ASTVผู้จัดการรายวัน – “นมมะลิ” เล็งผุดโรงงานแห่งใหม่มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท หาทำเลปลอดภัยจากน้ำท่วม เล็ง 3 จังหวัด เผยเตรียมปั้นแบรนด์มะลิสู่รีจินัลแบรนด์ ดันรายได้รวมปีนี้ 5,000 ล้านบาท หลังจากต่ำเป้าปีที่แล้วเหตุน้ำท่วมใหญ่
นายสุวิทย์ ผลวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท อุตสาหกรรมนมไทย จำกัด ผู้ผลิตนมข้นหวานตรามะลิ และเนยออร์คิด ของไทย เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯเมื่อปี 2554 ทำรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายต่ำกว่าเป้าหมายแล็กน้อย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทยเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม
คาดว่าในปีนี้บริษัทฯจะสามารถพลิกฟื้นคืนธุรกิจและกลับมามีรายได้รวมประมาณ 5,000 ล้านบาทได้แน่นอน โดยแบ่งสัดส่วนรายได้มาจากในประเทศ 80% และอีก 20% มาจากต่างประเทศ
อย่างไรก็ตามจากปัญหาน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปีที่แล้วทำให้บริษัทฯสามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้นกับแผนงานก่อสร้างโรงงานใหม่กับการปรับปรุงโรงงานเก่าครั้งใหญ่ โดยโรงงานใหม่ฟนั้นหากลงทุนจริงคาดว่าจะเป็นโรงงานผลิตนมที่มีความทันสมัยที่สุดในภาคพื้นนี้ ซึ่งสามารถที่จะรองรับความต้องการของตลาดและการแข่งขันในตลาดรวมนมได้อีกประมาณ 10 ปีจากนี้และยังรองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในปี 2558
สำหรับแผนลงทุนด้านโรงงานนั้น ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในทำเลใหม่ที่ปลอดภัยจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งจังหวัดเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้ในการก่อสร้างโรงงานใหม่คือ จังหวัดสระบุรี นครราชสีมาและชลบุรี ซึ่งบริษัทฯคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปีจากนี้เพื่อทำการศึกษาในรายละเอียดให้รอบคอบว่าจะเลือกจังหวัดใด คาดว่าต้องลงทุนอย่างต่ำ 2,000 ล้านบาท หรือใช้วิธีการปรับปรุงโรงงานเดิมเพื่อเพิ่มกำลังผลิตที่นิคมอุตสากรรมบางปะอิน จังหวัดอยุธยา
ทั้งนี้หากปีนี้นิคมอุตสาหกรรมบางปะอินปลอดภัยสำหรับน้ำท่วม บริษัทฯอาจจะลงทุนปรับปรุงโรงงานเดิมโดยคาดว่าใช้เวลา 3 เดือนในการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ แต่หากพื้นที่เดิมไม่ปลอดภัยจากน้ำท่วมจะพิจารณาลงทุนในโรงงานแห่งใหม่ คาดว่าจะใช้พื้นที่ประมาณ 70-80 ไร่
“จริงๆแล้งเรามีแผนที่จะพัฒนาโรงงานเดิมนี้มานานแล้ว แต่เพราะความต้องการของตลาดที่มีมากตลอดเวลา ทำให้ไม่สามารถหยุดไลน์การผลิตเพื่อปรับปรุงโรงงานด้ จึงยังไม่ได้ทำซักที ซึงตอนนี้กำลังการผลิตนมข้นหวานมะลิก็มีจำหน่ายพอดีกับความต้องการของตลาด ซึ่งมีการนำเข้าจากโรงงานนมข้นหวานในสิงคโปร์และมาเลเซีย
สำหรับนมยูเอชทีนั้นอยู่ระหว่างคุยกับโรงงานรับจ้างผลิตในประเทศไทยเพื่อผลิตสินค้าดังกล่าวให้ในเดือนนี้ และสำหรับไลน์เนยนั้นได้ว่าจ้างบริษัทอื่นรับจ้างผลิตในไทยพื่อผลิตออกจำหน่ายตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
‘’ยี่ห้อมะลิเป็นที่รู้จักแพร่หลายในอินโดไชน่า และเราเองก็หวังว่าจะให้แบรนด์นมมะลิเป็นแบรนด์คนไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาคในอนาคต ปัจุบัน บริษัท อุตสากรรมนมไทย ถือหุ้นโดยคนไทย 100% ผลิตสินค้านมข้นหวาน นมข้นจืด เนย เครื่องดื่มยูเอชที”นายสุวิทย์กล่าว
นายสุวิทย์ ผลวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท อุตสาหกรรมนมไทย จำกัด ผู้ผลิตนมข้นหวานตรามะลิ และเนยออร์คิด ของไทย เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯเมื่อปี 2554 ทำรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายต่ำกว่าเป้าหมายแล็กน้อย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทยเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม
คาดว่าในปีนี้บริษัทฯจะสามารถพลิกฟื้นคืนธุรกิจและกลับมามีรายได้รวมประมาณ 5,000 ล้านบาทได้แน่นอน โดยแบ่งสัดส่วนรายได้มาจากในประเทศ 80% และอีก 20% มาจากต่างประเทศ
อย่างไรก็ตามจากปัญหาน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปีที่แล้วทำให้บริษัทฯสามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้นกับแผนงานก่อสร้างโรงงานใหม่กับการปรับปรุงโรงงานเก่าครั้งใหญ่ โดยโรงงานใหม่ฟนั้นหากลงทุนจริงคาดว่าจะเป็นโรงงานผลิตนมที่มีความทันสมัยที่สุดในภาคพื้นนี้ ซึ่งสามารถที่จะรองรับความต้องการของตลาดและการแข่งขันในตลาดรวมนมได้อีกประมาณ 10 ปีจากนี้และยังรองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในปี 2558
สำหรับแผนลงทุนด้านโรงงานนั้น ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในทำเลใหม่ที่ปลอดภัยจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งจังหวัดเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้ในการก่อสร้างโรงงานใหม่คือ จังหวัดสระบุรี นครราชสีมาและชลบุรี ซึ่งบริษัทฯคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปีจากนี้เพื่อทำการศึกษาในรายละเอียดให้รอบคอบว่าจะเลือกจังหวัดใด คาดว่าต้องลงทุนอย่างต่ำ 2,000 ล้านบาท หรือใช้วิธีการปรับปรุงโรงงานเดิมเพื่อเพิ่มกำลังผลิตที่นิคมอุตสากรรมบางปะอิน จังหวัดอยุธยา
ทั้งนี้หากปีนี้นิคมอุตสาหกรรมบางปะอินปลอดภัยสำหรับน้ำท่วม บริษัทฯอาจจะลงทุนปรับปรุงโรงงานเดิมโดยคาดว่าใช้เวลา 3 เดือนในการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ แต่หากพื้นที่เดิมไม่ปลอดภัยจากน้ำท่วมจะพิจารณาลงทุนในโรงงานแห่งใหม่ คาดว่าจะใช้พื้นที่ประมาณ 70-80 ไร่
“จริงๆแล้งเรามีแผนที่จะพัฒนาโรงงานเดิมนี้มานานแล้ว แต่เพราะความต้องการของตลาดที่มีมากตลอดเวลา ทำให้ไม่สามารถหยุดไลน์การผลิตเพื่อปรับปรุงโรงงานด้ จึงยังไม่ได้ทำซักที ซึงตอนนี้กำลังการผลิตนมข้นหวานมะลิก็มีจำหน่ายพอดีกับความต้องการของตลาด ซึ่งมีการนำเข้าจากโรงงานนมข้นหวานในสิงคโปร์และมาเลเซีย
สำหรับนมยูเอชทีนั้นอยู่ระหว่างคุยกับโรงงานรับจ้างผลิตในประเทศไทยเพื่อผลิตสินค้าดังกล่าวให้ในเดือนนี้ และสำหรับไลน์เนยนั้นได้ว่าจ้างบริษัทอื่นรับจ้างผลิตในไทยพื่อผลิตออกจำหน่ายตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
‘’ยี่ห้อมะลิเป็นที่รู้จักแพร่หลายในอินโดไชน่า และเราเองก็หวังว่าจะให้แบรนด์นมมะลิเป็นแบรนด์คนไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาคในอนาคต ปัจุบัน บริษัท อุตสากรรมนมไทย ถือหุ้นโดยคนไทย 100% ผลิตสินค้านมข้นหวาน นมข้นจืด เนย เครื่องดื่มยูเอชที”นายสุวิทย์กล่าว
