xs
xsm
sm
md
lg

บอร์ดขนส่งถกสัปดาห์หน้า ชี้ขาดขึ้นค่าตั๋วรถสาธารณะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-คณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลางนัดประชุมสัปดาห์หน้า ชี้ขาดปรับขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะ "ชัชชาติ"แนะหาทางช่วยลดต้นทุนแทนขึ้นค่าโดยสารอย่างเดียว พร้อมให้ศึกษาปรับค่ารถแท็กซี่ และหาจุดจอดแก้ปัญหาวิ่งรถเปล่า ด้านสหพันธ์ขนส่งทางบก เผยปรับขึ้นค่าขนส่งแล้ว 5%
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง ที่มีนายศรศักดิ์ แสนสมบัติ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาว่าจะมีการปรับขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะหรือไม่ ซึ่งจะมีทั้งรถของบขส. รถร่วมฯบขส. รถขสมก.และรถร่วมฯ ขสมก. โดยหลักการพิจารณาผลกระทบทั้งมิติของผู้โดยสารและผู้ประกอบการ และดูต้นทุน ซึ่งนอกเหนือจากน้ำมันแล้วยังมีค่าใช้จ่ายอื่นอีก โดยให้กระทรวงคมนาคม พิจารณาแนวทางอื่นที่สามารถช่วยลดต้นทุนผู้ประกอบการลงได้แทนที่จะมีการปรับขึ้นค่าโดยสารอย่างเดียว เช่น ลดค่าธรรมเนียม ค่าขาที่เรียกเก็บเป็นการชั่วคราว เป็นต้น โดยคาดว่าสัปดาห์หน้าจะได้ข้อสรุปเรื่องค่าโดยสารแน่นอน
ส่วนกรณีปรับค่าแท็กซี่มิเตอร์ตามราคาก๊าซ NGV ที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้น แม้ขณะนี้กระทรวงพลังงานจะมีมาตรการช่วยเหลือ แต่หลังจากเดือนเม.ย. จะต้องมีแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการอีก ซึ่งเบื้องต้นการปรับค่าแท็กซี่มิเตอร์จะมีแนวทางเลือก 3 ทาง ได้แก่ 1.ปรับเพิ่มค่าโดยสารแรกเข้า จาก 35 บาท เป็น 40 บาท 2.ค่าโดยสารแรกเข้า 35 บาทตามเดิม แต่ปรับเพิ่มค่าโดยสารตามช่วงระยะทางเพิ่มขึ้น เช่น จากเดิมเก็บระยะทาง 2-12 กม. 5 บาท อาจปรับเพิ่มเป็น 6 บาท หรือ 3.ค่าแรกเข้า 35 บาท ตามเดิม ใช้บันไดค่าโดยสารเดิม แต่ปรับลดช่วงระยะทางลง เช่น จากเดิมมีช่วงระยะทาง 2-12 กม. 5 บาท อาจปรับเป็น ระยะทาง 2-10 กม. 5 บาท ทั้งนี้ต้องไปศึกษารายละเอียดก่อน
สำหรับการแก้ปัญหาระยะยาว ใน 6 เดือนถึง 1 ปี จะมุ่งไปที่การลดการวิ่งเที่ยวเปล่า ไม่มีผู้โดยสาร ซึ่งปัจจุบันมีถึง 40% ของรถประมาณ 1 แสนคัน คิดเป็นความสูญเสียจากใช้ก๊าซ NGV โดยสูญเปล่าถึง 7,000 ล้านบาทต่อปี จึงได้มอบหมาย ให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ศึกษาแนวทางเพื่อกำหนดจุดจอดรถที่เหมาะสม ลดการวิ่งรถเปล่า เช่น ในบริเวณศูนย์การค้า,มหาวิทยาลัย
หรือจุดที่มีกลุ่มลูกค้าจำนวนมาก และการคุมกำเนิดแท็กซี่ เพื่อลดจำนวนให้สอดคล้องกับความต้องการใช้บริการ และจะทำให้รถแท็กซี่มีรายได้เพิ่มมากขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องปรับค่ามิเตอร์ เช่น จำกัดรถจดทะเบียนใหม่ในแต่ละปีให้ไม่เกินจำนวนรถที่ครบอายุ ซึ่งเฉลี่ยมีรถหมดอายุประมาณ 5,000 คัน
นายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้ยื่นข้อเรียกร้องไปยังผู้ว่าจ้างเพื่อขอปรับขึ้นค่าขนส่ง อีก 5% สำหรับรถบรรทุกที่ก๊าซ NGV เป็นเชื้อเพลิง โดยคาดว่าจะสามารถปรับค่าขนส่งได้ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงหลังจากที่ราคาก๊าซ NGV ปรับขึ้นอีก 2 บาท ขณะที่รถบรรทุกที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงได้มีการปรับขึ้นค่าขนส่งไปแล้วประมาณ 5% หลังจากราคาน้ำมันได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับผลกระทบต้นทุนมาตั้งแต่ราคาน้ำมันอยู่ในระดับ 20 กว่าบาทต่อลิตรแล้ว โดยเงื่อนไขสัญญาที่รถบรรทุกได้ทำไว้กับผู้ว่าจ้าง คือ หากราคาเชื้อเพลิงสูงขึ้น 1บาท จะต้องปรับค่าขนส่งขึ้น 0.50 บาทต่อกิโลเมตรด้วย
ทั้งนี้ ยอมรับว่าการปรับขึ้นค่าขนส่ง จะส่งผลกระทบกับราคาสินค้าและบริการต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะมีความเกี่ยวเนื่องกันเป็นระบบลูกโซ่ โดยเฉพาะสินค้าประเภทพืชไร่ ที่อาจจะได้รับผลกระทบมากว่า ซึ่งจะต้องมีการตกลงราคาค่าขนส่งกันให้ชัดเจนกับทางผู้ว่าจ้าง ส่วนสินค้าบางประเภทก็อาจจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง
ปัจจุบันสหพันธ์ฯ มีสมาชิกประมาณ 40,000 คันทั่วประเทศ โดยรถบรรทุกที่ใช้น้ำมันจะมีต้นทุนประมาณ 50% ของการขนสินค้าแต่ละครั้ง ส่วนรถบรรทุกที่ใช้ก๊าซNGV จะมีต้นทุนประมาณ 35% การที่รถบรรทุกจะสามารถให้บริการต่อไปได้จะต้องมีต้นทุนไม่เกินจากที่กำหนดดังกล่าว ซึ่งต้องนำอัตราที่กำหนดคูณด้วยระยะทางเป็นกิโลเมตรคูณด้วยน้ำหนักสินค้า ซึ่งขณะนี้รถบรรทุก 1 คัน บรรทุกสินค้าได้ไม่เกิน 20 ตัน
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าคนขับรถบรรทุกในขณะนี้ยังไม่เดือดร้อนจากราคาเชื้อเพลิงที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมากนัก เพราะยังมีสินค้า โดยเฉพาะพืชไร่ เช่น อ้อย ให้ขนส่งอย่างต่อเนื่อง จึงมีรายได้ทุกวัน และคาดว่าสถานการณ์แบบนี้จะยังต่อเนื่องไปจนถึงปี 2556 เพราะปีนี้ผลผลิตอ้อยมีอยู่จำนวนมาก ขณะเดียวกันยังมีโครงการรับจำนำข้าวที่จะทำให้รถบรรทุกมีงานทำมากขึ้นด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น