ศูนย์ข่าวภูเก็ต - "ครม.ปู" ล่องใต้ประชุมที่ภูเก็ต เจอชาวบ้านหลายกลุ่มบุกยื่นหนังสือเรียกร้องเพียบ ส่วนใหญ่จี้ให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเรื่องปัญหาที่ดินทำกัน พร้อมอ้อนแหลงใต้เอาใจกลุ่มสตรีอันดามันจนได้รับเสี้ยงกรี๊ดสนั่น ประกาศเดินหน้ากองทุนสตรีสร้างความเท่าเทียม ชี้ผู้ต้องการมีบทบาท บอกตัวเองไม่ลืม ในฐานะคนต่งจังหวัดที่ได้โอกาสเข้ามามีบทบาททางการเมือง ลั่นผู้หญิงไม่ใช่คู่แข่งผู้ชาย แต่เป็นสิ่งเติมเต็ม
วานนี้ (19 มี.ค.) เวลา 09.50 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต และพังงา เมื่อมาถึงสนามบินภูเก็ตได้มีประชาชนมาให้การต้อนรับจำนวนมาก โดยตัวแทนกลุ่มเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมืองจาก จ.ภูเก็ต พังงา กระบี่ และระนอง ได้ยืนหนังสือต่อนายกฯ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาชาวเลที่ราไวย์ ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต อย่าเร่งด่วน รวมทั้งปัญหาที่ดินที่เอกชนออกเอกสารสิทธิทับที่อยู่อาศัยชาวเลกว่า 2,000 คนกำลังถูกละเมิดสิทธิอย่างรุนแรง ถูกฟ้องขับไล่ ไม่มีที่ทำกินในทะเลที่ปัจจุบันได้ถูกประกาศเป็นเขตอนุรักษ์และอุทยานทางทะเล ทำให้ชาวเลถูกจับข้อหาหากินในเขตอนุรักษ์กว่า 20 คน ทั้งที่รัฐบาลได้มีมติเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2553 รับรองเรื่องเขตวัฒนธรรมพิเศษชายเล จึงให้รัฐบาลเร่งตั้งกรรมการเขตวัฒนธรรมพิเศษชาวเลตามมติ ครม.เพื่อฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเลทั้งชนเผ่าใน 41 ชุมอย่างเร่งด่วน
รวมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการออกโฉนดชุมชน ตามข้อเสนอของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ทั้ง 55 พื้นที่ เพื่อให้เข้าถึงบริการของภาครัฐทั้งไฟฟ้า ประปา โดยใช้พื้นที่ชุมชนปลากตักใน จ.ภูเก็ตป็นพื้นที่นำร่อง และขอให้เร่งดำเนินการในพื้นที่อื่นๆ ทั้ง 435 พื้นที่ทั่วประเทศ ที่ยื่นขอออกโฉนดชุมชนและให้รัฐบาลเร่งตั้งกรรมการและอนุกรรมการทั้ง 11 ชุด ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการแก้ปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมตามคำสั่งนายกฯ ที่มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการในการประชุมครั้งที่ 1/2555 เมื่อวันที่ 2 มี.ค.2555 เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาทุกกรณีของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมด้วย
หลังจากนั้นนายกฯ ได้เดินทางไปพปปะกับกลุ่มเครือข่ายชุมชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม และกลุ่มชาวเลบ้านราไวย์กว่า 500 คนที่มารวมตัวกันที่บริเวณด้านนอกสนามบินภูเก็ต หลังจากที่ได้เดินขบวนมาจากวิทยาลัยเทคนิคถลาง เมื่อช่วงเช้าและมารวมกันที่บริเวณทางเข้าสนามบินภูเก็ต ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวด
นายกฯ กล่าวกับกลุ่มผู้ชุมชนว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากตัวแทนของทุกคนแล้ว จ.ภูเก็ต เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังมีกลุ่มประชนชนที่ราไวย์ ที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งรัฐบาลจะเข้ามาดูแลความเดือดร้อนของประชาชน โดยหลังจากนี้จะประสานผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตและตัวแทนพี่น้องต่อไป
**ลงพังงาพบพลังสตรี5อันดามัน
ต่อมาเวลา 10.30 น.นายกฯ และคณะ ได้เดินทางไปโรงแรมมุกดารา บีชวิลล่า แอนด์สปารีสอร์ท อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงนโยบายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในภูมิภาค จ.พังงา โดยมีกลุ่มพลังสตรีจาก 5 จังหวัดอันดามันเข้าร่วมประมาณ 4,000 คน มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกฯ พร้อมนางนลินี ทวีสิน รมต.ประจำสำนักนายกฯ ผู้ว่าราชการจังหวัดในกลุ่มจังหวัดอันดามัน ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง ระนอง และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ
เมื่อนายกฯ เดินทางถึงโรงแรมที่ประชุมบริเวณด้านล้างของโรงแรม มีกลุ่มสตรีจากจังหวัดต่างๆ รวมทั้งกลุ่มคนเสื้อแดงให้การต้อนรับและมอบช่อดอกไม้ให้เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้น ยังมีกลุ่มชาวบ้านจากชุมชนต่างๆ มายื่นหนังสือเพื่อขอให้นายกฯให้ความช่วยเหลือด้วย เช่น กลุ่มชาวบ้าน ม.8 บ้านเดื่อ ต.คุระบุรี อ.คุระบุรี จ.พังงา ยื่นหนังสือขอให้นายกฯสั่งการให้ตรวจสอบเรื่องของหน่วยงานธนารักษ์ประกาศเขตที่ดินทับที่ดินที่ประชาชนอาศัย นอกจากนั้นยังชาวบ้าน ม.7, ม. 8 บ้านบางสัก ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า ยื่นหนังสือขอให้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องไม่มีน้ำประปาใช้ และชาวบ้านอีกจำนวนมากที่มายื่นหนังสือในครั้งนี้
จากนั้นนายกฯ ได้มาพบปะกับประชาชนที่มาต้อนรับด้านล่าง โดยได้พบกับกลุ่มอาชีพที่นำสินค้าโอทอประดับดีเด่นของกลุ่มสตรี จ.ภูเก็ต และพังงามาแสดง พร้อมร่วมทอผ้าซาโอริ ร่วมเขียนลายผ้าบาติก และชมผลิตภัณฑ์สินค้าโอทอปอื่นๆ ที่นำมาจัดแสดง เช่น การผลิตภัณฑ์จากงวงตาล การทำดอกไม้จากยางพารา หลังจากนั้นนายกฯได้เป็นประธานการประชุมชี้แจงการตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีให้กับสตรีที่เข้าร่วมได้รับทราบ
**กลุ่มสตรีอันดามันกรี๊ด"ปู"แหลงใต้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้นายกฯ ยังได้กล่าวกับกลุ่มสตรีพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันที่มาให้การต้อนรับ โดยขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์สึนามิที่ผ่านมา และสนับสนุนการก่อสร้างอนุสรณ์สถานสึนามิเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ในเรื่องภัยธรรมชาติ และเป็นแหล่งท่องเที่ยว และในระหว่างการพูดคุยนั้นนายกฯ ได้กล่าวเป็นภาษาโดยเลียนสำเนียงใต้ว่า "อยากจะแหลงใต้ แต่แหลงใต้ไม่เป็น แต่รักพี่น้องคนใต้ทุกคน" ปรากฏว่าเรียกเสียงกรี๊ดจากบรรดาสตรีที่อยู่ในห้องและนอกห้องประชุมดังสนั่น
นายกฯ กล่าวต่อว่า ใครบอกว่าผู้หญิงไม่มีพลัง เป็นเพศที่อ่อนแอ ตรงกันข้ามผู้หญิงมีความอดทน ขยันทำงาน เพียงแต่ผู้หญิงไม่ได้มีร่างการที่แข็งแรงเท่ากับผู้ชายเท่านั้นเอง วันนี้มองว่า พลังของสตรียิ่งใหญ่ และรวมสตรีแล้ว มีจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากร และเชื่อว่าผู้หญิงต้องการสิทธิ เสรีภาพ ในการแสดงออกอย่างเท่าเทียมกัน ผู้หญิงมีความกล้า แต่ไม่ใช่เป็นคู่แข่งผู้ชาย แต่เป็นส่วนเติมเต็ม ผู้ชายมีความแข็งแรง มีวิสัยทัศน์ ขณะที่ผู้หญิงมีความอ่อนโยน และละเอียดอ่อน สามารถหาเงินจุนเจือให้ครอบครัวมีรายได้ดีขึ้น และกลุ่มสตรี รวมกันจะทำให้กลุ่มสตรีมีความเข้มแข็งในการพัฒนาเศรษฐกิจไทย
"การตั้งกองทุนพัฒนาสตรีภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรี จะทำการบูรณาการกองทุนจากทั้ง 4 กระทรวง คือกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพัฒนาสังคมฯ และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นการรวบรวมและ เสริมศักยภาพในการพัฒนาร่วมกัน และได้รับการพัฒนาอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งปัญหาสตรีมีทั้งหมด 3 ส่วน การถูกกดขี่ข่มแหง ใช้ความรุนแรง ซึ่งเราต้องช่วยกันให้กลับมามีสิทธิเสรีภาพ ยืนในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี โดยดูในเแง่ของข้แกฎหมายในการปกป้อง กลุ่มสตรีจะต้องได้รับการเรียนรู้ร่วมกันพัฒนาหารายได้เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเรื่องของกำลังความสามารถเขื่อว่าทุกคนมีความสามารถเพียงแต่ขอให้มีบทบาทในสังคม บทบาทความเป็นผู้นำ หรือแม้แต่บทบาททางการเมืองอย่างตนที่ได้รับมา การเป็นผู้หญิงจากต่างจังหวัดและได้โอกาสมา รับใช้ประชาชน เป็นเรื่องที่ตนไม่ลืม ประเทศไทยเราโชคดีที่มีคนที่มีความรู้ความสมารถจำนวนมาก ต่อไปสามารถสร้งชื่อเสียงพัฒนาประเทศได้ และเชื่อว่าทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันในการพัฒนาสตรีในทุกมิติ และเงินกองทุนเกล่านี้จะมีการหมุนเวียนไปเพื่อพัฒนาศักยภาพสตรีไทยทุกคน"
**เยี่ยมอนุสรณ์สึนามิ-เขียนไว้อาลัย
จากนั้นเวลา 13.30 น.นายกฯ ได้เดินทางมายังอนุสรณ์สถานสึนามิ เรือตำรวจน้ำ ต.813 อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เพื่อมาเยี่ยมเยียนภายหลังจากเกิดเหตุสึนามิถล่มชายฝั่งอันดามันเมื่อปี พ.ศ.2547 โดยนายกฯ ได้เดินชมนิทรรศการพร้อมทั้งลงนามไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวข้อความว่า "รู้สึกอาลัย และเสียใจอย่างสุดซึ้งกับเหตุการณ์สึนามิ เมื่อครั้งปี พ.ศ.2547 และอยากเห็นสถานที่แห่งนี้เป็นอนุสรณ์ที่แสดงถึงความอาลัย และสีใจกับผู้ที่จากไป ทุกท่านค่ะ"
นายกฯ ได้กล่าวว่า ตนดีใจที่ได้มาจ.พังงาอีกครั้งแต่ก็อดนึกถึงปี 2547 ที่เกิดเหตุการณ์สึนามิไม่ได้ เพราะตนเคยมาที่ตะกั่วป่าเมื่อครั้งที่เกิดเหตุสึนามิได้สองวัน วันนั้นมีความเสียหายมากมาย ถึงแม้ว่าวันนี้ทางการจะบูรณะให้กลับมาดีเหมือนเดิม แต่ก็ขอให้พวกเรารำลึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาที่มีผู้เสียชีวิต ขณะเดียวกันขอให้เราทุกคนร่วมมือกันพัฒนาแหล่งท่องเที่ยงของจังหวัด ยืนยันว่ารัฐบาลจะให้การสนับสนุน โดยเฉพาะห้ากลุ่มจังหวัดอันดามัน เพื่อให้เห็นวัฒนธรรมประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะชาว จ.พังงา อยากให้ร่วมมือกันกลับมาทำให้ จ.พังงา คึกคักเหมือนเดิม วันนี้ที่ลงมาในพื้นที่เพื่อมาประชุม ครม.สัญจร เพื่อให้ ครม.เห็นชอบในโครงการต่างๆ และอนุมัติเพื่อพัฒนา 5 กลุ่มจังหวัดอันดามันและชาว จ.พังงาต่อไป
**ตรวจพื้นที่สร้างสะพานข้าม"เกาะผี"
เวลา 15.00 น.นายกฯ และคณะ เดินทางมายังบริเวณด้านหน้าโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อสร้างถนนสายหลักทางด้านใต้ (PH-RH-3A) ส่วนยกระดับ 600 เมตรที่จะใช้งบมูลค่ากว่า 200 ล้านบาทและใช้เวลาสร้าง 480 วันเพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่จริงของโครงการฯ เนื่องจากการก่อสร้างถนนสายดังกล่าวต้องผ่านป่าชายเลนคลองเกาะผี ระยะทาง 600 เมตร เชื่อมกับถนนศักดิเดช ท่ามกลางพลังมวลในภูเก็ตให้การต้อนรับจำนวนมาก
โดยโครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในโครงการที่ทาง จ.ภูเก็ต จะเสนอขอความเห็นชอบคณะรัฐมนตรี ขอผ่อนผันมติครม.ในการใช้พื้นที่ป่าชายเลนคลองเกาะผี จำนวน 7 ไร่ ในการก่อสร้างสะพานผ่านป่าชายเลนคลองเกาะผี ระยะทาง 600 เมตร ที่ทางจังหวัดภูเก็ตและเทศบาลนครภูเก็ตได้พยายามผลักดันมานานกว่า 15 ปี เพื่อที่จะแก้ปัญหาการจราจรติดขัดภายในตัวเมืองภูเก็ต ในการประชุม ครม.วันนี้ (20 มี.ค.) ที่ตึกอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
**บอกลงใต้ครั้งนี้"ไม่หวังเหวิด"
ต่อมาเวลา 15.30 น.นายกฯ และคณะ เดินทางไปเป็นประธานเปิดงาน OTOP ภูมิภาค จ .ภูเก็ต ภายใต้ชื่องาน “ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี (เบิกฟ้าอันดามัน) ที่บริเวณเวทีกลางสะพานหิน อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งทางกรมพัฒนาชุมชนจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 19-25 มี.ค.55 เพื่อจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลหนี่งผลิตภัณฑ์ และเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อพสกนิกรในการส่งเสริมอาชีพแก่ราษฎรภายใต้โครงการศิลปาชีพ ทำให้เกิดการเผยแพร่มรดกทางภูมิปัญญาไทยสู่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมทั้งเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดและสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน เพื่อให้สามารถดำเนินงานได้อย่างยั่งยืน
นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวในการเปิดงานตอนหนึ่งว่า การเดินทางมาภาคใต้ในครั้งนี้ไม่หวังเหวิด (ไม่น่าเป็นห่วง) รู้สึกดีใจมาก ได้รับการตอบรับจากพี่น้องชาวใต้อย่างอบอุ่น สายตาที่ชาวใต้มองนั้นเป็นมิตร เป็นภาพที่อยากให้เกิดขึ้นทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อประเทศไทยมั่นคงสืบไป
นายกฯ ยังกล่าวถึงการจัดงานศิลปาชีพและโอทอปในครั้งนี้ว่า รัฐบาลต้องการที่จะเห็นการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยมาเพื่อพัฒนาให้เกิดเป็นรายได้ ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงฝีมือของคนไทยสู่สายตาชาวโลก การจัดงานในครั้งนื้ถือเป็นครั้งแรกในภูมิภาค และต้องการที่จะพัฒนาผู้ประกอบการให้ผลิตสินค้าที่เป็นความภาคภูมิใจ ซึ่งรัฐบาลจะต่อยอดให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน การจัดจำหน่าย โดยการเปิดให้มีคลีนิกให้คำแนะนำกับผู้ประกอบการ ที่มีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงต่างๆ คอยให้คำปรึกษา เพื่อพัฒนาสินค้าภูมิปัญญาไทยสู่การส่งออก นำรายได้กลับสู่ท้องถิ่น
ในเวลา 17.00 น. เป็นประธานการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ครั้งที่ 3/2555 ที่วิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต อ.กะทู้ และช่วงค่ำจะเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับคณะรัฐมนตรี ที่โรงแรมฮิลตัน อาเคเดีย ภูเก็ต รีสอร์ท แอนด์ สปา และเข้าพักที่โรงแรมดังกล่าว.
วานนี้ (19 มี.ค.) เวลา 09.50 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต และพังงา เมื่อมาถึงสนามบินภูเก็ตได้มีประชาชนมาให้การต้อนรับจำนวนมาก โดยตัวแทนกลุ่มเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมืองจาก จ.ภูเก็ต พังงา กระบี่ และระนอง ได้ยืนหนังสือต่อนายกฯ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาชาวเลที่ราไวย์ ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต อย่าเร่งด่วน รวมทั้งปัญหาที่ดินที่เอกชนออกเอกสารสิทธิทับที่อยู่อาศัยชาวเลกว่า 2,000 คนกำลังถูกละเมิดสิทธิอย่างรุนแรง ถูกฟ้องขับไล่ ไม่มีที่ทำกินในทะเลที่ปัจจุบันได้ถูกประกาศเป็นเขตอนุรักษ์และอุทยานทางทะเล ทำให้ชาวเลถูกจับข้อหาหากินในเขตอนุรักษ์กว่า 20 คน ทั้งที่รัฐบาลได้มีมติเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2553 รับรองเรื่องเขตวัฒนธรรมพิเศษชายเล จึงให้รัฐบาลเร่งตั้งกรรมการเขตวัฒนธรรมพิเศษชาวเลตามมติ ครม.เพื่อฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเลทั้งชนเผ่าใน 41 ชุมอย่างเร่งด่วน
รวมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการออกโฉนดชุมชน ตามข้อเสนอของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ทั้ง 55 พื้นที่ เพื่อให้เข้าถึงบริการของภาครัฐทั้งไฟฟ้า ประปา โดยใช้พื้นที่ชุมชนปลากตักใน จ.ภูเก็ตป็นพื้นที่นำร่อง และขอให้เร่งดำเนินการในพื้นที่อื่นๆ ทั้ง 435 พื้นที่ทั่วประเทศ ที่ยื่นขอออกโฉนดชุมชนและให้รัฐบาลเร่งตั้งกรรมการและอนุกรรมการทั้ง 11 ชุด ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการแก้ปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมตามคำสั่งนายกฯ ที่มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการในการประชุมครั้งที่ 1/2555 เมื่อวันที่ 2 มี.ค.2555 เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาทุกกรณีของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมด้วย
หลังจากนั้นนายกฯ ได้เดินทางไปพปปะกับกลุ่มเครือข่ายชุมชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม และกลุ่มชาวเลบ้านราไวย์กว่า 500 คนที่มารวมตัวกันที่บริเวณด้านนอกสนามบินภูเก็ต หลังจากที่ได้เดินขบวนมาจากวิทยาลัยเทคนิคถลาง เมื่อช่วงเช้าและมารวมกันที่บริเวณทางเข้าสนามบินภูเก็ต ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวด
นายกฯ กล่าวกับกลุ่มผู้ชุมชนว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากตัวแทนของทุกคนแล้ว จ.ภูเก็ต เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังมีกลุ่มประชนชนที่ราไวย์ ที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งรัฐบาลจะเข้ามาดูแลความเดือดร้อนของประชาชน โดยหลังจากนี้จะประสานผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตและตัวแทนพี่น้องต่อไป
**ลงพังงาพบพลังสตรี5อันดามัน
ต่อมาเวลา 10.30 น.นายกฯ และคณะ ได้เดินทางไปโรงแรมมุกดารา บีชวิลล่า แอนด์สปารีสอร์ท อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงนโยบายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในภูมิภาค จ.พังงา โดยมีกลุ่มพลังสตรีจาก 5 จังหวัดอันดามันเข้าร่วมประมาณ 4,000 คน มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกฯ พร้อมนางนลินี ทวีสิน รมต.ประจำสำนักนายกฯ ผู้ว่าราชการจังหวัดในกลุ่มจังหวัดอันดามัน ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง ระนอง และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ
เมื่อนายกฯ เดินทางถึงโรงแรมที่ประชุมบริเวณด้านล้างของโรงแรม มีกลุ่มสตรีจากจังหวัดต่างๆ รวมทั้งกลุ่มคนเสื้อแดงให้การต้อนรับและมอบช่อดอกไม้ให้เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้น ยังมีกลุ่มชาวบ้านจากชุมชนต่างๆ มายื่นหนังสือเพื่อขอให้นายกฯให้ความช่วยเหลือด้วย เช่น กลุ่มชาวบ้าน ม.8 บ้านเดื่อ ต.คุระบุรี อ.คุระบุรี จ.พังงา ยื่นหนังสือขอให้นายกฯสั่งการให้ตรวจสอบเรื่องของหน่วยงานธนารักษ์ประกาศเขตที่ดินทับที่ดินที่ประชาชนอาศัย นอกจากนั้นยังชาวบ้าน ม.7, ม. 8 บ้านบางสัก ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า ยื่นหนังสือขอให้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องไม่มีน้ำประปาใช้ และชาวบ้านอีกจำนวนมากที่มายื่นหนังสือในครั้งนี้
จากนั้นนายกฯ ได้มาพบปะกับประชาชนที่มาต้อนรับด้านล่าง โดยได้พบกับกลุ่มอาชีพที่นำสินค้าโอทอประดับดีเด่นของกลุ่มสตรี จ.ภูเก็ต และพังงามาแสดง พร้อมร่วมทอผ้าซาโอริ ร่วมเขียนลายผ้าบาติก และชมผลิตภัณฑ์สินค้าโอทอปอื่นๆ ที่นำมาจัดแสดง เช่น การผลิตภัณฑ์จากงวงตาล การทำดอกไม้จากยางพารา หลังจากนั้นนายกฯได้เป็นประธานการประชุมชี้แจงการตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีให้กับสตรีที่เข้าร่วมได้รับทราบ
**กลุ่มสตรีอันดามันกรี๊ด"ปู"แหลงใต้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้นายกฯ ยังได้กล่าวกับกลุ่มสตรีพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันที่มาให้การต้อนรับ โดยขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์สึนามิที่ผ่านมา และสนับสนุนการก่อสร้างอนุสรณ์สถานสึนามิเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ในเรื่องภัยธรรมชาติ และเป็นแหล่งท่องเที่ยว และในระหว่างการพูดคุยนั้นนายกฯ ได้กล่าวเป็นภาษาโดยเลียนสำเนียงใต้ว่า "อยากจะแหลงใต้ แต่แหลงใต้ไม่เป็น แต่รักพี่น้องคนใต้ทุกคน" ปรากฏว่าเรียกเสียงกรี๊ดจากบรรดาสตรีที่อยู่ในห้องและนอกห้องประชุมดังสนั่น
นายกฯ กล่าวต่อว่า ใครบอกว่าผู้หญิงไม่มีพลัง เป็นเพศที่อ่อนแอ ตรงกันข้ามผู้หญิงมีความอดทน ขยันทำงาน เพียงแต่ผู้หญิงไม่ได้มีร่างการที่แข็งแรงเท่ากับผู้ชายเท่านั้นเอง วันนี้มองว่า พลังของสตรียิ่งใหญ่ และรวมสตรีแล้ว มีจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากร และเชื่อว่าผู้หญิงต้องการสิทธิ เสรีภาพ ในการแสดงออกอย่างเท่าเทียมกัน ผู้หญิงมีความกล้า แต่ไม่ใช่เป็นคู่แข่งผู้ชาย แต่เป็นส่วนเติมเต็ม ผู้ชายมีความแข็งแรง มีวิสัยทัศน์ ขณะที่ผู้หญิงมีความอ่อนโยน และละเอียดอ่อน สามารถหาเงินจุนเจือให้ครอบครัวมีรายได้ดีขึ้น และกลุ่มสตรี รวมกันจะทำให้กลุ่มสตรีมีความเข้มแข็งในการพัฒนาเศรษฐกิจไทย
"การตั้งกองทุนพัฒนาสตรีภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรี จะทำการบูรณาการกองทุนจากทั้ง 4 กระทรวง คือกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพัฒนาสังคมฯ และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นการรวบรวมและ เสริมศักยภาพในการพัฒนาร่วมกัน และได้รับการพัฒนาอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งปัญหาสตรีมีทั้งหมด 3 ส่วน การถูกกดขี่ข่มแหง ใช้ความรุนแรง ซึ่งเราต้องช่วยกันให้กลับมามีสิทธิเสรีภาพ ยืนในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี โดยดูในเแง่ของข้แกฎหมายในการปกป้อง กลุ่มสตรีจะต้องได้รับการเรียนรู้ร่วมกันพัฒนาหารายได้เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเรื่องของกำลังความสามารถเขื่อว่าทุกคนมีความสามารถเพียงแต่ขอให้มีบทบาทในสังคม บทบาทความเป็นผู้นำ หรือแม้แต่บทบาททางการเมืองอย่างตนที่ได้รับมา การเป็นผู้หญิงจากต่างจังหวัดและได้โอกาสมา รับใช้ประชาชน เป็นเรื่องที่ตนไม่ลืม ประเทศไทยเราโชคดีที่มีคนที่มีความรู้ความสมารถจำนวนมาก ต่อไปสามารถสร้งชื่อเสียงพัฒนาประเทศได้ และเชื่อว่าทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันในการพัฒนาสตรีในทุกมิติ และเงินกองทุนเกล่านี้จะมีการหมุนเวียนไปเพื่อพัฒนาศักยภาพสตรีไทยทุกคน"
**เยี่ยมอนุสรณ์สึนามิ-เขียนไว้อาลัย
จากนั้นเวลา 13.30 น.นายกฯ ได้เดินทางมายังอนุสรณ์สถานสึนามิ เรือตำรวจน้ำ ต.813 อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เพื่อมาเยี่ยมเยียนภายหลังจากเกิดเหตุสึนามิถล่มชายฝั่งอันดามันเมื่อปี พ.ศ.2547 โดยนายกฯ ได้เดินชมนิทรรศการพร้อมทั้งลงนามไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวข้อความว่า "รู้สึกอาลัย และเสียใจอย่างสุดซึ้งกับเหตุการณ์สึนามิ เมื่อครั้งปี พ.ศ.2547 และอยากเห็นสถานที่แห่งนี้เป็นอนุสรณ์ที่แสดงถึงความอาลัย และสีใจกับผู้ที่จากไป ทุกท่านค่ะ"
นายกฯ ได้กล่าวว่า ตนดีใจที่ได้มาจ.พังงาอีกครั้งแต่ก็อดนึกถึงปี 2547 ที่เกิดเหตุการณ์สึนามิไม่ได้ เพราะตนเคยมาที่ตะกั่วป่าเมื่อครั้งที่เกิดเหตุสึนามิได้สองวัน วันนั้นมีความเสียหายมากมาย ถึงแม้ว่าวันนี้ทางการจะบูรณะให้กลับมาดีเหมือนเดิม แต่ก็ขอให้พวกเรารำลึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาที่มีผู้เสียชีวิต ขณะเดียวกันขอให้เราทุกคนร่วมมือกันพัฒนาแหล่งท่องเที่ยงของจังหวัด ยืนยันว่ารัฐบาลจะให้การสนับสนุน โดยเฉพาะห้ากลุ่มจังหวัดอันดามัน เพื่อให้เห็นวัฒนธรรมประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะชาว จ.พังงา อยากให้ร่วมมือกันกลับมาทำให้ จ.พังงา คึกคักเหมือนเดิม วันนี้ที่ลงมาในพื้นที่เพื่อมาประชุม ครม.สัญจร เพื่อให้ ครม.เห็นชอบในโครงการต่างๆ และอนุมัติเพื่อพัฒนา 5 กลุ่มจังหวัดอันดามันและชาว จ.พังงาต่อไป
**ตรวจพื้นที่สร้างสะพานข้าม"เกาะผี"
เวลา 15.00 น.นายกฯ และคณะ เดินทางมายังบริเวณด้านหน้าโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อสร้างถนนสายหลักทางด้านใต้ (PH-RH-3A) ส่วนยกระดับ 600 เมตรที่จะใช้งบมูลค่ากว่า 200 ล้านบาทและใช้เวลาสร้าง 480 วันเพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่จริงของโครงการฯ เนื่องจากการก่อสร้างถนนสายดังกล่าวต้องผ่านป่าชายเลนคลองเกาะผี ระยะทาง 600 เมตร เชื่อมกับถนนศักดิเดช ท่ามกลางพลังมวลในภูเก็ตให้การต้อนรับจำนวนมาก
โดยโครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในโครงการที่ทาง จ.ภูเก็ต จะเสนอขอความเห็นชอบคณะรัฐมนตรี ขอผ่อนผันมติครม.ในการใช้พื้นที่ป่าชายเลนคลองเกาะผี จำนวน 7 ไร่ ในการก่อสร้างสะพานผ่านป่าชายเลนคลองเกาะผี ระยะทาง 600 เมตร ที่ทางจังหวัดภูเก็ตและเทศบาลนครภูเก็ตได้พยายามผลักดันมานานกว่า 15 ปี เพื่อที่จะแก้ปัญหาการจราจรติดขัดภายในตัวเมืองภูเก็ต ในการประชุม ครม.วันนี้ (20 มี.ค.) ที่ตึกอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
**บอกลงใต้ครั้งนี้"ไม่หวังเหวิด"
ต่อมาเวลา 15.30 น.นายกฯ และคณะ เดินทางไปเป็นประธานเปิดงาน OTOP ภูมิภาค จ .ภูเก็ต ภายใต้ชื่องาน “ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี (เบิกฟ้าอันดามัน) ที่บริเวณเวทีกลางสะพานหิน อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งทางกรมพัฒนาชุมชนจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 19-25 มี.ค.55 เพื่อจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลหนี่งผลิตภัณฑ์ และเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อพสกนิกรในการส่งเสริมอาชีพแก่ราษฎรภายใต้โครงการศิลปาชีพ ทำให้เกิดการเผยแพร่มรดกทางภูมิปัญญาไทยสู่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมทั้งเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดและสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน เพื่อให้สามารถดำเนินงานได้อย่างยั่งยืน
นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวในการเปิดงานตอนหนึ่งว่า การเดินทางมาภาคใต้ในครั้งนี้ไม่หวังเหวิด (ไม่น่าเป็นห่วง) รู้สึกดีใจมาก ได้รับการตอบรับจากพี่น้องชาวใต้อย่างอบอุ่น สายตาที่ชาวใต้มองนั้นเป็นมิตร เป็นภาพที่อยากให้เกิดขึ้นทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อประเทศไทยมั่นคงสืบไป
นายกฯ ยังกล่าวถึงการจัดงานศิลปาชีพและโอทอปในครั้งนี้ว่า รัฐบาลต้องการที่จะเห็นการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยมาเพื่อพัฒนาให้เกิดเป็นรายได้ ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงฝีมือของคนไทยสู่สายตาชาวโลก การจัดงานในครั้งนื้ถือเป็นครั้งแรกในภูมิภาค และต้องการที่จะพัฒนาผู้ประกอบการให้ผลิตสินค้าที่เป็นความภาคภูมิใจ ซึ่งรัฐบาลจะต่อยอดให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน การจัดจำหน่าย โดยการเปิดให้มีคลีนิกให้คำแนะนำกับผู้ประกอบการ ที่มีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงต่างๆ คอยให้คำปรึกษา เพื่อพัฒนาสินค้าภูมิปัญญาไทยสู่การส่งออก นำรายได้กลับสู่ท้องถิ่น
ในเวลา 17.00 น. เป็นประธานการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ครั้งที่ 3/2555 ที่วิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต อ.กะทู้ และช่วงค่ำจะเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับคณะรัฐมนตรี ที่โรงแรมฮิลตัน อาเคเดีย ภูเก็ต รีสอร์ท แอนด์ สปา และเข้าพักที่โรงแรมดังกล่าว.