แบงก์ชาติเผยสถานการณ์ยุโรป-สหรัฐฟื้นตัว ส่งผลเงินทุนไหลเข้าต่อเนื่อง เน้นลงทุนพันธบัตรระยะสั้นของไทย ยันไม่จำเป็นต้องเตรียมรับมือเงินทุนไหลเข้าออก โวการออกพันธบัตร ธปท.อายุยาวขึ้น ช่วยลดความผันผวนเงินทุนไหลเข้าออก ส่วนบาทแข็งส่งผลดีในช่วงที่ราคาน้ำมันแพง
นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนทั้งหุ้นและพันธบัตรระยะสั้นในภูมิภาคเอเชียอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงไทยด้วย เนื่องจากสถานการณ์ยุโรปปรับตัวดีขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งนักลงทุนมั่นใจปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซที่อย่างน้อยมีเงินมาใช้หนี้ได้ในช่วงหนึ่งอีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงหลัง ทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับยูโรและส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
“เงินทุนไหลเข้ามาก็ยังคงมีเงินระยะสั้นเข้ามาอยู่ โดยเฉพาะพันธบัตรระยะสั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่นักลงทุนต่างชาติจะพยายามเอาเงินมาหาผลประโยชน์จากข้างนอก ซึ่งให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า ทางธปท.ได้เข้าไปดูแลน้อยมากและการเตรียมรับมือเงินทุนไหลเข้าออกของธปท.ก็ยังเป็นไปตามปกติ เพราะการแข็งค่าของเงินบาทที่ไม่รวดเร็วเกินไป แต่กลับส่งผลดีในช่วงที่ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ภาคเอกชนสามารถปรับตัวรับได้และไม่ถูกระทบรุนแรงจากราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นในช่วงนี้มาเกินไป” นางผ่องเพ็ญกล่าว
ในภาวะเงินทุนไหลเข้าออกในช่วงนี้ แผนการออกพันธบัตรของธปท.ยังคงเน้นออกพันธบัตรระยะยาวมากขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางที่ธปท.เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีก่อน เพื่อช่วยลดแรงกดดันไม่ให้เงินในระบบหมุนเวียนเร็วเกินไป เพราะห่วงว่าเงินเหล่านี้อาจจะมีโอกาสเข้ามาเก็งกำไรระยะสั้นได้
อีกทั้งหากพันธบัตรระยะสั้นครบกำหนดชำระบ่อยเกินไปจะเป็นภาระในการบริหารจัดการของธปท และธนาคารพาณิชย์มากเกินไป และยืนยันว่าช่วงนี้ธปท.ยังไม่มีแผนจะออกพันธบัตรออมทรัพย์ ซึ่งถ้าจะออกพันธบัตรดังกล่าวจะต้องมีการประสานกับกระทรวงการคลัง เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกัน
ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธปท.กล่าวว่า ธปท.ยังคงดูแลสภาพคล่องในระบบภายใต้กรอบการดำเนินนโยบายการเงินแบบการกำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Targeting) เพื่อไม่ให้ปริมาณเงินในระบบมากจนเกินไปจนเกิดปัญหาเงินเฟ้อ เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำกว่าระดับที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ส่งสัญญาณตามนโยบายการเงินผ่านอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยอยู่ที่ระดับ 3.00%ต่อปี
***บาทปิดอ่อนค่าที่ 30.71/74
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นวานนี้ (19 มี.ค.) อยู่ที่ระดับ 30.71/74 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 30.67/73 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากระหว่างวันมีแรงขายบาทเพื่อไปซื้อดอลลาร์ ประกอบเงินบาทเคลื่อนไหวตามทิศทางเงินยูโร หลังจากที่ล่าสุดอิตาลีประกาศตัวเลขดัชนีการสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมในเดือน ม.ค. พบว่า ติดลบ 7.40 จุด จากเดือน ธ.ค.ที่ดัชนีเพิ่มขึ้น 5.5 จุด.
นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนทั้งหุ้นและพันธบัตรระยะสั้นในภูมิภาคเอเชียอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงไทยด้วย เนื่องจากสถานการณ์ยุโรปปรับตัวดีขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งนักลงทุนมั่นใจปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซที่อย่างน้อยมีเงินมาใช้หนี้ได้ในช่วงหนึ่งอีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงหลัง ทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับยูโรและส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
“เงินทุนไหลเข้ามาก็ยังคงมีเงินระยะสั้นเข้ามาอยู่ โดยเฉพาะพันธบัตรระยะสั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่นักลงทุนต่างชาติจะพยายามเอาเงินมาหาผลประโยชน์จากข้างนอก ซึ่งให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า ทางธปท.ได้เข้าไปดูแลน้อยมากและการเตรียมรับมือเงินทุนไหลเข้าออกของธปท.ก็ยังเป็นไปตามปกติ เพราะการแข็งค่าของเงินบาทที่ไม่รวดเร็วเกินไป แต่กลับส่งผลดีในช่วงที่ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ภาคเอกชนสามารถปรับตัวรับได้และไม่ถูกระทบรุนแรงจากราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นในช่วงนี้มาเกินไป” นางผ่องเพ็ญกล่าว
ในภาวะเงินทุนไหลเข้าออกในช่วงนี้ แผนการออกพันธบัตรของธปท.ยังคงเน้นออกพันธบัตรระยะยาวมากขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางที่ธปท.เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีก่อน เพื่อช่วยลดแรงกดดันไม่ให้เงินในระบบหมุนเวียนเร็วเกินไป เพราะห่วงว่าเงินเหล่านี้อาจจะมีโอกาสเข้ามาเก็งกำไรระยะสั้นได้
อีกทั้งหากพันธบัตรระยะสั้นครบกำหนดชำระบ่อยเกินไปจะเป็นภาระในการบริหารจัดการของธปท และธนาคารพาณิชย์มากเกินไป และยืนยันว่าช่วงนี้ธปท.ยังไม่มีแผนจะออกพันธบัตรออมทรัพย์ ซึ่งถ้าจะออกพันธบัตรดังกล่าวจะต้องมีการประสานกับกระทรวงการคลัง เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกัน
ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธปท.กล่าวว่า ธปท.ยังคงดูแลสภาพคล่องในระบบภายใต้กรอบการดำเนินนโยบายการเงินแบบการกำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Targeting) เพื่อไม่ให้ปริมาณเงินในระบบมากจนเกินไปจนเกิดปัญหาเงินเฟ้อ เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำกว่าระดับที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ส่งสัญญาณตามนโยบายการเงินผ่านอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยอยู่ที่ระดับ 3.00%ต่อปี
***บาทปิดอ่อนค่าที่ 30.71/74
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นวานนี้ (19 มี.ค.) อยู่ที่ระดับ 30.71/74 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 30.67/73 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากระหว่างวันมีแรงขายบาทเพื่อไปซื้อดอลลาร์ ประกอบเงินบาทเคลื่อนไหวตามทิศทางเงินยูโร หลังจากที่ล่าสุดอิตาลีประกาศตัวเลขดัชนีการสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมในเดือน ม.ค. พบว่า ติดลบ 7.40 จุด จากเดือน ธ.ค.ที่ดัชนีเพิ่มขึ้น 5.5 จุด.
