วานนี้ (27 มิ.ย. 55) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.00 น. นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนกรณี นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยเบิกจ่ายเงินบริจาคใช้ในการเดินทางไปต่างประเทศ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการฯ ว่า การประชุมวันนี้เป็นไปตามคำสั่งของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) คำสั่งที่ 210/2555 โดยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พม.เป็นผู้ลงนาม ซึ่งกรรมการมีทั้งสิ้น 6 คน ประกอบด้วยตัวแทนจากสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี 2 คน ตัวแทนจากอัยการสูงสุด 1 คน ตัวแทนจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ตัวแทนจาก พม. 2 คน การทำงานของกรรมการฯชุดนี้ถือเป็นการสอบทางวินัยตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน
การหารือ คณะกรรมการฯได้รับทราบคำสั่งและกำหนดแนวทางในการทำงาน โดยที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันที่จะเชิญนางพนิตามารับทราบรายละเอียดข้อกล่าวหา ในวันศุกร์ที่ 30 มี.ค.เวลา 15.30 น. ซึ่งตามระเบียบต้องอยู่ภายในระยะเวลา 15 วันนับจากวันที่ได้แจ้งคำสั่งแล้วเมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา
“เป็นการให้ถ้อยคำ ซึ่งหากนางพนิตามีเอกสารใดที่อยากจะส่งมาในสำนวนอย่างเป็นทางการก็ให้นำมามอบด้วยในวันดังกล่าว นอกจากนี้ก็จะมีการขอข้อมูลจาก สตง.ว่า ในการตรวจสอบที่ว่านี้นอกจากกระดาษที่แจ้งข้อหาแล้วหมายถึงกรณีใดบ้าง เรื่องอะไรบ้างจะได้มาลงรายละเอียดว่าผิดถูกประการใด และขอข้อมูลจากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิ์การ เพื่อดูรายละเอียดการเดินทางแต่ละครั้งมีอะไรบ้าง รวมทั้งก่อนปี 51-52 เคยมีการใช้จ่ายเงินในกรณีคล้ายกันหรือไม่ หรือว่ามีการทักท้วงจาก สตง.บ้างหรือไม่ หรือมีการตรวจสอบรับรองให้ความเห็นชอบกันมาอย่างไรบ้าง”
นายธงทอง กล่าวต่อว่า สำหรับข้อคัดค้านของนางพนิตาที่อยากจะให้ยกเลิกคณะกรรมการสอบสวนนั้น เรื่องนี้ถือเป็นดุลพินิจของผู้แต่งตั้งเป็นผู้ทบทวนหรือไม่ทบทวน แต่ตราบใดที่ยังมีคำสั่งคณะกรรมการก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ โดยพยายามให้ความเป็นธรรมและเร่งรัดการดำเนินการ ซึ่งการสอบสวนครั้งนี้จะอยู่ที่เอกสารเป็นหลัก อาจจะมีพยานที่ต้องเรียกสอบเพิ่มเติมบ้าง อย่างไรก็ตามคณะกรรมการจะพยายามทำให้เร็วไม่ให้เนิ่นช้า
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขั้นตอนที่นางพนิตามารับทราบข้อกล่าวหาและมีการชี้แจง พร้อมทั้งรับทราบข้อมูลจากสตง.ขั้นตอนจะใช้เวลานานหรือไม่ นายธงทอง กล่าวว่า ขอดูข้อมูลก่อนว่ามันพอหรือไม่ ทั้งนี้เชื่อว่านางพนิตาจะมาตามที่คณะกรรมการเชิญ เพราะไม่อย่างนั้นการสอบสวนจะค้างอยู่ และไม่เป็นประโยชน์ต่อนางพนิตา เพราะกระบวนการสอบสวนไม่จบ เชื่อว่านางพนิตาจะเข้าใจ เพราะเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ อยู่ในระบบราชการมาช้านาน คงเห็นใจกรรมการ
“ผมไม่ได้ลำบากใจที่ต้องมาเป็นกรรมการสอบสวน ที่ผ่านมาได้พบกับคุณพนิตาหลายวาระ เช่น ซ้อมงานพระเมรุ ยืนแถวคู่กันระหว่างคนถูกสอบกับคนสอบ ยืนติดกันเลย ผมบอกว่าจะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาตามความเห็นของกฎหมายที่บริสุทธิ์มีหลักฐานเหตุผลประกอบชี้แจงได้ หลังจากที่ได้ข้อสรุปก็จะส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรีต่อไป” นายธงทอง ระบุ
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการสอบสวน ยอมรับว่า มีข้อมูลที่ระบุถึงหนังสือจากนายพศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ตรวจเงินแผ่นดิน ถึงกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ขอทราบผลการพิจารณากรณีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปดูงานต่างประเทศ ซึ่งเป็นข้อโต้แย้งทางกฎหมาย การใช้ดุลยพินิจของกรมประชาสงเคราะห์
ส่วนการดำเนินการทางวินัยกับปลัดกระทรวงฯ เป็นการดำเนินการทางวินัยกับปลัดกระทรวงนในขณะนั้น ซึ่งตามหนังสือชี้แจงของกระทรวงฯ ระบุว่าไม่สามารถสอบสวนทางวินัยกับนางพนิตา อ้างเหตุผลว่า สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินให้สอบสวนทางวินัยกับ นายวัลลภ พลอยทับทิม อดีตปลัดกระทรวงฯเท่านั้น แต่รมว.พัฒนาสังคมฯ ได้ส่งหนังสือถึง สตง. ขอความชัดเจนในการที่จะเรียกคืนเงินจากนางพนิตาและดำเนินการกับนางพนิตา
คำตอบ ที่สตง.แจ้งคือ การนำเงินนอกงบประมาณไปใช้ผิดวัตถุประสงค์เป็นกรณี บกพร่องหรือผิดระเบียบมิใช้กรณีประพฤติมิชอบหรือทุจริต จึงได้ทักท้วงให้เรียกเงินคืนและดำเนินการกับปลัดกระทรวงขณะนั้นและผู้เกี่ยวข้อง
อีกด้าน มีรายงานจากพรรคเพื่อไทย ว่า หลังจากปัญหาดังกล่าวทำท่าจะบานปลาย โดยนายประวัฒน์ อุตโมท ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะน้องชาย พยายามล่ารายชื่อส.ส.เพื่อขอตรวจสอบการทำงานของนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมฯ
ขณะที่มีกระแสข่าวว่า นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หนึ่งในแกนนำพรรคเพื่อไทย ในฐานะน้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เชิญ นายประวัฒน์พร้อมด้วยส.ส.กลุ่มรักเพื่อน มาหารือเพื่อยุติปัญหาที่เกิดขึ้น ที่พรรคเพื่อไทย
“นางเยาวภา ย้ำกับนายประวัฒน์ว่า อย่าทำลายพรรค ขอให้เรื่องนี้มันจบๆไป ทำให้นายประวัฒน์ พูดขึ้นมาว่า "พวกผมไม่ได้ทำลาย เป็นพวกที่จงรักภักดีมาโดยตลอด" ซึ่งท่าทีของนายประวัฒน์ ค่อนข้างอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นนางเยาวภา จึงต่อสายพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น และพ.ต.ท.ทักษิณ พูดกลับมาว่า "เดี๋ยวจะจัดการให้ จะให้ความยุติธรรมทั้ง 2 ฝ่าย แต่ตอนนี้อย่าเคลื่อนไหว ขอให้รอผลสรุปชุดนายธงทอง ขณะที่ กลุ่มรักเพื่อนของนายประวัฒน์ บางคน ได้ติงท่าทีนายประวัฒน์ ว่า อ่อนเกินไป ที่ไปยอมรับข้อเสนอดังกล่าว และหวั่นเกรงว่าผลสอบที่ออกมาจะไม่เป็นผลบวกต่อนางพนิตา”รายงานข่าวระบุ
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ เป็นเรื่องการบริหารที่ต้องรอผลการสอบสวนขอเท็จจริง ที่รัฐบาลคงไม่สามารถไปปรับเปลี่ยนตัวในช่วงนี้ได้ และอีกส่วนเป็นเรื่องของพรรคฯ และในฐานะหัวหน้าพรรคฯ ที่จะต้องผู้ไกล่เกลี่ย ซึ่งหลายคนก็เข้ามาช่วยเป็นตัวกลางในการเจรจาไปแล้ว ทั้งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย เชื่อว่าจะได้ข้อยุติและไม่เกิดปัญหาความแตกแยกภายในพรรคฯ เพราะเป็นเพียงความเห็นที่แตกต่าง เป็นความขัดแย้งส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับองค์กร
ส่วนการที่นายประวัฒน์ กำลังล่ารายชื่อ ส.ส.ที่จะขับนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น ไม่มี เป็นเรื่องของข่าวที่ออกมาจากสื่อมวลชนเท่านั้น ทุกฝ่ายตกลงกันได้ไม่มีปัญหา
การหารือ คณะกรรมการฯได้รับทราบคำสั่งและกำหนดแนวทางในการทำงาน โดยที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันที่จะเชิญนางพนิตามารับทราบรายละเอียดข้อกล่าวหา ในวันศุกร์ที่ 30 มี.ค.เวลา 15.30 น. ซึ่งตามระเบียบต้องอยู่ภายในระยะเวลา 15 วันนับจากวันที่ได้แจ้งคำสั่งแล้วเมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา
“เป็นการให้ถ้อยคำ ซึ่งหากนางพนิตามีเอกสารใดที่อยากจะส่งมาในสำนวนอย่างเป็นทางการก็ให้นำมามอบด้วยในวันดังกล่าว นอกจากนี้ก็จะมีการขอข้อมูลจาก สตง.ว่า ในการตรวจสอบที่ว่านี้นอกจากกระดาษที่แจ้งข้อหาแล้วหมายถึงกรณีใดบ้าง เรื่องอะไรบ้างจะได้มาลงรายละเอียดว่าผิดถูกประการใด และขอข้อมูลจากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิ์การ เพื่อดูรายละเอียดการเดินทางแต่ละครั้งมีอะไรบ้าง รวมทั้งก่อนปี 51-52 เคยมีการใช้จ่ายเงินในกรณีคล้ายกันหรือไม่ หรือว่ามีการทักท้วงจาก สตง.บ้างหรือไม่ หรือมีการตรวจสอบรับรองให้ความเห็นชอบกันมาอย่างไรบ้าง”
นายธงทอง กล่าวต่อว่า สำหรับข้อคัดค้านของนางพนิตาที่อยากจะให้ยกเลิกคณะกรรมการสอบสวนนั้น เรื่องนี้ถือเป็นดุลพินิจของผู้แต่งตั้งเป็นผู้ทบทวนหรือไม่ทบทวน แต่ตราบใดที่ยังมีคำสั่งคณะกรรมการก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ โดยพยายามให้ความเป็นธรรมและเร่งรัดการดำเนินการ ซึ่งการสอบสวนครั้งนี้จะอยู่ที่เอกสารเป็นหลัก อาจจะมีพยานที่ต้องเรียกสอบเพิ่มเติมบ้าง อย่างไรก็ตามคณะกรรมการจะพยายามทำให้เร็วไม่ให้เนิ่นช้า
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขั้นตอนที่นางพนิตามารับทราบข้อกล่าวหาและมีการชี้แจง พร้อมทั้งรับทราบข้อมูลจากสตง.ขั้นตอนจะใช้เวลานานหรือไม่ นายธงทอง กล่าวว่า ขอดูข้อมูลก่อนว่ามันพอหรือไม่ ทั้งนี้เชื่อว่านางพนิตาจะมาตามที่คณะกรรมการเชิญ เพราะไม่อย่างนั้นการสอบสวนจะค้างอยู่ และไม่เป็นประโยชน์ต่อนางพนิตา เพราะกระบวนการสอบสวนไม่จบ เชื่อว่านางพนิตาจะเข้าใจ เพราะเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ อยู่ในระบบราชการมาช้านาน คงเห็นใจกรรมการ
“ผมไม่ได้ลำบากใจที่ต้องมาเป็นกรรมการสอบสวน ที่ผ่านมาได้พบกับคุณพนิตาหลายวาระ เช่น ซ้อมงานพระเมรุ ยืนแถวคู่กันระหว่างคนถูกสอบกับคนสอบ ยืนติดกันเลย ผมบอกว่าจะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาตามความเห็นของกฎหมายที่บริสุทธิ์มีหลักฐานเหตุผลประกอบชี้แจงได้ หลังจากที่ได้ข้อสรุปก็จะส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรีต่อไป” นายธงทอง ระบุ
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการสอบสวน ยอมรับว่า มีข้อมูลที่ระบุถึงหนังสือจากนายพศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ตรวจเงินแผ่นดิน ถึงกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ขอทราบผลการพิจารณากรณีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปดูงานต่างประเทศ ซึ่งเป็นข้อโต้แย้งทางกฎหมาย การใช้ดุลยพินิจของกรมประชาสงเคราะห์
ส่วนการดำเนินการทางวินัยกับปลัดกระทรวงฯ เป็นการดำเนินการทางวินัยกับปลัดกระทรวงนในขณะนั้น ซึ่งตามหนังสือชี้แจงของกระทรวงฯ ระบุว่าไม่สามารถสอบสวนทางวินัยกับนางพนิตา อ้างเหตุผลว่า สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินให้สอบสวนทางวินัยกับ นายวัลลภ พลอยทับทิม อดีตปลัดกระทรวงฯเท่านั้น แต่รมว.พัฒนาสังคมฯ ได้ส่งหนังสือถึง สตง. ขอความชัดเจนในการที่จะเรียกคืนเงินจากนางพนิตาและดำเนินการกับนางพนิตา
คำตอบ ที่สตง.แจ้งคือ การนำเงินนอกงบประมาณไปใช้ผิดวัตถุประสงค์เป็นกรณี บกพร่องหรือผิดระเบียบมิใช้กรณีประพฤติมิชอบหรือทุจริต จึงได้ทักท้วงให้เรียกเงินคืนและดำเนินการกับปลัดกระทรวงขณะนั้นและผู้เกี่ยวข้อง
อีกด้าน มีรายงานจากพรรคเพื่อไทย ว่า หลังจากปัญหาดังกล่าวทำท่าจะบานปลาย โดยนายประวัฒน์ อุตโมท ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะน้องชาย พยายามล่ารายชื่อส.ส.เพื่อขอตรวจสอบการทำงานของนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมฯ
ขณะที่มีกระแสข่าวว่า นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หนึ่งในแกนนำพรรคเพื่อไทย ในฐานะน้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เชิญ นายประวัฒน์พร้อมด้วยส.ส.กลุ่มรักเพื่อน มาหารือเพื่อยุติปัญหาที่เกิดขึ้น ที่พรรคเพื่อไทย
“นางเยาวภา ย้ำกับนายประวัฒน์ว่า อย่าทำลายพรรค ขอให้เรื่องนี้มันจบๆไป ทำให้นายประวัฒน์ พูดขึ้นมาว่า "พวกผมไม่ได้ทำลาย เป็นพวกที่จงรักภักดีมาโดยตลอด" ซึ่งท่าทีของนายประวัฒน์ ค่อนข้างอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นนางเยาวภา จึงต่อสายพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น และพ.ต.ท.ทักษิณ พูดกลับมาว่า "เดี๋ยวจะจัดการให้ จะให้ความยุติธรรมทั้ง 2 ฝ่าย แต่ตอนนี้อย่าเคลื่อนไหว ขอให้รอผลสรุปชุดนายธงทอง ขณะที่ กลุ่มรักเพื่อนของนายประวัฒน์ บางคน ได้ติงท่าทีนายประวัฒน์ ว่า อ่อนเกินไป ที่ไปยอมรับข้อเสนอดังกล่าว และหวั่นเกรงว่าผลสอบที่ออกมาจะไม่เป็นผลบวกต่อนางพนิตา”รายงานข่าวระบุ
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ เป็นเรื่องการบริหารที่ต้องรอผลการสอบสวนขอเท็จจริง ที่รัฐบาลคงไม่สามารถไปปรับเปลี่ยนตัวในช่วงนี้ได้ และอีกส่วนเป็นเรื่องของพรรคฯ และในฐานะหัวหน้าพรรคฯ ที่จะต้องผู้ไกล่เกลี่ย ซึ่งหลายคนก็เข้ามาช่วยเป็นตัวกลางในการเจรจาไปแล้ว ทั้งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย เชื่อว่าจะได้ข้อยุติและไม่เกิดปัญหาความแตกแยกภายในพรรคฯ เพราะเป็นเพียงความเห็นที่แตกต่าง เป็นความขัดแย้งส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับองค์กร
ส่วนการที่นายประวัฒน์ กำลังล่ารายชื่อ ส.ส.ที่จะขับนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น ไม่มี เป็นเรื่องของข่าวที่ออกมาจากสื่อมวลชนเท่านั้น ทุกฝ่ายตกลงกันได้ไม่มีปัญหา