“สองแถว” ขู่นำรถ 1 พันคันปิด ก.คมนาคม 22 มี.ค.นี้ หากไม่อนุมัติให้ปรับขึ้นราคา ครวญไม่ได้ปรับค่าโดยสารมาตั้งแต่ปี 51 ช่วงที่ดีเซลลิตรละ 20 บาท แต่ตอนนี้ทะลุ 32 บาทไปแล้ว ขณะที่ “แท็กซี่” พอใจแนวทางการปรับขึ้นค่ามิเตอร์ กม.ที่ 2-12 ปรับจาก 5 บาทต่อ กม.เป็น 5.5 บาทต่อ กม.โดยไม่ควรปรับพรวด 5-7% ตามราคาก๊าซ
นายฉัตรชัย ภู่อารีย์ ประธานชมรมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางหมวด 4 เอกชนกรุงเทพมหานคร (รถสองแถวในซอย) เปิดเผยถึงข้อเรียกร้องในการแบ่งเบาภาระต้นทุนเพิ่มจากน้ำมัน โดยยอมรับว่า ตนเองและสมาชิกได้ยื่นหนังสือขอปรับราคาค่ารถโดยสารสองแถวทุกประเภทไปยังกระทรวงคมนาคมแล้ว ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ชมรมฯ ได้เสนอขอปรับค่าโดยสารรถสองแถว 3 ประเภท คือ 1.รถสองแถว ขนาด 4 ล้อ และ 6 ล้อ ขอปรับจากอัตราเดิม 5.50 บาท เป็น 8 บาท 2.รถสองแถวขนาดใหญ่ (บัส) ปรับอากาศ ขอปรับจากอัตราเดิม 10 บาทตลอดสาย เป็น อัตรา 13-21 บาท คิดตามระยะทาง และ 3.รถสองแถวขนาดใหญ่ (บัส) ไม่ปรับอากาศ ขอปรับจากอัตราเดิม 8 บาท เป็น 10 บาท
นายฉัตรชัย กล่าวให้เหตุผลว่า เนื่องจากผู้ประกอบการไม่ได้ปรับราคามาตั้งแต่ปี 2551 โดยราคาน้ำมันดีเซลขณะนั้นอยู่เพียงลิตรละ 20 บาท แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 32.33 บาทแล้ว ทำให้ต้นทุนในการดำเนินงานสูงขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม หากวันที่ 21 มีนาคม 2555 นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ไม่อนุมัติให้ปรับราคา ทางชมรมฯ จะนำรถสองแถว 1,000 คันไปปิดกระทรวงคมนาคมในวันที่ 22 มีนาคม 2555 เพื่อแสดงให้เห็นว่า ผู้ประกอบการเดือดร้อนจริง
ด้าน นายวิฑูรย์ แนวพานิช ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯ กล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวทางการปรับขึ้นค่าแท็กซี่มิเตอร์แนวทางแรกของกระทรวงคมนาคม คือให้คงค่าอัตรามิเตอร์แรก 35 บาท และให้ขึ้นค่าโดยสารตามระยะทางอีก 0.50 บาท เช่น ระยะทางกิโลเมตร (กม.) ที่ 2-12 ปรับจาก 5 บาทต่อ กม.เป็น 5.5 บาทต่อ กม.โดยไม่ควรปรับราคาเกินร้อยละ 5-7 ตามผลกระทบราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ที่ปรับเพิ่มขึ้น
“ยอมรับว่า หากปรับขึ้นราคาแรกเริ่ม หรือปรับราคาสูงเกินไป ผู้โดยสารจะไม่ใช้บริการ ส่วนรถแท็กซี่ ที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวีจะได้รับผลกระทบจริง ประมาณเดือน 16 พฤษภาคม 2555 นี้ หลังจากบัตรเครดิตพลังงานจะหมดโครงการในวันที่ 16 เมษายน 2555 นี้
