ASTVผู้จัดการรายวัน - "ธงทอง" เจ้าเก่า! นั่งประธานคณะกรรมการสอบวินัย "พนิตา" เบิกจ่ายเงินเดินทางไป ตปท.ผิดประเภท ประชุมนัดแรกอังคารหน้า อ้างไม่มีคำสั่งเร่งสอบจากใคร "สันติ" เล่นแรง ขู่ข้าราชการ ผิดวินัยเรื่องอื่นพ่วงสอบชุดนี้ด้วย ด้าน "อุดมเดช" หวังผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย เคลียร์กรณี "สันติ-ประวัฒน์"ได้ เชื่อไม่บานปลาย
นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้า กรณีคณะกรรมการสอบสวน นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ถูกกล่าวหากรณีเบิกจ่ายเงินบริจาคใช้ในการเดินทางไปต่างประเทศว่า ตนได้เพิ่งได้รับคำสั่งจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และได้นัดประชุมกรรมการรอบแรก ในวันอังคารหน้า (27 มี.ค.) เพื่อขอดูเอกสาร และเรื่องราวต้นเรื่อง และกำหนดแนวทางการทำงานต่อไป
เมื่อถามว่าได้แจ้งหนังสือคำสั่งสอบสวนไปยังนางพนิตา แล้วหรือยัง นายธงทอง กล่าวว่า กระทรวงพัฒนาสังคมฯ เป็นคนแจ้ง ตนไม่ได้แจ้ง เมื่อถามว่าต้องเร่งการสอบสวนหรือไม่เพราะนางพนิตา ระบุว่า ให้ ครม.พิจารณาถอนมติภายใน 7 วัน นายธงทอง กล่าวว่า "ผมไม่ได้รับคำสั่งให้เร่งจากใคร"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ได้แจ้งคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน มายังนายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 16 มี.ค.55 โดยระบุว่า " ด้วยนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ข้าราชการพลเรือน ประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ มีกรณีถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดวินัยในเรื่องดังกล่าวคือ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาสังคม และสวัสดิการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้มีหนังสือทักท้วงการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศของกรมพัฒนาสังคม และสวัสดิการ จำนวน 22 คณะ ซึ่งจ่ายจากเงินนอกงบประมาณ ประเภทเงินบริจาคทั่วไป เงินบำรุงกิจการนิคม และเงินสะสมค่าอาหาร ตามคำสั่งกรมประชาสงเคราะห์ ที่ 96/2504 ลงวันที่ 6 มี.ค.54 จำนวน 32,906,146.50 บาท เป็นการนำเงินนอกงบประมาณไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หลักของเงินบริจาค เงินบำรุงกิจการนิคม และเงินสะสมค่าอาหาร ให้นำเงินดังกล่าวส่งคืนคลัง และดำเนินการทางวินัยกับ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงินในกรณีดังกล่าว"
อาศัยอำนาจตามความใน มาตรา 92 แห่ง พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาในเรื่องดังกล่าวประกอบด้วยบุคคลดังต่อไปนี้
1.นางธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
2.นายพันธ์ชัย รัตนชัย รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการ 3. นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นกรรมการ
4. นายวิบูลย์ทัต สุทันธนกิตติ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นกรรมการ
5. นางมณีรัตน์ สุวันทารัตน์ ผู้อำนวยการส่วนการคลัง สำนักบริหารกลาง กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เป็นกรรมการ
6. นายสุพล บริสุทธิ์ ผู้อำนวยการกลุ่มกฎหมาย สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นกรรมการและเลขานุการ
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการสอบสวนดำเนินการสอบสวนพิจารณาตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดในกฎ ก.พ. ฉบับที่ 18 ( พ.ศ. 2540 ) ออกตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณาประกอบ มาตรา 132 แห่งพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 โดยอนุโลม ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วเสนอสำนวนการสอบสวนมาเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
อนึ่ง ถ้าคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่า กรณีมีมูลว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยในเรื่องอื่น นอกจากที่ระบุไว้ในคำสั่ง หรือกรณีการสอบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการผู้อื่น และคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาเบื้องต้นเห็นว่า ข้าราชการผู้นั้นมีส่วนร่วมกระทำการในเรื่องที่สอบสวนนั้นอยู่ด้วย ให้ประธานกรรมการรายงานมาโดยเร็ว สั่ง ณ วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2555 ลงนามโดย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ด้านนายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงความขัดเเย้งระหว่างนายประวัฒน์ อุตตะโมต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นน้องชายนางพนิตา กับ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมฯ หลังจากนายสันติ เสนอครม.ให้ย้าย นางพนิตา จากปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ โดยนายสันติ อ้างว่า สตง. สั่งให้สอบสวนวินัยการใช้งบประมาณ 32 ล้านบาท กับนางพนิตา เเต่นายประวัฒน์ ซึ่งเป็นน้องชายนางพนิตา ระบุว่านายสันติ เล่นเกมการเมือง เเละไม่ให้เกียรติ โดยนายประวัฒน์ อ้างว่าจะสู้เรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เเละได้รับการสนับสนุนจากส.ส.หลายคนในพรรคเพื่อไทย เเละพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ทราบเรื่องเเล้วด้วย
ทั้งนี้ การประชุมพรรคสัปดาห์นี้ จะสอบถามข้อเท็จจริงจากนายสันติว่า คิดว่าผู้ใหญ่ในพรรคควรเรียกสองฝ่ายมาหารือ เพราะเเต่ละคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง โดนายสันติ อ้างว่าทำตามมติ สตง. เเต่นายประวัฒน์ มองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนกันเองในพรรค ควรหารือกันก่อน เเต่ระเบียบวาระการประชุมพรรคในสัปดาห์นี้ ไม่มีเรื่องนี้บรรจุไว้ เเต่อาจมี ส.ส.บางคนสอบถามได้
" เเม้เรื่องนี้นายประวัฒน์ อยากให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความเป็นธรรม เเต่ทราบว่านายกฯ ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอยู่เเล้ว เเต่เรื่องนี้ผมมองบรรยากาศเเล้ว พบว่าสองฝ่ายต่างยุติการเคลื่อนไหวกันเเล้ว" นายอุดมเดช กล่าว
ส่วนเรื่องนี้จะยืดเยื้อบานปลายหรือไม่นั้น นายอุดมเดช กล่าวว่า คิดว่าสองฝ่ายควรย้อนกลับไปมองการเคลื่อนไหวของตัวเองกันด้วย เเต่ทราบจากข่าวว่า นายประวัฒน์ ยุติการให้ข่าว เเละความเคลื่อนไหวจนกว่าผลสอบสวนวินัยจะออกมา ส่วนนายสันติ ก็ทราบว่า ยุติการให้ข่าวเเล้วเช่นกัน.
นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้า กรณีคณะกรรมการสอบสวน นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ถูกกล่าวหากรณีเบิกจ่ายเงินบริจาคใช้ในการเดินทางไปต่างประเทศว่า ตนได้เพิ่งได้รับคำสั่งจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และได้นัดประชุมกรรมการรอบแรก ในวันอังคารหน้า (27 มี.ค.) เพื่อขอดูเอกสาร และเรื่องราวต้นเรื่อง และกำหนดแนวทางการทำงานต่อไป
เมื่อถามว่าได้แจ้งหนังสือคำสั่งสอบสวนไปยังนางพนิตา แล้วหรือยัง นายธงทอง กล่าวว่า กระทรวงพัฒนาสังคมฯ เป็นคนแจ้ง ตนไม่ได้แจ้ง เมื่อถามว่าต้องเร่งการสอบสวนหรือไม่เพราะนางพนิตา ระบุว่า ให้ ครม.พิจารณาถอนมติภายใน 7 วัน นายธงทอง กล่าวว่า "ผมไม่ได้รับคำสั่งให้เร่งจากใคร"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ได้แจ้งคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน มายังนายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 16 มี.ค.55 โดยระบุว่า " ด้วยนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ข้าราชการพลเรือน ประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ มีกรณีถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดวินัยในเรื่องดังกล่าวคือ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาสังคม และสวัสดิการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้มีหนังสือทักท้วงการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศของกรมพัฒนาสังคม และสวัสดิการ จำนวน 22 คณะ ซึ่งจ่ายจากเงินนอกงบประมาณ ประเภทเงินบริจาคทั่วไป เงินบำรุงกิจการนิคม และเงินสะสมค่าอาหาร ตามคำสั่งกรมประชาสงเคราะห์ ที่ 96/2504 ลงวันที่ 6 มี.ค.54 จำนวน 32,906,146.50 บาท เป็นการนำเงินนอกงบประมาณไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หลักของเงินบริจาค เงินบำรุงกิจการนิคม และเงินสะสมค่าอาหาร ให้นำเงินดังกล่าวส่งคืนคลัง และดำเนินการทางวินัยกับ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงินในกรณีดังกล่าว"
อาศัยอำนาจตามความใน มาตรา 92 แห่ง พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาในเรื่องดังกล่าวประกอบด้วยบุคคลดังต่อไปนี้
1.นางธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
2.นายพันธ์ชัย รัตนชัย รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการ 3. นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นกรรมการ
4. นายวิบูลย์ทัต สุทันธนกิตติ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นกรรมการ
5. นางมณีรัตน์ สุวันทารัตน์ ผู้อำนวยการส่วนการคลัง สำนักบริหารกลาง กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เป็นกรรมการ
6. นายสุพล บริสุทธิ์ ผู้อำนวยการกลุ่มกฎหมาย สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นกรรมการและเลขานุการ
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการสอบสวนดำเนินการสอบสวนพิจารณาตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดในกฎ ก.พ. ฉบับที่ 18 ( พ.ศ. 2540 ) ออกตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณาประกอบ มาตรา 132 แห่งพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 โดยอนุโลม ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วเสนอสำนวนการสอบสวนมาเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
อนึ่ง ถ้าคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่า กรณีมีมูลว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยในเรื่องอื่น นอกจากที่ระบุไว้ในคำสั่ง หรือกรณีการสอบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการผู้อื่น และคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาเบื้องต้นเห็นว่า ข้าราชการผู้นั้นมีส่วนร่วมกระทำการในเรื่องที่สอบสวนนั้นอยู่ด้วย ให้ประธานกรรมการรายงานมาโดยเร็ว สั่ง ณ วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2555 ลงนามโดย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ด้านนายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงความขัดเเย้งระหว่างนายประวัฒน์ อุตตะโมต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นน้องชายนางพนิตา กับ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมฯ หลังจากนายสันติ เสนอครม.ให้ย้าย นางพนิตา จากปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ โดยนายสันติ อ้างว่า สตง. สั่งให้สอบสวนวินัยการใช้งบประมาณ 32 ล้านบาท กับนางพนิตา เเต่นายประวัฒน์ ซึ่งเป็นน้องชายนางพนิตา ระบุว่านายสันติ เล่นเกมการเมือง เเละไม่ให้เกียรติ โดยนายประวัฒน์ อ้างว่าจะสู้เรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เเละได้รับการสนับสนุนจากส.ส.หลายคนในพรรคเพื่อไทย เเละพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ทราบเรื่องเเล้วด้วย
ทั้งนี้ การประชุมพรรคสัปดาห์นี้ จะสอบถามข้อเท็จจริงจากนายสันติว่า คิดว่าผู้ใหญ่ในพรรคควรเรียกสองฝ่ายมาหารือ เพราะเเต่ละคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง โดนายสันติ อ้างว่าทำตามมติ สตง. เเต่นายประวัฒน์ มองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนกันเองในพรรค ควรหารือกันก่อน เเต่ระเบียบวาระการประชุมพรรคในสัปดาห์นี้ ไม่มีเรื่องนี้บรรจุไว้ เเต่อาจมี ส.ส.บางคนสอบถามได้
" เเม้เรื่องนี้นายประวัฒน์ อยากให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความเป็นธรรม เเต่ทราบว่านายกฯ ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอยู่เเล้ว เเต่เรื่องนี้ผมมองบรรยากาศเเล้ว พบว่าสองฝ่ายต่างยุติการเคลื่อนไหวกันเเล้ว" นายอุดมเดช กล่าว
ส่วนเรื่องนี้จะยืดเยื้อบานปลายหรือไม่นั้น นายอุดมเดช กล่าวว่า คิดว่าสองฝ่ายควรย้อนกลับไปมองการเคลื่อนไหวของตัวเองกันด้วย เเต่ทราบจากข่าวว่า นายประวัฒน์ ยุติการให้ข่าว เเละความเคลื่อนไหวจนกว่าผลสอบสวนวินัยจะออกมา ส่วนนายสันติ ก็ทราบว่า ยุติการให้ข่าวเเล้วเช่นกัน.