นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึง กรณีนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ทำหนังสือเสนอให้ นายสันติ ทบทวนคำสั่งโยกย้ายว่า จริงๆ แล้วกรณีนี้ตนเป็นคนกลาง ซึ่งการตั้งกรรมการสอบวินัย เนื่องมาจากทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้มีข้อทักท้วง 2 ข้อ ด้วยกันคือ
ข้อ 1 ให้ดำเนินการเรียกเงินที่ใช้ผิดประเภทและผิดวัตถุประสงค์คืน เพื่อบรรเทาความเสียหายของทางราชการ
ข้อ 2 ให้ดำเนินการทางวินัยกับปลัดฯพม. ที่ได้ร่วมในเรื่องนี้ รวมทั้งอธิบดีพม. และผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งตนก็ได้ดำเนินการไปตามนั้นครบถ้วนแล้ว ขณะนี้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการทางวินัย ที่จะไปตรวจสอบดูแลในด้านต่างๆ ตามข้อทักท้วงของสตง. ส่วนในช่วงนี้ ตนได้หมดภาระหน้าที่ ที่ดำเนินการตามหนังสือ ซึ่งลงวันที่ 25 ส.ค.54 แล้ว หากตอนนี้ไปพูดอะไรมากมาย ก็จะไปชี้นำ หรือจะไปทำให้การทำงาน ของคณะกรรมการทางวินัย ที่ได้ตั้งขึ้นทำงานอย่างตรงไปตรงมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า นางพนิตา จะยื่นเรื่องเพื่อเอาผิดครม.ทั้งคณะ เพราะมีการออกคำสั่งโยกย้าย โดยที่ควรจะต้องรอให้ สตง.สอบให้เสร็จก่อน นายสันติ กล่าวว่า ตนว่าทุกคนต้องเคารพในสิทธิ์ของตนเอง ถ้าคิดว่าใครมีสิทธิ์ใดๆ หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ตามความรู้สึกของตนเอง ก็สามารถที่จะดำเนินการได้
"เพราะผมเองท่านก็บอกว่าจะฟ้องผม ทั้งคดีอาญา ทั้งละเว้น ทั้งอะไร ต่างๆ คือถ้าหากคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ต้องดำเนินการตามที่ตนเองมีความคิดเห็นอย่างนั้น ผมเองได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการ และได้ดูแลเงินของหลวง เงินของรัฐ อย่างดีที่สุด และสิ่งที่ผมดำเนินการนั้น ก็ดำเนินการภายใต้หนังสือ ที่ลงวันที่ 25 ส.ค.54 ของสตง. ผมไม่ได้มีข้อขัดแย้งกับท่านปลัดฯ หรือบบุคคลที่เกี่ยวข้องใดๆเลย และเรื่องทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นนั้น ก็เกิดขึ้นก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่ง เพราะฉะนั้น ผมจึงไม่ใช่ผู้ขัดแย้ง" นายสันติ กล่าว
เมื่อถามว่ายืนยันว่าทำตามระเบียบขั้นตอนทุกอย่าง ใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ได้ดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่าง และการตั้งกรรมการนั้น ก็ตั้งตามที่ สตง.บอกเอาไว้
เมื่อถามว่า นางพนิตา บอกว่าอยู่ในการพิจารณาของ สตง. ไม่สามารถ ที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบได้นั้น นายสันติ กล่าวว่า ต้องดูคณะกรรมการที่กำลังดำเนินการอยู่ก่อน ส่วนใครจะพูดอย่างไร พูดทุกวันเวลานั้น มันเป็นความคิดของคนๆ เดียว แต่ว่าขณะนี้มีคณะกรรมการแล้ว ก็ปล่อยให้คณะกรรมทำงาน ส่วนสิทธิ์ของตนเองแค่ไหน และอยากจะทำอะไรนั้น ก็เป็นสิทธิ์ของตนเองไป
เมื่อถามว่า มีข่าวว่านายประวัฒน์ อุตตะโมต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่เป็นน้องชายนางพนิตา ได้ทำหนังสือถึงพรรค เพื่อให้บรรจุกรณีนางพนิตาเข้าสู่ที่ประชุมพรรคนั้น นายสันติ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะ กรณีนี้เป็นเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินและทำตามหนังสือของสตง. ซึ่งการทำงานนั้น อาจจะไปทำให้ใครเสียใจ ก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่การดูแลให้ถูกต้องตามระเบียบและการดูแลเงินของแผ่นดินนั้น ก็มีความสำคัญ
เมื่อถามว่า เห็นบอกว่า พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย จะมาไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ ได้มีการพูดคุยกันหรือยัง นายสันติ กล่าวว่า การบริหาราชการแผ่นดินไกล่เกลี่ยได้ด้วยหรือ ตนไม่มีได้มีความเข้าใจกับใคร และไม่มีความขัดแย้งส่วนตัวกับนายประวัฒน์ เลยแม้แต่น้อย แต่ส่วนที่ได้ดำเนินการไปไม่ถูกใจใคร และทำให้ใครเสียใจนั้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องเก็บไว้ในใจ แต่สำหรับการปฏิบัติราชการ ถ้าตนทำไปตามความถูกต้อง และเป็นธรรมแล้วก็มั่นใจ
เมื่อถามว่า อย่างกรณีที่ มีการระบุเรื่องการสร้างตึก ที่อาจจะเป็นเหตุผลร่วมด้วย ขณะนี้โครงการดังกล่าวดำเนินการไปต่อ หรือหยุดชะงักไว้ก่อน นายสันติ กล่าวว่า ก็เป็นความเข้าใจว่าเรื่องนั้น เรื่องนี้ แต่ถ้าเราปฏิบัติราชการ และบริหารอย่างตรงไปตรงมา และมีความเป็นธรรม ตนมั่นใจว่า ทุกอย่างที่ทำนั้น ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตึก เรื่องการตั้งกรรมการ ทุกเรื่องมันอธิบายได้เมื่อถามว่า เอาเก้าอี้รัฐมนตรีมาเป็นเดิมพันหรือไม่ นายสันติ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม พร้อมหันมองผู้สื่อข่าว ก่อนเดินกลับไปขึ้นรถ
ข้อ 1 ให้ดำเนินการเรียกเงินที่ใช้ผิดประเภทและผิดวัตถุประสงค์คืน เพื่อบรรเทาความเสียหายของทางราชการ
ข้อ 2 ให้ดำเนินการทางวินัยกับปลัดฯพม. ที่ได้ร่วมในเรื่องนี้ รวมทั้งอธิบดีพม. และผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งตนก็ได้ดำเนินการไปตามนั้นครบถ้วนแล้ว ขณะนี้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการทางวินัย ที่จะไปตรวจสอบดูแลในด้านต่างๆ ตามข้อทักท้วงของสตง. ส่วนในช่วงนี้ ตนได้หมดภาระหน้าที่ ที่ดำเนินการตามหนังสือ ซึ่งลงวันที่ 25 ส.ค.54 แล้ว หากตอนนี้ไปพูดอะไรมากมาย ก็จะไปชี้นำ หรือจะไปทำให้การทำงาน ของคณะกรรมการทางวินัย ที่ได้ตั้งขึ้นทำงานอย่างตรงไปตรงมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า นางพนิตา จะยื่นเรื่องเพื่อเอาผิดครม.ทั้งคณะ เพราะมีการออกคำสั่งโยกย้าย โดยที่ควรจะต้องรอให้ สตง.สอบให้เสร็จก่อน นายสันติ กล่าวว่า ตนว่าทุกคนต้องเคารพในสิทธิ์ของตนเอง ถ้าคิดว่าใครมีสิทธิ์ใดๆ หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ตามความรู้สึกของตนเอง ก็สามารถที่จะดำเนินการได้
"เพราะผมเองท่านก็บอกว่าจะฟ้องผม ทั้งคดีอาญา ทั้งละเว้น ทั้งอะไร ต่างๆ คือถ้าหากคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ต้องดำเนินการตามที่ตนเองมีความคิดเห็นอย่างนั้น ผมเองได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการ และได้ดูแลเงินของหลวง เงินของรัฐ อย่างดีที่สุด และสิ่งที่ผมดำเนินการนั้น ก็ดำเนินการภายใต้หนังสือ ที่ลงวันที่ 25 ส.ค.54 ของสตง. ผมไม่ได้มีข้อขัดแย้งกับท่านปลัดฯ หรือบบุคคลที่เกี่ยวข้องใดๆเลย และเรื่องทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นนั้น ก็เกิดขึ้นก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่ง เพราะฉะนั้น ผมจึงไม่ใช่ผู้ขัดแย้ง" นายสันติ กล่าว
เมื่อถามว่ายืนยันว่าทำตามระเบียบขั้นตอนทุกอย่าง ใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ได้ดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่าง และการตั้งกรรมการนั้น ก็ตั้งตามที่ สตง.บอกเอาไว้
เมื่อถามว่า นางพนิตา บอกว่าอยู่ในการพิจารณาของ สตง. ไม่สามารถ ที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบได้นั้น นายสันติ กล่าวว่า ต้องดูคณะกรรมการที่กำลังดำเนินการอยู่ก่อน ส่วนใครจะพูดอย่างไร พูดทุกวันเวลานั้น มันเป็นความคิดของคนๆ เดียว แต่ว่าขณะนี้มีคณะกรรมการแล้ว ก็ปล่อยให้คณะกรรมทำงาน ส่วนสิทธิ์ของตนเองแค่ไหน และอยากจะทำอะไรนั้น ก็เป็นสิทธิ์ของตนเองไป
เมื่อถามว่า มีข่าวว่านายประวัฒน์ อุตตะโมต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่เป็นน้องชายนางพนิตา ได้ทำหนังสือถึงพรรค เพื่อให้บรรจุกรณีนางพนิตาเข้าสู่ที่ประชุมพรรคนั้น นายสันติ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะ กรณีนี้เป็นเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินและทำตามหนังสือของสตง. ซึ่งการทำงานนั้น อาจจะไปทำให้ใครเสียใจ ก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่การดูแลให้ถูกต้องตามระเบียบและการดูแลเงินของแผ่นดินนั้น ก็มีความสำคัญ
เมื่อถามว่า เห็นบอกว่า พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย จะมาไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ ได้มีการพูดคุยกันหรือยัง นายสันติ กล่าวว่า การบริหาราชการแผ่นดินไกล่เกลี่ยได้ด้วยหรือ ตนไม่มีได้มีความเข้าใจกับใคร และไม่มีความขัดแย้งส่วนตัวกับนายประวัฒน์ เลยแม้แต่น้อย แต่ส่วนที่ได้ดำเนินการไปไม่ถูกใจใคร และทำให้ใครเสียใจนั้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องเก็บไว้ในใจ แต่สำหรับการปฏิบัติราชการ ถ้าตนทำไปตามความถูกต้อง และเป็นธรรมแล้วก็มั่นใจ
เมื่อถามว่า อย่างกรณีที่ มีการระบุเรื่องการสร้างตึก ที่อาจจะเป็นเหตุผลร่วมด้วย ขณะนี้โครงการดังกล่าวดำเนินการไปต่อ หรือหยุดชะงักไว้ก่อน นายสันติ กล่าวว่า ก็เป็นความเข้าใจว่าเรื่องนั้น เรื่องนี้ แต่ถ้าเราปฏิบัติราชการ และบริหารอย่างตรงไปตรงมา และมีความเป็นธรรม ตนมั่นใจว่า ทุกอย่างที่ทำนั้น ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตึก เรื่องการตั้งกรรมการ ทุกเรื่องมันอธิบายได้เมื่อถามว่า เอาเก้าอี้รัฐมนตรีมาเป็นเดิมพันหรือไม่ นายสันติ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม พร้อมหันมองผู้สื่อข่าว ก่อนเดินกลับไปขึ้นรถ