เจ้ากระทรวง พม.ยันไม่ได้ขัดแย้งอดีตปลัดฯ อ้างตั้ง กก.สอบแค่ทำตาม สตง. แจง ชี้ไม่มีโทษอะไร ไม่เชื่อเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวในพรรค ลั่นทำตามกฎหมาย วอน “ประวัฒน์” เข้าใจด้วย รับเสียใจแต่มันเป็นหน้าที่ ชี้เป็นสิทธิเจ้าตัวฟ้อง ม.157 หรือ ก.พ.ค.
วันนี้ (20 มี.ค.) ที่จ.ภูเก็ต นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา อดีตปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งถูกกล่าวหากรณีเบิกจ่ายเงินบริจาคใช้ในการเดินทางไปต่างประเทศว่า จริงแล้วไม่ได้มีปัญหาอะไร ตนไม่ได้มีความขัดแย้งใดๆกับอดีตท่านปลัดฯ แค่ทำตามที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. มีเอกสารแจ้งมา และเราก็ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยและเรียกเงินคืน จริงๆ แล้วไม่ได้มีโทษทัณฑ์อะไร และไม่เชื่อว่าจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งภายในพรรค เพราะเป็นเรื่องของปัญหาการบริหารราชการแผ่นดิน
“แค่ทำตามกฎระเบียบและกฎหมาย และผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง การใช้เงินของส่วนราชการ งบประมาณไม่ถูกไม่ต้องเราก็ต้องตรวจสอบ เพราะเป็นความจำเป็นต่อการบริหารราชการที่ดี ไม่ได้มีเรื่องของความขัดแย้งหรือสิ่งใดๆ แต่เป็นเรื่องของการปฏิบัติดูแลบริหารราชการแผ่นดินธรรมดา และหากพรรคเพื่อไทยจะตั้งกระทู้ถามผมในเรื่องนี้ก็ไม่มีปัญหาเพราะทำตามกฎหมาย และโดยส่วนตัวไม่ได้มีความขัดแย้งของใครทั้งสิ้น แม้แต่ตัวปลัดฯ เองก็ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกัน” นายสันติกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จนถึงวันนี้มีการเคลียร์ใจกับนายประวัฒน์ อุตตโมต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย น้องชายนางพนิตา แล้วหรือยัง นายสันติ กล่าวว่า ตนคิดว่าท่านประวัฒน์ ก็คงต้องเข้าใจ แต่การตั้งคณะกรรมการสอบตามการสั่งการของ สตง.นั้น ทำให้นายประวัฒน์ เสียใจ และตนก็เสียใจเหมือนกัน การทำงานในหน้าที่ ก็ต้องเป็นการทำงานในหน้าที่เราก็คงไม่ได้เลือกปฏิบัติว่าคนนั้นคนนี้เป็นใคร และคนที่เป็นข้าราชการแผ่นดินก็ต้องทำตามระเบียบของกฎหมาย และเรื่องของความเสียใจตนก็เสียใจเหมือนกัน ก็คล้ายๆ กับนายประวัฒน์ แต่ทำอย่างไรได้ ในเมื่อ สตง.ทำหนังสือมาอย่างนั้น ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย สอบแล้วได้ผลอย่างไรก็ค่อยว่ากัน แต่ก็ขอให้ทางคณะกรรมการให้ความเป็นธรรมกับท่านปลัดฯ ก็เท่านั้นเอง ทุกอย่างกำลังดำเนินการอยู่
สำหรับ นางพนิตา จะเดินทางไปยังศาลอาญาเพื่อยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีอาญา ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 นั้น นายสันติกล่าวว่า เป็นสิทธิของเขา คงดำเนินการได้ ไม่ได้มีปัญหาถ้าหากตราบใดที่ทุกคนทำในสิ่งที่ถูกต้องตรงไปตรงมา อะไรที่เป็นสิทธิก็เป็นสิทธิ ส่วนที่นางพนิตา ยื่นคำขาดว่าหากยังไม่มีความชัดเจนอาจจะยื่นฟ้องไปยังคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม หรือ ก.พ.ค.นั้น ตนคงเรียนว่าทุกอย่างที่เป็นสิทธิก็ดำเนินการได้ แต่ก็ยังยืนยันว่าดำเนินการทุกอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีอคติใดๆ ทั้งสิ้น
