xs
xsm
sm
md
lg

"มาร์ค"เตือน"ปู"อย่าทุรัง เอื้อ"แม้ว"ฮุบพลังงานเขมร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"มาร์ค" ท้า"แม้ว" ขอเขมรถอนคดีเขาพระวิหารออกจากศาลโลก หากมีสัมพันธ์ลึกซึ้งจริง ชี้หากรัฐบาลมีเป้าหมายแอบแฝง หวังช่วยแม้วทำธุรกิจพลังงานในเขมร การเจรจาปัญหาชายแดนก็จะเสียเปรียบทุกประตู โฆษกปชป.ขู่ "ปึ้ง" ฟื้นเอ็มโอยู 44 เจอฟ้องแน่ เผยนายกฯ ลงนามตั้งกรรมการชายแดนร่วมไทย-เขมรแล้ว

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาระบุว่า ประเทศไทยเสียเปรียบประเทศกัมพูชา ในการต่อสู้คดีที่ศาลโลก เกี่ยวกับพื้นที่ 4.6 ตร.กม. รอบประสาทพระวิหาร โดยกัมพูชาได้นำคำสัมภาษณ์ดังกล่าวไปต่อสู้คดีด้วยว่า เรื่องนี้ต้องถามว่า ประเทศไทยเสียเปรียบกัมพูชาเพราะใคร ที่ไปทำหลายสิ่งหลายอย่าง เหมือนกับยอมรับสิทธิของฝ่ายกัมพูชา วันนี้รัฐบาลมีหน้าที่ในการต่อสู้คดี และถ้าคิดว่าความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศดีมาก ก็ไปขอให้กัมพูชาถอนคดีออกจากศาลโลก เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทย

"พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงเจตนาชัดเจนว่า อยากทำธุรกิจในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลด้านพลังงาน เพราะฉะนั้น ในเรื่องกัมพูชา ถ้านโยบายรัฐบาลมีเรื่องนี้เป็นเป้าหมายแฝงอยู่ ประเทศไทยไทยก็เสียเปรียบ ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณ มีความคิดในการทำธุรกิจพลังงาน ตนเชื่อว่า จะย้อนกลับมาสู่การที่คนไทยต้องแบกรับในเรื่องราคาพลังงานที่แพงขึ้น เหมือนที่ประสบในขณะนี้"

ทั้งนี้ การต่อสู้คดีในศาลโลก คนไทยได้รับทราบข้อมูลน้อยมาก เพราะรัฐบาลไม่เปิดเผยรายละเอียด โดยอ้างว่าจะกระทบต่อการต่อสู้คดี แต่การต่อสู้คดีเป็นการรับผิดชอบของรัฐบาลชุดนี้เต็มๆ เพราะรัฐบาลที่แล้ว มีโอกาสต่อสู้เฉพาะในขั้นตอนของคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งก็ประสบความสำเร็จในการทำให้ศาลไม่ได้คล้อยตามในสิ่งที่กัมพูชาของให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพื่อให้ไทยถอนทหารฝ่ายเดียว

ดังนั้น นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ จะปัดความรับผิดชอบในส่วนนี้ โดยอ้างว่า คณะทำงานที่ต่อสู้คดีในขณะนี้ เป็นชุดเดิมที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ตั้งไม่ได้ เพราะถ้าพูดเช่นนั้น กระทรวงที่บริหารงานในขณะนี้ ก็กระทรวงเดิมทั้งนั้น เหมือนกันทุกรัฐบาล จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลนี้ ซึ่งนายสุรพงษ์ ก็ทำทุกอย่างเพื่อเข้ามาเป็นรัฐมนตรีแล้ว ก็ต้องทำหน้าที่รับผิดชอบด้วย

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่รัฐบาลไทย กำลังนำเรื่อง เอ็มโอยู 2544 เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ที่รัฐบาลที่แล้วแขวนไว้กลับเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้งนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนหวังว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะรักษาประโยชน์ของประเทศ ซึ่งนายกฯ ต้องเข้มแข็งในการเดินนโยบายที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ประเทศ อย่าสับสนกับผลประโยชน์ทางธุรกิจของคนที่เกี่ยวข้อง และถ้ารัฐบาลจะพิจารณานำ เอ็มโอยู 2544 กลับมาใช้อีก ควรดูให้ดีว่า ตรงไหนที่เป็นความเสียเปรียบ หรือไม่ถูกต้องก็ควรแก้ไข และควรใช้ทุกเรื่องในการเจรจาต่อรองกับกัมพูชา อย่างมองผิวเผิน เหมือนจะโอนอ่อนเพื่อให้ปัญหาหมดไป

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีที่กระทรวงการต่างประเทศเตรียมนำเอ็มโอยู 2544 กลับมาเจรจากรณีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชาอีกครั้งนั้น ที่ผ่านมา รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้ยกเลิกเอ็มโอยูดังกล่าวโดยมติ ครม. เพราะเส้นเขตแดนทางทะเลภายใต้เอ็มโอยู ได้ลากผ่านเกาะกูด ซึ่งเป็นเขตแดนไทย ถือเป็นเส้นเขตแดนทางทะเลที่ผิด เรารับไม่ได้ ดังนั้น นายสุรพงษ์ ที่บอกว่า พรรคประชาธิปัตย์อย่าถ่วงความเจริญนั้น ยืนยันว่า ถ่วงแน่ ถ้ามีใครก็แล้วแต่ที่อาจขายชาติ

"เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา มีนักลงทุนสหรัฐฯ เป็นบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ 2 ราย เข้าพบ และนายสุรพงษ์ ออกมาพูดทันทีว่าจะเดินหน้าเอาเอ็มโอยูกลับมาใช้ ขอเตือนไปยังข้าราชการที่รู้ดีว่าเอ็มโอนั้นผิดเรื่องเขตแดน ถ้าเอากลับมาใช้เมื่อไร ปชป.จะเอาผิดตามกฎหมายทันที เพราะทำให้ชาติเสียเปรียบอย่างยิ่ง ยืนยันเอาผิดได้ถึงตัวรัฐมนตรี และมีหลักฐานเส้นเขตแดนทางทะเลชัดเจน และเชื่อมโยงกับความเสียหายก่อนหน้านี้ในการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เรื่องคำตัดสินศาลโลกกรณีเขาพระวิหารว่าไทยเสียเปรียบ โดยคำพูดดังกล่าวถูกยกไปใช้ในเวทีการต่อสู้ระหว่างประเทศทำให้ไทยเสียเปรียบได้"นายชวนนท์กล่าว

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงผลการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ว่า กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา ล่าสุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นรับรองการตั้งคณะทำงานร่วมไทย-กัมพูชา หรือ Joint Working Group โดยทางกัมพูชายินดียอมรับขั้นตอนทางกฎหมายของไทยทุกอย่าง ขณะที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยืนยันว่า ไทยจะไม่เสียเปรียบ โดยยึดหลักความโปร่งใส หลักประชาธิปไตย และความเท่าเทียม คือ รูปแบบเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

ส่วนการพิจารณาให้พัฒนาพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่เศรษฐกิจนั้น เห็นว่า หากสามารถแก้ไขปัญหาให้เกิดความสงบได้ ก็เป็นสิ่งที่ดี แต่จะพัฒนารูปแบบใดต้องศึกษากันอีกครั้ง โดยเน้นให้เป็นการได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ซึ่งตนจะเข้าร่วมหารือกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดอาเซียนในสิ้นเดือนนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น