ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 มี.ค.55 ) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอก สถานที่ (ครม.สัญจร) ที่จังหวัดภูเก็ต โดย 5 กลุ่มจังหวัดอันดามัน จะเสนองบประมาณกว่า 8 หมื่นล้านบาททั้งสาธารณูปโภค การขนส่ง ส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้ (19 มี.ค.55) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้พิจารณาข้อเสนอของประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ครั้งที่ 3 ที่จังหวัดภูเก็ตใน 4 ประเด็นหลัก คือการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมและโลจิสติกส์ เร่งรัดขยายโครงการทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 ฝั่งอันดามัน ตั้งแต่แยกปฐมพร ชุมพร ระนอง พังงา ตรัง เชื่อมโยงฝั่งอ่าวไทยเพื่อเพิ่มศักยภาพรองรับเศรษฐกิจการค้าการลงทุน ,การส่งเสริมการค้าและการลงทุน
นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและทะเลไทย เช่น โครงการบ้านปลาเฉลิมพระเกียรติทะเลไทยหรือปะการังฝั่งอันดามัน ในพื้นที่เหมาะสมต่อการวางบ้านปลา 15 แห่งในทะเลอันดามัน การส่งเสริมการท่องเที่ยวและการบริการ และการแก้ไขความสะดวกเรื่องการอำนวยความสะดวกวิธีการตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว
ขณะที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เสนอการพัฒนาการท่องเที่ยวกลุ่มอันดามันของจังหวัดระนอง ภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง โดยขอให้หน่วยงานของรัฐรับภาระในการดำเนินการเพื่อจัดทำแผนการศึกษาวิธีการ ความเป็นไปได้ ตลอดจนโครงการทางหลวง รถไฟสายอันดามัน ซึ่งการลงทุนก่อสร้าง การจัดหาแหล่งทุน การบริหาร ผลตอบแทน มีสำนักงานและแผนการขนส่งการจราจร ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการสตรีแห่งชาติ กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม เป็นเจ้าภาพร่วมกัน
**18 โครงการเร่งด่วน 1 ปี
ส่วนโครงการพัฒนาพื้นที่ในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน 5 ประกอบด้วย 1.จ.ภูเก็ต โครงการแก้มลิงสวนเฉลิมพระเกียรติ 15 ล้านบาท, โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ทางเดินศึกษาธรรมชาติตามรอยเบื้องพระยุคลบาทสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 8 ล้านบาท, ก่อสร้างอนุสรณ์สถานบรรพชนผู้กล้าแห่งเมืองถลาง 500 ล้านบาท
2.จ.พังงา มีโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือทับละมุ 31.2 ล้านบาท, โครงการก่อสร้างและปรับปรุงภูมิทัศน์อนุสรณ์สถานสึนามิ เรือตรวจการณ์ 813 วงเงิน 42.97 ล้านบาท, โครงการก่อสร้างศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอันดามัน 20 ล้านบาท, โครงการจัดตั้งศูนย์ราชการจังหวัดพังงา 466.79 ล้านบาท
3.จ.กระบี่ มีโครงการขุดลอกร่องน้ำ บริเวณท่าเทียบแพขนานยนต์ข้ามฟากเกาะ ลันตา-ทะเลอันดามัน 18.4 ล้านบาท, โครงการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน และอุบัติภัยทางธรรมชาติเพื่อรองรับคุณภาพชีวิตที่ดีและการท่องเที่ยว 99.34 ล้านบาท, การสำรวจออกแบบการก่อสร้างถนนเลี่ยงเมือง 20 ล้านบาท และการจัดตั้งมหาวิทยาลัยของฝั่งทะเลอันดามัน วงเงิน 20 ล้านบาท
4.จ.ตรัง โครงการการพัฒนาท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยว 30 ล้านบาท โครงการการพัฒนาแหล่งน้ำของจังหวัด 64 ล้านบาท โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ถ้ำเขาช้างหาย 10 ล้านบาท
5.จ.ระนอง โครงการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมการกัดเซาะชายฝั่งของน้ำทะเลบ้านอ่าวเคย วงเงิน 10 ล้านบาท, โครงการฟื้นฟูคูคลองเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างยั่งยืน 37.54 ล้านบาท, โครงการพัฒนาศักยภาพการรวบรวมและแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรของสถาบันเกษตรกร วงเงิน 21.6 ล้านบาท, โครงการพัฒนาส่งเสริมศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวเกาะพยาม วงเงิน 15 ล้านบาท
**กระบี่ 10 โครงการ 3 พันล้าน
นอกจากนั้น จ.กระบี่ ยังจะเสนอ10 โครงการ รวมต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้น 3,439 ล้านบาท ประกอบด้วย1.โครงการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน และอุบัติภัยทางธรรมชาติ เพื่อรองรับคุณภาพชีวิตที่ดีและการท่องเที่ยว 2.สำรวจและออกแบบ เพื่อก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองกระบี่ 3.จัดตั้งมหาวิทยาลัยของฝั่งทะเลอันดามันในพื้นที่จังหวัดกระบี่ 4.ถนนสาย อ.เขาพนม จ.กระบี่-อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช 5.ก่อสร้างอาคารวินิจฉัยและรักษาพยาบาล เพื่อรองรับคุณภาพชีวิตที่ดีและการท่องเที่ยว
6.ก่อสร้างระบบบำบัดขยะของจังหวัดกระบี่ 7.ก่อสร้างระบบประปาขุมเหมืองหวายเล็ก อ.เหนือคลอง 8.พัฒนาแหล่งน้ำและปรับปรุงภูมิทัศน์เพื่อการท่องเที่ยวสวนสาธารณะหาดพระแอะ 9.ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัย และ 10. ปรับปรุงและขยายถนนเส้นทางลัด จ.พังงา จ.กระบี่-จ.นครศรีธรรมราช(บ้านบางทราย อ.อ่าวลึก-บ้านกอตง อ.เขาพนม)
**ตรังขอ 95ล้านลานจอดเครื่องบิน
จ.ตรัง เสนอของบประมาณ เพื่อก่อสร้างลานจอดเครื่องบินขนาด 10,000 ตารางเมตรคูณ 1,600 ตารางเมตร ก่อสร้างทางขับขนาด 12,000 เมตร คูณ 1,200 เมตร ถมดิน 260,000 ลูกบาศก์เมตรคูณ 1,200 ลูกบาศก์เมตร รางระบายน้ำขนาด 2,500 เมตรคูณ 4,000 เมตร พร้อมท่อลอดรางระบายน้ำขนาด 400 เมตร คูณ 32,000 เมตร และระบบไฟฟ้าสนามบิน รวมทั้งสิ้น 95 ล้านบาท
**วธ.ชง 5 โครงการงบเฉียด 900 ล.
ขณะที่กระทรวงวัฒนธรรม จะเสนอ จำนวน 5 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการอนุรักษ์พัฒนาโบราณสถานบ้านพระยาวิชิตสงคราม อ.ถลาง จ.ภูเก็ต วงเงินงบประมาณ 9.1 ล้านบาท2.โครงการปรับปรุงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติถลาง จ.ภูเก็ต : แหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแห่งอันดามัน วงเงินงบประมาณ 44 ล้านบาท 3.โครงการก่อสร้างอนุสรณ์สถานเมืองถลาง จ.ภูเก็ต วงเงินงบประมาณ 500 ล้านบาท 4. โครงการก่อสร้างอาคารศิลปวัฒนธรรมจังหวัดตรัง วงเงินงบประมาณ 90 ล้านบาท และ 5. โครงการก่อสร้างศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามภาคใต้ฝั่งอันดามัน ประจำจังหวัดภูเก็ต เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วงเงินงบประมาณ 250 ล้านบาท รวมงบ 5 โครงการทั้งหมด 893.1 ล้านบาท
**สธ.ขอ 487 ล้านปรับรพ.กระบี่
ด้าน กระทรวงสาธารณสุข จะเสนอโครงการก่อสร้างอาคารของโรงพยาบาลจำนวน 2 โครงการ เพื่อรองรับคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนในจังหวัดกระบี่ ซึ่งมีประชากรแฝง และนักท่องเที่ยว ใช้งบก่อสร้างรวม 487 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุฉุกเฉินและอุบัติภัยทางธรรมชาติ ใช้งบก่อสร้าง 99 ล้านบาท โดยเป็นเงินที่ขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล 79 ล้านบาท และมีผู้แสดงความจำนงค์บริจาคอีก 20 ล้านบาท และ2.โครงการก่อสร้างอาคารวินิจฉัยและรักษาพยาบาล ขนาด 5 ชั้น สำหรับการตรวจวินิจฉัยโรค การผ่าตัด การคลอด ใช้งบประมาณ 388 ล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้ (19 มี.ค.55) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้พิจารณาข้อเสนอของประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ครั้งที่ 3 ที่จังหวัดภูเก็ตใน 4 ประเด็นหลัก คือการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมและโลจิสติกส์ เร่งรัดขยายโครงการทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 ฝั่งอันดามัน ตั้งแต่แยกปฐมพร ชุมพร ระนอง พังงา ตรัง เชื่อมโยงฝั่งอ่าวไทยเพื่อเพิ่มศักยภาพรองรับเศรษฐกิจการค้าการลงทุน ,การส่งเสริมการค้าและการลงทุน
นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและทะเลไทย เช่น โครงการบ้านปลาเฉลิมพระเกียรติทะเลไทยหรือปะการังฝั่งอันดามัน ในพื้นที่เหมาะสมต่อการวางบ้านปลา 15 แห่งในทะเลอันดามัน การส่งเสริมการท่องเที่ยวและการบริการ และการแก้ไขความสะดวกเรื่องการอำนวยความสะดวกวิธีการตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว
ขณะที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เสนอการพัฒนาการท่องเที่ยวกลุ่มอันดามันของจังหวัดระนอง ภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง โดยขอให้หน่วยงานของรัฐรับภาระในการดำเนินการเพื่อจัดทำแผนการศึกษาวิธีการ ความเป็นไปได้ ตลอดจนโครงการทางหลวง รถไฟสายอันดามัน ซึ่งการลงทุนก่อสร้าง การจัดหาแหล่งทุน การบริหาร ผลตอบแทน มีสำนักงานและแผนการขนส่งการจราจร ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการสตรีแห่งชาติ กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม เป็นเจ้าภาพร่วมกัน
**18 โครงการเร่งด่วน 1 ปี
ส่วนโครงการพัฒนาพื้นที่ในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน 5 ประกอบด้วย 1.จ.ภูเก็ต โครงการแก้มลิงสวนเฉลิมพระเกียรติ 15 ล้านบาท, โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ทางเดินศึกษาธรรมชาติตามรอยเบื้องพระยุคลบาทสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 8 ล้านบาท, ก่อสร้างอนุสรณ์สถานบรรพชนผู้กล้าแห่งเมืองถลาง 500 ล้านบาท
2.จ.พังงา มีโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือทับละมุ 31.2 ล้านบาท, โครงการก่อสร้างและปรับปรุงภูมิทัศน์อนุสรณ์สถานสึนามิ เรือตรวจการณ์ 813 วงเงิน 42.97 ล้านบาท, โครงการก่อสร้างศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอันดามัน 20 ล้านบาท, โครงการจัดตั้งศูนย์ราชการจังหวัดพังงา 466.79 ล้านบาท
3.จ.กระบี่ มีโครงการขุดลอกร่องน้ำ บริเวณท่าเทียบแพขนานยนต์ข้ามฟากเกาะ ลันตา-ทะเลอันดามัน 18.4 ล้านบาท, โครงการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน และอุบัติภัยทางธรรมชาติเพื่อรองรับคุณภาพชีวิตที่ดีและการท่องเที่ยว 99.34 ล้านบาท, การสำรวจออกแบบการก่อสร้างถนนเลี่ยงเมือง 20 ล้านบาท และการจัดตั้งมหาวิทยาลัยของฝั่งทะเลอันดามัน วงเงิน 20 ล้านบาท
4.จ.ตรัง โครงการการพัฒนาท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยว 30 ล้านบาท โครงการการพัฒนาแหล่งน้ำของจังหวัด 64 ล้านบาท โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ถ้ำเขาช้างหาย 10 ล้านบาท
5.จ.ระนอง โครงการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมการกัดเซาะชายฝั่งของน้ำทะเลบ้านอ่าวเคย วงเงิน 10 ล้านบาท, โครงการฟื้นฟูคูคลองเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างยั่งยืน 37.54 ล้านบาท, โครงการพัฒนาศักยภาพการรวบรวมและแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรของสถาบันเกษตรกร วงเงิน 21.6 ล้านบาท, โครงการพัฒนาส่งเสริมศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวเกาะพยาม วงเงิน 15 ล้านบาท
**กระบี่ 10 โครงการ 3 พันล้าน
นอกจากนั้น จ.กระบี่ ยังจะเสนอ10 โครงการ รวมต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้น 3,439 ล้านบาท ประกอบด้วย1.โครงการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน และอุบัติภัยทางธรรมชาติ เพื่อรองรับคุณภาพชีวิตที่ดีและการท่องเที่ยว 2.สำรวจและออกแบบ เพื่อก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองกระบี่ 3.จัดตั้งมหาวิทยาลัยของฝั่งทะเลอันดามันในพื้นที่จังหวัดกระบี่ 4.ถนนสาย อ.เขาพนม จ.กระบี่-อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช 5.ก่อสร้างอาคารวินิจฉัยและรักษาพยาบาล เพื่อรองรับคุณภาพชีวิตที่ดีและการท่องเที่ยว
6.ก่อสร้างระบบบำบัดขยะของจังหวัดกระบี่ 7.ก่อสร้างระบบประปาขุมเหมืองหวายเล็ก อ.เหนือคลอง 8.พัฒนาแหล่งน้ำและปรับปรุงภูมิทัศน์เพื่อการท่องเที่ยวสวนสาธารณะหาดพระแอะ 9.ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัย และ 10. ปรับปรุงและขยายถนนเส้นทางลัด จ.พังงา จ.กระบี่-จ.นครศรีธรรมราช(บ้านบางทราย อ.อ่าวลึก-บ้านกอตง อ.เขาพนม)
**ตรังขอ 95ล้านลานจอดเครื่องบิน
จ.ตรัง เสนอของบประมาณ เพื่อก่อสร้างลานจอดเครื่องบินขนาด 10,000 ตารางเมตรคูณ 1,600 ตารางเมตร ก่อสร้างทางขับขนาด 12,000 เมตร คูณ 1,200 เมตร ถมดิน 260,000 ลูกบาศก์เมตรคูณ 1,200 ลูกบาศก์เมตร รางระบายน้ำขนาด 2,500 เมตรคูณ 4,000 เมตร พร้อมท่อลอดรางระบายน้ำขนาด 400 เมตร คูณ 32,000 เมตร และระบบไฟฟ้าสนามบิน รวมทั้งสิ้น 95 ล้านบาท
**วธ.ชง 5 โครงการงบเฉียด 900 ล.
ขณะที่กระทรวงวัฒนธรรม จะเสนอ จำนวน 5 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการอนุรักษ์พัฒนาโบราณสถานบ้านพระยาวิชิตสงคราม อ.ถลาง จ.ภูเก็ต วงเงินงบประมาณ 9.1 ล้านบาท2.โครงการปรับปรุงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติถลาง จ.ภูเก็ต : แหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแห่งอันดามัน วงเงินงบประมาณ 44 ล้านบาท 3.โครงการก่อสร้างอนุสรณ์สถานเมืองถลาง จ.ภูเก็ต วงเงินงบประมาณ 500 ล้านบาท 4. โครงการก่อสร้างอาคารศิลปวัฒนธรรมจังหวัดตรัง วงเงินงบประมาณ 90 ล้านบาท และ 5. โครงการก่อสร้างศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามภาคใต้ฝั่งอันดามัน ประจำจังหวัดภูเก็ต เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วงเงินงบประมาณ 250 ล้านบาท รวมงบ 5 โครงการทั้งหมด 893.1 ล้านบาท
**สธ.ขอ 487 ล้านปรับรพ.กระบี่
ด้าน กระทรวงสาธารณสุข จะเสนอโครงการก่อสร้างอาคารของโรงพยาบาลจำนวน 2 โครงการ เพื่อรองรับคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนในจังหวัดกระบี่ ซึ่งมีประชากรแฝง และนักท่องเที่ยว ใช้งบก่อสร้างรวม 487 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุฉุกเฉินและอุบัติภัยทางธรรมชาติ ใช้งบก่อสร้าง 99 ล้านบาท โดยเป็นเงินที่ขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล 79 ล้านบาท และมีผู้แสดงความจำนงค์บริจาคอีก 20 ล้านบาท และ2.โครงการก่อสร้างอาคารวินิจฉัยและรักษาพยาบาล ขนาด 5 ชั้น สำหรับการตรวจวินิจฉัยโรค การผ่าตัด การคลอด ใช้งบประมาณ 388 ล้านบาท