที่ป่าออกเป็นสองส่วน จึงนับว่าเป็นการสูญเสียในด้านระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพที่ประเมินค่าไม่ได้
นอกจากนั้น มีข้อที่น่าสังเกต คือ เมื่อมีการเสนอโครงการนี้ใหม่ๆ ในปี 2528 กรมชลประทาน เสนอใช้งบประมาณในการก่อสร้างเพียง 3,187 ล้านบาทเท่านั้น โดยมีความจุของน้ำเหนือเขื่อน 380 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่พอมาเดือนสิงหาคม 2554 กรมชลประทานเพิ่มงบประมาณเป็น 9,629 ล้านบาท โดยลดความจุของน้ำเหนือเขื่อน เหลือ 258 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่เพียงชั่วระยะเวลาไม่ถึง 8 เดือน กลับมีการเพิ่มงบประมาณในการก่อสร้างไปถึง 13,000 ล้านบาท อันเป็นข้อน่าสงสัยว่า จะเป็นโครงการผลาญงบประมาณของชาติอีกโครงการหนึ่งจากเงินกู้ 3.5 แสนล้านหรือไม่
ที่สำคัญโครงการดังกล่าว เป็นโครงการที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงฯ ตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 67 วรรคสอง ซึ่งรัฐบาลต้องดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายเสียก่อน โดยเฉพาะในมาตรา 57 มาตรา 58 มาตรา 66 มาตรา 85 และมาตรา 87 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง แต่หากรัฐบาลรวบรัดดำเนินการ และใช้เทคนิกเลี่ยงขั้นตอนตามกฎหมาย สมาคมฯ และชาวบ้านก็พร้อมจะใช้กระบวนการยุติธรรมตาม มาตรา 60 และมาตรา 67 วรรคสาม เพื่อยับยั้งและเพิกถอนโครงการดังกล่าวแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น