“คมนาคม” ไฟเขียว “แท็กซี่” ขึ้นราคาค่ามิเตอร์ 50 บาท “บิ๊กโอ๋” ยันพร้อมพิจารณาปรับตามเหตุผล หลังขึ้นค่าก๊าซ “ชินวัฒน์ หาบุญพาด” ที่ปรึกษาฯ ออกโรงค้านทันควัน ชี้ ไม่ใช่การแก้ปัญหาตรงจุด เพราะสาเหตุที่แท็กซี่มีรายได้น้อย เนื่องจากมีจำนวนรถวิ่งวันละ 7 หมื่นคัน มากเกินไป ไม่ใช่การขึ้นค่าก๊าซ แนะจุดเหมาะสมอยู่ที่ 3.5 หมื่นคัน พร้อมจี้ให้คุมกำเนิด-จัดระบบสหกรณ์ ล้างระบบนายทุน
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กรณีที่จะมีการปรับราคาเชื้อเพลิงธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) กิโลกรัมละ 6 บาท และก๊าซหุงต้ม (LPG) กิโลกรัมละ 9 บาท ในปี 2555 ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และทำให้ผู้ประกอบการแท็กซี่ ขอปรับค่ามิเตอร์ที่ปรับจาก 35 บาท เป็น 50 บาทนั้น เรื่องนี้ต้องให้ผู้ประกอบการทำหนังสือเสนอมาว่าได้รับผลกระทบอย่างไร ส่วนการพิจารณาปรับขึ้นหรือไม่นั้น จะต้องเป็นไปตามเหตุผล โดยจะให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เป็นผู้พิจารณาในหลักการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวเสริมว่า หากมีการปรับขึ้นค่ามิเตอร์แท็กซี่ ก็จะไม่กระทบกับประชาชน เนื่องจากมีบริการขนส่งสาธารณะอื่น เช่น รถเมล์ปรับอากาศ เป็นทางเลือกในการเดินทาง
ด้าน นายชินวัฒน์ หาบุญพาด ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การปรับขึ้นค่ามิเตอร์แท็กซี่หลังจากที่มีการปรับราคาก๊าซนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เพราะการที่แท็กซี่มีรายได้น้อย ไม่ได้เกิดจากราคาก๊าซ แต่เกิดจากการที่รถแท็กซี่มีจำนวนมากเกินความต้องการ
ทั้งนี้ ผลการสำรวจพบว่า แท็กซี่ส่วนใหญ่ต้องวิ่งรถเปล่ามากกว่ามีผู้โดยสาร เฉลี่ยวิ่ง 100 กิโลเมตร (กม.) มีผู้โดยสาร 30 กม.วิ่งรถเปล่า 70 กม.ซึ่งการแก้ปัญหาจะต้องออกกฎหมาย เพื่อจัดระเบียบ นิติบุคคล เช่น สหกรณ์ต่างๆ ที่เป็นเจ้าของรถ เพื่อควบคุมจำนวนรถแท็กซี่ในระบบให้เหมาะสม
“ปัจจุบันแท็กซี่มีจำนวนกว่า 7 หมื่นคัน ขณะที่จำนวนทีเหมาะสม คือ 3.5 หมื่นคัน จึงถือว่าเกินความต้องการถึงเท่าตัว สาเหตุเพราะพวกนายทุน ออกรถมามาก และกลุ่มนายทุนต้องการให้ขึ้นค่ามิเตอร์ เพื่อจะได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้น ดังนั้นต้องเข้าไปควบคุมการออกรถใหม่ ว่า ควรมีจำนวนเท่าไร โดยจะสรุปข้อมูลให้ รมว.คมนาคม รับทราบถึงปัญหาดังกล่าวด้วย ว่า การที่แท็กซี่ได้เงินรายได้น้อย ไม่ใช่เพราะค่าโดยสารถูก” นายชินวัฒน์ กล่าวสรุป