ASTVผู้จัดการรายวัน - สำนักทรัพย์สินฯ เผยแผนลงทุนพัฒนาโครงการอาคารชุดโลว์ไรส์ระดับหรูบนที่ดินศักยภาพ60ไร่ในซอยหลังสวน แบ่งการพัฒนาเป็น2เฟส เฟสแรกพื้นที่3ไร่ ในซอยหลังส่วน1-3 ยันผู้เช่าเดิมยังได้สิทธิ์เช่าอยู่อาศัยก่อนรายใหม่ พร้อมจ่ายค่าชดเชยเงินสดบวกคูปองโบนัส 4.08ล้านบาทต่อไร่ พร้อมเดินหน้าเจรจาเซ็นทรั่ลปรับแบบลงทุนพัฒนาโครงการสวนลุมไนท์ฯเดิม เสนอเพิ่มออฟฟิศเช่าและพื้นที่สีเขียว แจงปี55พัฒนาที่ดินซอยพิพัฒน์เลียบถนนสีลม -ที่ดินย่านราชเทวีและตลาดเฉลิมลาภ
นายสมบูรณ์ ชัยเดชสุริยะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำหนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เปิดเผยว่า มีแผนจะนำที่ดินในพื้นที่ย่านหลังสวน เลียบถนนวิทยุ จำนวน60 ไร่ ซึ่งกินพื้นที่ตั้งแต่ซอยหลังสวน-ต่อเนื่องไปจรดกับถนนสารสิน โดยการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวจะแบ่งการพัฒนาออกเป็น 2เฟส ซึ่งในเฟสแรกคาดว่าจะพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดโลว์ไรส์ชั้นดี บนพื้นที่ 3ไร่ ในซอยหลังสวน1-3 ส่วนเฟส2 ซึ่งจะใช้พื้นที่ในซอยหลังสวน3-6 ในการพัฒนานั้น ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดรูปแบบว่าจะมีการพัฒนาในรูปแบบใด
อย่างไรก็ตามในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวนั้น จำเป็นต้องให้ผู้เช่ารายเดิมย้ายออกจากพื้นที่ก่อน ซึ่งในเรื่องดังกล่าวสำนักทรัพย์สินฯ ได้ส่งหนังสือแจ้งให้ผู้เช่าทราบและย้ายออกแล้ว โดยขณะนี้ผู้เช่ารับทราบและมีการย้ายออกไปแล้วกว่า 90% ยังเหลือผู้เช่าพื้นที่เพียง10% หรือประมาณ2 รายที่ยังขอขยายเวลา เพื่อหาที่พักอาศัยใหม่ก่อนย้ายออกจากพื้นที่ คาดว่าในเดือนส.ค.นี้จะสามารถเริ่มดำเนินการออกแบบโครงการทั้งหมดได้ หลังจากที่ผู้เช่าในส่วนที่เหลือย้ายออกจากพื้นที่ทั้งหมด
“การย้ายผู้เช่าเดิมออกจากพื้นที่นั้น สำนักงานทรัพย์สินฯจะจ่ายค่าชดเชยเป็นเงินสด20,400 ต่อตารางวา(ตร.ว.)คิดเป็นเงินค่าชดเชยต่อไร่ 2.4ล้านบาท และโบนัสคูปองเงินสด 20,400 บาทต่อตร.ว.หรือ2.4ล้านบาทต่อไร่ให้แก่ผู้เช่า โดยในส่วนของคูปองเงินสดนั้น ผู้เช่าสามารถนำมาแลกซื้อสิทธิในการเช่าที่อยู่อาศัยในโครงการดังกล่าวหลังโครงการแล้วเสร็จ หรือหากผู้เช่าเดิมไม่ต้องการอยู่อาสัยในพื้นที่ดังกล่าวสามารถขายสิทธิ์คูปองต่อคนอื่น หรือนำคูปองมาแลกเงินสดจากสำนักทรัพย์สินได้”
ทั้งนี้ โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยในซอยหลังสวน เป็นโครงการแรกที่ สำนักงานทรัพย์สินฯ จะเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการ และออกแบบเองทั้งหมด ซึ่งหากโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับที่ดี ในอนาคตหากสำนักงานทรัพย์สินฯมีความพร้อมในด้านเงินทุน และมีพื้นที่ศักภายพเช่นเดียวกันอาจจะมีการเข้าไปลงทุนโครงการใหม่ในรูปแบบเดียวกันนี้ต่อไป
“หลักการในการปรับปรุงอาคารเช่าเดิม หรือ การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในพื้นที่เช่าเดิมที่มีผู้เช่าอยู่ ของสำนักทรัพย์สินฯ จะดำเนินการภายใต้4หลักการ คือ 1.ในกรณีที่พัฒนาโครงการใหม่ต้องเป็นประโยชน์ต่อสังคมและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร 2.ผู้เช่าเดิมจะต้องได้สิทธ์การกลับเข้ามาอยู่อาศัยในดครงการที่พัฒนาหรือปรับปรุงใหม่ 3.ผู้ที่จะเข้ามาพัฒนาโครงการจะต้องมีประสบการณ์และมีคุณสมบัติที่ตรงตามข้อกำหนดของสำนักทรัพย์สินฯ และ4. ค่าตอบแทนจะต้องเหมาะสม”
นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ในส่วนของเรื่องการปรับขึ้นค่าเช่ากับผู้เช่ารายเดิม ที่เช่าที่อยู่อาศัยกับสำนักทรัพย์สินฯนั้น แบ่งออกเป้น2ส่วนคือ การปรับค่าเช่าที่พักอาศัย ซึ่งจะทยอยปรับขึ้นเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของค่าเช่าของผู้เช่าเดิมซึ่งไม่ได้มีการเปลี่ยนมือสัญญาเช่ากับผู้ที่การเปลี่ยนมือสัญญาเช่าในพื้นที่เดียวกัน ส่วนที่2คือการรับค่าเช่าอาคารเชิงพาณิชย์ วึ่งมีเป้าหมายเดียวกันคือลดความเหลื่อมล้ำในด้านต้นทุนการค้า เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม
ส่วนความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการใหม่ในพื้นที่สวนลุมไนท์บาร์ซ่าเดิม นั้นขณะนี้อยู่ระหว่าการเจรจากับ บริษัท เซ็นทรั่ล พัฒนาฯ ให้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบโครงการบางส่วน จากเดิมที่จะพัฒนาเป็นศูนย์การค้าและโรงแรง โดยให้เพิ่มเติมในส่วนของออฟฟิศเช่าและปาร์คหรือเพื่อที่สีเขียวเพิ่ม ส่วนในเรื่องการฟ้องบังคับให้ผู้เช่าเดิมออกจากฟ้องที่นั้นขณะนี้ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาแล้ว ให้ผู้เช่าเดิมย้ายออกจากพื้น ส่วนที่ดินบริเวณสมาคมนักเรียนเก่าเทพศิรินทร์จำนวน6ไร่นั้น บริษัท แมกโนเลีย ไฟน์เนส์ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด เป็นผู้ได้สิทธิ์ในการพัฒนา โดยจะพัฒนาเป็น อาคารสูง60ชั้น ประกอบด้วย พื้นที่สำนักงาน พักอาศัย ร้านค้าพาณิชย์ และโรงแรม
ทั้งนี้ ที่ดินหลังสถานฑูตญี่ปุ่น นั้นขณะนี้รัฐบาลประเทศออสเตเรียขอเช่าเพื่อพัฒนาเป็นสถานฑูตแห่งใหม่ ขณะที่พื้นที่ต่อเนื่องด้านหลังจำนวน1ไร่นั้นรัฐบาลประเทศฝรั่งเศษ ได้ขอเช่าเพื่อพัฒนาเป้นศูนยการเรียนรู้และภาพษาฝรั่งเศษ สำหรับแผนการพัฒนาโครงการใหม่ ในพื้นที่เช่าสำนักทรัพย์สินในกทม. นั้นในปีนี้มีอยู่ 2 แห่งคือ ซอยพิพัฒน์ ซึ่งมีเนื้อที่ 302.8ตร.ว.ติดกับถนนสีลม ขระนี้อยู่ระหว่างการประกาศเชิญชวนผู้สนใจเสนอขอพัฒนาที่ดิน และที่ดินบริษัทสี่แยกราชเทวี เนื้อที่ 2ไร่ 397ตร.ว. วึ่งอยู่ระหว่างการคืนพื้นที่ของผู้เช่า คาดว่าจะเริ่มสรรหาผุ้พัฒนาดครงการได้ในปลายปีนี้
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ในตลาดเฉลิมลาภ ย่านประตูน้ำ ซึ่งจำเป็นต้องมีการพัฒนาดครงการใหม่เนื่องจากอาคารเช่าเดิมทรุดโทรมหนัก ไม่คุ้มกับการปรับปรุงเพือนำกลัยบมาใช้ใหม่ ดดยโครงการนี้มีความต่างจากโครงการอื่นคือในการสรรหาผู้ลงทุนและออกแบบนั้นผู้ไดสิทธิ์เช่าพัฒนาพื้นที่จะต้องจัดหาที่ประกอบอาชีพให้แก่ผู้เช่าเดิมในระหว่างที่โครงการใหม่ก่อสร้างอยู่และหลังจากที่ก่อสร้างโครงการแล้วเสณ้จผู้เช่ารายได้จะต้องไดสิทธิ์ในการเช่า หรือได่สิทธิในการกลับมาอยู่อาศัยในพื้นที่ด้วย
นายสมบูรณ์ ชัยเดชสุริยะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำหนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เปิดเผยว่า มีแผนจะนำที่ดินในพื้นที่ย่านหลังสวน เลียบถนนวิทยุ จำนวน60 ไร่ ซึ่งกินพื้นที่ตั้งแต่ซอยหลังสวน-ต่อเนื่องไปจรดกับถนนสารสิน โดยการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวจะแบ่งการพัฒนาออกเป็น 2เฟส ซึ่งในเฟสแรกคาดว่าจะพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดโลว์ไรส์ชั้นดี บนพื้นที่ 3ไร่ ในซอยหลังสวน1-3 ส่วนเฟส2 ซึ่งจะใช้พื้นที่ในซอยหลังสวน3-6 ในการพัฒนานั้น ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดรูปแบบว่าจะมีการพัฒนาในรูปแบบใด
อย่างไรก็ตามในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวนั้น จำเป็นต้องให้ผู้เช่ารายเดิมย้ายออกจากพื้นที่ก่อน ซึ่งในเรื่องดังกล่าวสำนักทรัพย์สินฯ ได้ส่งหนังสือแจ้งให้ผู้เช่าทราบและย้ายออกแล้ว โดยขณะนี้ผู้เช่ารับทราบและมีการย้ายออกไปแล้วกว่า 90% ยังเหลือผู้เช่าพื้นที่เพียง10% หรือประมาณ2 รายที่ยังขอขยายเวลา เพื่อหาที่พักอาศัยใหม่ก่อนย้ายออกจากพื้นที่ คาดว่าในเดือนส.ค.นี้จะสามารถเริ่มดำเนินการออกแบบโครงการทั้งหมดได้ หลังจากที่ผู้เช่าในส่วนที่เหลือย้ายออกจากพื้นที่ทั้งหมด
“การย้ายผู้เช่าเดิมออกจากพื้นที่นั้น สำนักงานทรัพย์สินฯจะจ่ายค่าชดเชยเป็นเงินสด20,400 ต่อตารางวา(ตร.ว.)คิดเป็นเงินค่าชดเชยต่อไร่ 2.4ล้านบาท และโบนัสคูปองเงินสด 20,400 บาทต่อตร.ว.หรือ2.4ล้านบาทต่อไร่ให้แก่ผู้เช่า โดยในส่วนของคูปองเงินสดนั้น ผู้เช่าสามารถนำมาแลกซื้อสิทธิในการเช่าที่อยู่อาศัยในโครงการดังกล่าวหลังโครงการแล้วเสร็จ หรือหากผู้เช่าเดิมไม่ต้องการอยู่อาสัยในพื้นที่ดังกล่าวสามารถขายสิทธิ์คูปองต่อคนอื่น หรือนำคูปองมาแลกเงินสดจากสำนักทรัพย์สินได้”
ทั้งนี้ โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยในซอยหลังสวน เป็นโครงการแรกที่ สำนักงานทรัพย์สินฯ จะเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการ และออกแบบเองทั้งหมด ซึ่งหากโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับที่ดี ในอนาคตหากสำนักงานทรัพย์สินฯมีความพร้อมในด้านเงินทุน และมีพื้นที่ศักภายพเช่นเดียวกันอาจจะมีการเข้าไปลงทุนโครงการใหม่ในรูปแบบเดียวกันนี้ต่อไป
“หลักการในการปรับปรุงอาคารเช่าเดิม หรือ การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในพื้นที่เช่าเดิมที่มีผู้เช่าอยู่ ของสำนักทรัพย์สินฯ จะดำเนินการภายใต้4หลักการ คือ 1.ในกรณีที่พัฒนาโครงการใหม่ต้องเป็นประโยชน์ต่อสังคมและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร 2.ผู้เช่าเดิมจะต้องได้สิทธ์การกลับเข้ามาอยู่อาศัยในดครงการที่พัฒนาหรือปรับปรุงใหม่ 3.ผู้ที่จะเข้ามาพัฒนาโครงการจะต้องมีประสบการณ์และมีคุณสมบัติที่ตรงตามข้อกำหนดของสำนักทรัพย์สินฯ และ4. ค่าตอบแทนจะต้องเหมาะสม”
นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ในส่วนของเรื่องการปรับขึ้นค่าเช่ากับผู้เช่ารายเดิม ที่เช่าที่อยู่อาศัยกับสำนักทรัพย์สินฯนั้น แบ่งออกเป้น2ส่วนคือ การปรับค่าเช่าที่พักอาศัย ซึ่งจะทยอยปรับขึ้นเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของค่าเช่าของผู้เช่าเดิมซึ่งไม่ได้มีการเปลี่ยนมือสัญญาเช่ากับผู้ที่การเปลี่ยนมือสัญญาเช่าในพื้นที่เดียวกัน ส่วนที่2คือการรับค่าเช่าอาคารเชิงพาณิชย์ วึ่งมีเป้าหมายเดียวกันคือลดความเหลื่อมล้ำในด้านต้นทุนการค้า เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม
ส่วนความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการใหม่ในพื้นที่สวนลุมไนท์บาร์ซ่าเดิม นั้นขณะนี้อยู่ระหว่าการเจรจากับ บริษัท เซ็นทรั่ล พัฒนาฯ ให้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบโครงการบางส่วน จากเดิมที่จะพัฒนาเป็นศูนย์การค้าและโรงแรง โดยให้เพิ่มเติมในส่วนของออฟฟิศเช่าและปาร์คหรือเพื่อที่สีเขียวเพิ่ม ส่วนในเรื่องการฟ้องบังคับให้ผู้เช่าเดิมออกจากฟ้องที่นั้นขณะนี้ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาแล้ว ให้ผู้เช่าเดิมย้ายออกจากพื้น ส่วนที่ดินบริเวณสมาคมนักเรียนเก่าเทพศิรินทร์จำนวน6ไร่นั้น บริษัท แมกโนเลีย ไฟน์เนส์ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด เป็นผู้ได้สิทธิ์ในการพัฒนา โดยจะพัฒนาเป็น อาคารสูง60ชั้น ประกอบด้วย พื้นที่สำนักงาน พักอาศัย ร้านค้าพาณิชย์ และโรงแรม
ทั้งนี้ ที่ดินหลังสถานฑูตญี่ปุ่น นั้นขณะนี้รัฐบาลประเทศออสเตเรียขอเช่าเพื่อพัฒนาเป็นสถานฑูตแห่งใหม่ ขณะที่พื้นที่ต่อเนื่องด้านหลังจำนวน1ไร่นั้นรัฐบาลประเทศฝรั่งเศษ ได้ขอเช่าเพื่อพัฒนาเป้นศูนยการเรียนรู้และภาพษาฝรั่งเศษ สำหรับแผนการพัฒนาโครงการใหม่ ในพื้นที่เช่าสำนักทรัพย์สินในกทม. นั้นในปีนี้มีอยู่ 2 แห่งคือ ซอยพิพัฒน์ ซึ่งมีเนื้อที่ 302.8ตร.ว.ติดกับถนนสีลม ขระนี้อยู่ระหว่างการประกาศเชิญชวนผู้สนใจเสนอขอพัฒนาที่ดิน และที่ดินบริษัทสี่แยกราชเทวี เนื้อที่ 2ไร่ 397ตร.ว. วึ่งอยู่ระหว่างการคืนพื้นที่ของผู้เช่า คาดว่าจะเริ่มสรรหาผุ้พัฒนาดครงการได้ในปลายปีนี้
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ในตลาดเฉลิมลาภ ย่านประตูน้ำ ซึ่งจำเป็นต้องมีการพัฒนาดครงการใหม่เนื่องจากอาคารเช่าเดิมทรุดโทรมหนัก ไม่คุ้มกับการปรับปรุงเพือนำกลัยบมาใช้ใหม่ ดดยโครงการนี้มีความต่างจากโครงการอื่นคือในการสรรหาผู้ลงทุนและออกแบบนั้นผู้ไดสิทธิ์เช่าพัฒนาพื้นที่จะต้องจัดหาที่ประกอบอาชีพให้แก่ผู้เช่าเดิมในระหว่างที่โครงการใหม่ก่อสร้างอยู่และหลังจากที่ก่อสร้างโครงการแล้วเสณ้จผู้เช่ารายได้จะต้องไดสิทธิ์ในการเช่า หรือได่สิทธิในการกลับมาอยู่อาศัยในพื้นที่ด้วย
