“โออิชิ” เร่งฟื้นฟูโรงงานหลังจมน้ำนาน 2 เดือน รวมค่าเสียหายเกือบ 4,000 ล้านบาท ยิ้มยังอยู่ในวงเงินประกันภัย ซื้อเครื่องจักรใหม่ คาดเดินเครื่องผลิตได้สิงหาคมปีหน้า ปรับแผนจ้างต่างประเทศผลิตนำเข้ามาจำหน่ายแทนก่อน ยอมรับสิ้นปีโตต่ำเป้า 10%
นายแมทธิว กิจโอธาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อโรงงานโออิชิที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ซึ่งมีน้ำท่วมขังสูง จนทำให้โรงงานต้องหยุดการผลิตตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุด สถานการณ์ได้กลับสู่สภาวะปกติ น้ำที่เคยท่วมได้ลดลงจนแห้งสนิทแล้ว โออิชิจึงได้เริ่มเดินหน้าฟื้นฟูโรงงานเพื่อให้สามารถกลับมาผลิตสินค้าได้ตามปกติตามแผนที่วางไว้ สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคสินค้าของโออิชิ และเตรียมพร้อมสำหรับหน้าร้อนปีหน้า ซึ่งเป็นหน้าไฮซีซั่นของตลาดเครื่องดื่ม
จากการสำรวจความเสียหายของโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมนวนครนั้น โรงงานใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตและบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อที่ทันสมัยที่สุดจากประเทศญี่ปุ่น หรือ Cold Aseptic Filling แบบขวดใส และกล่องกระดาษยูเอชที ซึ่งเพิ่งมีการเปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้รับความเสียหายทั้ง 2 โรงงาน โดยในส่วนของโรงงาน Cold Aseptic Filling ที่ผลิตและบรรจุในขวดใส (PET)ได้รับผลกระทบบริเวณชั้นล่างซึ่งเป็นเครื่องจักรต้นกำลัง ที่ใช้ในการผลิต ลม น้ำ ไฟฟ้า และความเย็น ซึ่งจะต้องมีการนำเครื่องจักรใหม่มาแทนทั้งหมด ส่วนเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตและบรรจุชาเขียวซึ่งเป็นหัวใจในการผลิตแม้จะไม่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากตั้งอยู่บนชั้น 2 ของตัวอาคาร แต่ก็ได้รับผลกระทบ เนื่องจากไม่สามารถผลิตได้ ด้านโรงงานผลิตและบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อในกล่องกระดาษยูเอชที ได้รับความเสียหายทั้งหมด ยกเว้นส่วนของการสกัดชา ที่ตั้งอยู่ชั้นบน
ทั้งนี้บริษัทมีวงเงินประกันภัยไว้ประมาณ 4,000 กว่าล้านบาท ขณะที่มูลค่าความเสียหายโรงงานอยู่ที่ 2,800 ล้านบาท ส่วนเครื่องจักรที่สั่งเข้ามาใหม่มูลค่า 900 ล้านบาท ซึ่งยังอยู่ในวงเงินประกัน คาดว่าจะสามารถกู้โรงงานได้ถึงเดือนมีนาคมเรียบร้อย 60% และจะกู้เสร็จทั้งหมดพร้อมผลิตได้เดือนสิงหาคม 2555
สำหรับความเสียหายจากช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา ทำให้บริษัทต้องสูญเสียรายได้ไปมากกว่า 1,000 ล้านบาท คาดว่าในช่วงฟื้นฟูโรงงานนี้ กำลังผลิตชาเขียวของโออิชิจะหายไปจากท้องตลาดกว่า 60 ล้านขวดต่อเดือน เนื่องจากโรงงานที่นวนครเสียหายทั้งหมด จะมีแต่กำลังผลิตที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะที่ผลิตได้ 15 ล้านขวดต่อเดือนเท่านั้น
บริษัทจึงได้ปรับแผน ด้วยการหันมาเพิ่มกำลังผลิตชาเขียวชาคูซ่าส์จากเดิม 10 ล้านขวดต่อเดือนเป็น 30 ล้านขวดต่อเดือน นอกจากนั้นยังใช้วิธีการว่าจ้างให้โรงงานเครื่องดื่มต่างประเทศเช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ เป็นผู้ผลิตชาเขียวให้ แล้วส่งกลับเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทยชั่วคราว เพื่อไม่ให้สินค้าขาดตลาดมากไปในช่วงหน้าร้อนที่เป็นฤดูกาลขายสำคัญ แม้จะมีต้นทุนสูงขึ้นแต่ก็ไม่มีการปรับราคาขึ้น
สำหรับยอดขายรวมของบริษัท ปีนี้คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 10% จากที่ตั้งไว้ที่ 11,000 ล้านบาท เพราะผลกระทบจากน้ำท่วม
นายแมทธิว กิจโอธาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อโรงงานโออิชิที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ซึ่งมีน้ำท่วมขังสูง จนทำให้โรงงานต้องหยุดการผลิตตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุด สถานการณ์ได้กลับสู่สภาวะปกติ น้ำที่เคยท่วมได้ลดลงจนแห้งสนิทแล้ว โออิชิจึงได้เริ่มเดินหน้าฟื้นฟูโรงงานเพื่อให้สามารถกลับมาผลิตสินค้าได้ตามปกติตามแผนที่วางไว้ สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคสินค้าของโออิชิ และเตรียมพร้อมสำหรับหน้าร้อนปีหน้า ซึ่งเป็นหน้าไฮซีซั่นของตลาดเครื่องดื่ม
จากการสำรวจความเสียหายของโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมนวนครนั้น โรงงานใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตและบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อที่ทันสมัยที่สุดจากประเทศญี่ปุ่น หรือ Cold Aseptic Filling แบบขวดใส และกล่องกระดาษยูเอชที ซึ่งเพิ่งมีการเปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้รับความเสียหายทั้ง 2 โรงงาน โดยในส่วนของโรงงาน Cold Aseptic Filling ที่ผลิตและบรรจุในขวดใส (PET)ได้รับผลกระทบบริเวณชั้นล่างซึ่งเป็นเครื่องจักรต้นกำลัง ที่ใช้ในการผลิต ลม น้ำ ไฟฟ้า และความเย็น ซึ่งจะต้องมีการนำเครื่องจักรใหม่มาแทนทั้งหมด ส่วนเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตและบรรจุชาเขียวซึ่งเป็นหัวใจในการผลิตแม้จะไม่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากตั้งอยู่บนชั้น 2 ของตัวอาคาร แต่ก็ได้รับผลกระทบ เนื่องจากไม่สามารถผลิตได้ ด้านโรงงานผลิตและบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อในกล่องกระดาษยูเอชที ได้รับความเสียหายทั้งหมด ยกเว้นส่วนของการสกัดชา ที่ตั้งอยู่ชั้นบน
ทั้งนี้บริษัทมีวงเงินประกันภัยไว้ประมาณ 4,000 กว่าล้านบาท ขณะที่มูลค่าความเสียหายโรงงานอยู่ที่ 2,800 ล้านบาท ส่วนเครื่องจักรที่สั่งเข้ามาใหม่มูลค่า 900 ล้านบาท ซึ่งยังอยู่ในวงเงินประกัน คาดว่าจะสามารถกู้โรงงานได้ถึงเดือนมีนาคมเรียบร้อย 60% และจะกู้เสร็จทั้งหมดพร้อมผลิตได้เดือนสิงหาคม 2555
สำหรับความเสียหายจากช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา ทำให้บริษัทต้องสูญเสียรายได้ไปมากกว่า 1,000 ล้านบาท คาดว่าในช่วงฟื้นฟูโรงงานนี้ กำลังผลิตชาเขียวของโออิชิจะหายไปจากท้องตลาดกว่า 60 ล้านขวดต่อเดือน เนื่องจากโรงงานที่นวนครเสียหายทั้งหมด จะมีแต่กำลังผลิตที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะที่ผลิตได้ 15 ล้านขวดต่อเดือนเท่านั้น
บริษัทจึงได้ปรับแผน ด้วยการหันมาเพิ่มกำลังผลิตชาเขียวชาคูซ่าส์จากเดิม 10 ล้านขวดต่อเดือนเป็น 30 ล้านขวดต่อเดือน นอกจากนั้นยังใช้วิธีการว่าจ้างให้โรงงานเครื่องดื่มต่างประเทศเช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ เป็นผู้ผลิตชาเขียวให้ แล้วส่งกลับเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทยชั่วคราว เพื่อไม่ให้สินค้าขาดตลาดมากไปในช่วงหน้าร้อนที่เป็นฤดูกาลขายสำคัญ แม้จะมีต้นทุนสูงขึ้นแต่ก็ไม่มีการปรับราคาขึ้น
สำหรับยอดขายรวมของบริษัท ปีนี้คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 10% จากที่ตั้งไว้ที่ 11,000 ล้านบาท เพราะผลกระทบจากน้ำท่วม
