ASTVผู้จัดการรายวัน-"พาณิชย์" จี้ ปตท.นำเข้าน้ำมันปาล์ม ไม่เกินโลละ 30 บาท ส่งโรงงานบรรจุขวดโดยเร็ว แก้ปัญหาน้ำมันปาล์มตึงตัว พร้อมส่งเจ้าหน้าที่สอบร้านค้าส่งขายเกินราคาควบคุม หากเจอเล่นงานหนักแน่ พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงแก้ปัญหาหมูราคาตก หลังผู้เลี้ยงโวย รัฐไม่ช่วยเหลือ
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศ เพื่อแก้ปัญหาราคาน้ำมันปาล์มในประเทศแพงว่า ขณะนี้รอให้บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) นำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศเพื่อป้อนให้กับโรงงานผลิตเป็นน้ำมันปาล์มบรรจุขวด โดยราคานำเข้าต้องไม่เกินกิโลกรัม (กก.) ละ 30 บาท เพื่อให้สามารถขายน้ำมันปาล์มขวดได้ตามราคาควบคุมที่ขวด (ลิตร) ละ 42 บาท คาดว่าน่าจะนำเข้าได้ภายในสัปดาห์หน้า
“เรื่องนี้รมว.พาณิชย์ได้หารือกับรมว.พลังงานหลายสัปดาห์แล้ว และก็รับปากจะให้ ปตท.นำเข้าให้ คงต้องทำตามที่ผู้ใหญ่ได้คุยกันไว้แล้ว เชื่อว่าภายใน 7 วันสินค้าจากอินโดนีเซียน่าจะมาถึงไทยได้ เพราะตอนนี้ของมีพร้อมจะนำเข้าอยู่แล้ว เหลือแต่เพียงลงเรือมาเท่านั้น” นางวัชรีกล่าว
ส่วนการที่พ่อค้าแม่ค้าในโรงอาหาร กระทรวงพาณิชย์ ร้องเรียนว่าถูกร้านค้าส่งน้ำมันปาล์มบรรจุขวดในตลาดสดบริเวณสนามบินน้ำ จ.นนทบุรี ขึ้นราคาขายจากขวดละ 42 บาทตามราคาควบคุม เป็นขวดละ 43 บาทนั้น จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ และสอบถามข้อเท็จจริง หากพบว่า จงใจค้ากำไรเกินควร จะโดนดำเนินการตามกฎหมายราคาสินค้าและบริการ โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายสมชาติ สร้อยทอง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงกรณีที่สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติได้ยื่นหนังสือถึงกรมฯ ขอให้ช่วยแก้ปัญหาราคาหมูตกต่ำ ด้วยการเสนอคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ให้อนุมัติงบประมาณมารับซื้อเนื้อหมู หรือหมูส่วนเกินเข้าห้องเย็น 100,000 ตัว แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากกรมฯ ว่า ได้นำเสนอให้ คชก.พิจารณาตามข้อเรียกร้องแล้ว แต่งบประมาณ คชก. มีจำกัด เพราะปีงบ 2555 ไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณจากภาครัฐ คชก.จึงสนับสนุนให้กู้ยืมจากธนาคาร โดยเมื่อวันที่ 24 ก.พ.2555 ได้มีมติอนุมัติงบ 14.85 ล้านบาท เพื่อชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้อัตรา 3% ต่อปี ให้แก่ผู้เลี้ยงหมู และสหกรณ์ผู้เลี้ยงหมูที่ทำสัญญากู้ยืมเงินจากธนาคาร เพื่อใช้เก็บสต๊อกเนื้อหมูเข้าห้องเย็น ลดปริมาณหมูส่วนเกินในระบบ 90,000 ตัว ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการแล้ว และทำให้ปัจจุบันราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มปรับสูงขึ้นจากกิโลกรัม (กก.) ละ 50 บาท เป็น 54 บาท
สำหรับโครงการเพิ่มศักยภาพและลดต้นทุนการผลิตให้ผู้เลี้ยงหมูและเลี้ยงไข่ไก่ โดยชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้อัตรา 3% ต่อปี ระยะเวลา 3 ปี (ปี 2554-57) ให้ผู้เลี้ยงสุกรที่กู้ยืมเงินไปใช้ในการเก็บสต๊อกวัตถุดิบอาหารสัตว์ หรือสร้างสถานที่เก็บวัตถุดิบนั้น ได้รับความสนใจและมีเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการแล้วหลายราย เช่น เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรและสหกรณ์ผู้เลี้ยงสุกรในจังหวัดราชบุรี นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา สิงห์บุรี และลำปาง
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศ เพื่อแก้ปัญหาราคาน้ำมันปาล์มในประเทศแพงว่า ขณะนี้รอให้บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) นำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศเพื่อป้อนให้กับโรงงานผลิตเป็นน้ำมันปาล์มบรรจุขวด โดยราคานำเข้าต้องไม่เกินกิโลกรัม (กก.) ละ 30 บาท เพื่อให้สามารถขายน้ำมันปาล์มขวดได้ตามราคาควบคุมที่ขวด (ลิตร) ละ 42 บาท คาดว่าน่าจะนำเข้าได้ภายในสัปดาห์หน้า
“เรื่องนี้รมว.พาณิชย์ได้หารือกับรมว.พลังงานหลายสัปดาห์แล้ว และก็รับปากจะให้ ปตท.นำเข้าให้ คงต้องทำตามที่ผู้ใหญ่ได้คุยกันไว้แล้ว เชื่อว่าภายใน 7 วันสินค้าจากอินโดนีเซียน่าจะมาถึงไทยได้ เพราะตอนนี้ของมีพร้อมจะนำเข้าอยู่แล้ว เหลือแต่เพียงลงเรือมาเท่านั้น” นางวัชรีกล่าว
ส่วนการที่พ่อค้าแม่ค้าในโรงอาหาร กระทรวงพาณิชย์ ร้องเรียนว่าถูกร้านค้าส่งน้ำมันปาล์มบรรจุขวดในตลาดสดบริเวณสนามบินน้ำ จ.นนทบุรี ขึ้นราคาขายจากขวดละ 42 บาทตามราคาควบคุม เป็นขวดละ 43 บาทนั้น จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ และสอบถามข้อเท็จจริง หากพบว่า จงใจค้ากำไรเกินควร จะโดนดำเนินการตามกฎหมายราคาสินค้าและบริการ โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายสมชาติ สร้อยทอง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงกรณีที่สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติได้ยื่นหนังสือถึงกรมฯ ขอให้ช่วยแก้ปัญหาราคาหมูตกต่ำ ด้วยการเสนอคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ให้อนุมัติงบประมาณมารับซื้อเนื้อหมู หรือหมูส่วนเกินเข้าห้องเย็น 100,000 ตัว แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากกรมฯ ว่า ได้นำเสนอให้ คชก.พิจารณาตามข้อเรียกร้องแล้ว แต่งบประมาณ คชก. มีจำกัด เพราะปีงบ 2555 ไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณจากภาครัฐ คชก.จึงสนับสนุนให้กู้ยืมจากธนาคาร โดยเมื่อวันที่ 24 ก.พ.2555 ได้มีมติอนุมัติงบ 14.85 ล้านบาท เพื่อชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้อัตรา 3% ต่อปี ให้แก่ผู้เลี้ยงหมู และสหกรณ์ผู้เลี้ยงหมูที่ทำสัญญากู้ยืมเงินจากธนาคาร เพื่อใช้เก็บสต๊อกเนื้อหมูเข้าห้องเย็น ลดปริมาณหมูส่วนเกินในระบบ 90,000 ตัว ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการแล้ว และทำให้ปัจจุบันราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มปรับสูงขึ้นจากกิโลกรัม (กก.) ละ 50 บาท เป็น 54 บาท
สำหรับโครงการเพิ่มศักยภาพและลดต้นทุนการผลิตให้ผู้เลี้ยงหมูและเลี้ยงไข่ไก่ โดยชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้อัตรา 3% ต่อปี ระยะเวลา 3 ปี (ปี 2554-57) ให้ผู้เลี้ยงสุกรที่กู้ยืมเงินไปใช้ในการเก็บสต๊อกวัตถุดิบอาหารสัตว์ หรือสร้างสถานที่เก็บวัตถุดิบนั้น ได้รับความสนใจและมีเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการแล้วหลายราย เช่น เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรและสหกรณ์ผู้เลี้ยงสุกรในจังหวัดราชบุรี นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา สิงห์บุรี และลำปาง