2200
ASTVผู้จัดการรายวัน – “โออิชิ” ปรับกลยุทธ์การตลาด ลดเสี่ยงภัยธรรมชาติและเหตุการณ์ไม่คาดฝันถล่มยอดขาย เลิกพึ่งพายอดขายซัมเมอร์และปลายปี หันมารุกปั้นยอดขายตลอดทั้งปี หวังดันปีนี้เติบโต 25% ชี้ตลาดรวมทะลุหมื่นล้านบาทแน่
นายอนิรุทธิ์ มหธร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ได้ปรับกลยุทธ์การทำตลาดเครื่องดื่มโออิชิใหม่ ภายใต้งบการตลาดทั้งปีที่ 10% จากยอดขายกลุ่มเครื่องดื่มเท่ากับสัดส่วนปีที่แล้ว แต่จำนวนเงินเพิ่มึ้นตามรายได้ที่ตั้งเป้าหมายปีนี้เพิ่มขึ้น 25% โดยปีนี้จะเน้นการทำตลาดและสร้างยอดขายตลอดทั้งปี เพื่อลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นทั้งจากภัยธรรมชาติ สภาพอากาศที่แปรปรวน หรือปัจจัยลบต่างๆ ที่มคาดฝัน จากเดิมที่พึ่งยอดขายหลักในช่วงซัมเมอร์และปลายปีที่เป็นหน้าขายรวมสัดส่วนยอดขายกว่า 60% เพราะบทเรียนที่ผ่านมา บางปีก็มีอากาศแปรปรวน ล่าสุดปลายปีที่แล้วน้ำท่วมหนักยอดขายหายไปมาก และนท่วมมโรงงานที่นวนครเสียหายยหนัก ด้วย
โดยจะมีการออกนวัตกรรมใหม่ตลอดเวลา รวมทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายตลอดต่อเนื่อง ซึ่งจะมีความแรงมากกว่าปีก่อน เพราะมองว่ายังคงมีผู้เล่นรายใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดเหมือนเดิม เพราะเชาเขียวเป็นตลาดที่เติบโตดี ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 20% จากปีที่แล้วมูลค่า 9,500 ล้านบาท ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเกินหลักหมื่นล้านบาทเป็นครั้งแรกแน่นอน จึงทำให้กลยุทธ์ด้านราคายังคงมีให้เห็นเพื่อการเข้าตลาด ซึ่งโออิชิเองก็มีครบทุกด้านตั้งแต่ 10 บาท 15 บาทและ 20 บาท
อย่างไรก็ตาม การมีผู้เล่นรายใหม่เข้าตลาด กับกลยยุทธ์ของรายเดิมที่จะบล็กกตลาดคู่แข่งนั้น คงไม่สามารถทำได้ง่ายๆ เพราะช่องทางร้านค้านั้นเป็นของเจ้าของร้านค้าอยุ่แล้ว ที่จะขายอะไรก็ได้ นอกเสียจากว่ามีการตกลงแบบเอ็กซ์คลูซีฟคือขายแบรนด์อะไร ห้ามขายคู่แข่งเท่านั้น โดยโออิชิมีการมอบหมายให้เสริมสุขจัดจำหน่ายซึ่งมีความเข้มแข็งด้านตู้แช่ ร้านอาหาร เอเย่นต์ อีกทั้งเมื่อเราออกกระป๋องมาก็ยิ่งทำให้เข้าถึงตลาดได้ดีด้วย ส่วนไทยเบฟก็ดูแลทางด้านเอเย่นต์ รถขาย ร้านค้าปลีก ซึ่งมีบาวงส่วนทับซ้อนกันบ้างไม่มากนัก
สำหรับปัญหาด้านการผลิตนั้น ต้องจ้างให้บริษัทในประเทศฮ่องกง ผลิตสินค้าในกลุ่มยูเอชทีให้ และบรรจุภัณฑ์แบบกระป๋อง ก็เป็นอีกหนึ่งบรรจุภัณฑ์ที่บริษัทนำเข้ามาทดแทนกลุ่มสินค้าแบบขวดPET และแบบกล่อง UHT ที่ผลิตได้ลดลง และล่าสุดได้ทำการเปิดตัวชาเขียวในรูปแบบกระป๋อง หรือ แคน จำนวน 4 รสชาติ คือ รสน้ำผึ้งผสมมะนาว รสข้าวญี่ปุ่น ต้นตำรับ และโออิชิ คิคุชะ ชาเขียวญี่ปุ่นผสมเก๊กฮวยธรรมชาติกับความเย็น เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ โดยให้ทางบริษัทในเครือไทยเบฟขึ้นไลน์ผลิตกระป๋องให้ ซึ่งคาดว่าโรงงานที่นวนครจะกลับมาผลิตได้100% ในเดือนเมษายนนี้
ASTVผู้จัดการรายวัน – “โออิชิ” ปรับกลยุทธ์การตลาด ลดเสี่ยงภัยธรรมชาติและเหตุการณ์ไม่คาดฝันถล่มยอดขาย เลิกพึ่งพายอดขายซัมเมอร์และปลายปี หันมารุกปั้นยอดขายตลอดทั้งปี หวังดันปีนี้เติบโต 25% ชี้ตลาดรวมทะลุหมื่นล้านบาทแน่
นายอนิรุทธิ์ มหธร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ได้ปรับกลยุทธ์การทำตลาดเครื่องดื่มโออิชิใหม่ ภายใต้งบการตลาดทั้งปีที่ 10% จากยอดขายกลุ่มเครื่องดื่มเท่ากับสัดส่วนปีที่แล้ว แต่จำนวนเงินเพิ่มึ้นตามรายได้ที่ตั้งเป้าหมายปีนี้เพิ่มขึ้น 25% โดยปีนี้จะเน้นการทำตลาดและสร้างยอดขายตลอดทั้งปี เพื่อลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นทั้งจากภัยธรรมชาติ สภาพอากาศที่แปรปรวน หรือปัจจัยลบต่างๆ ที่มคาดฝัน จากเดิมที่พึ่งยอดขายหลักในช่วงซัมเมอร์และปลายปีที่เป็นหน้าขายรวมสัดส่วนยอดขายกว่า 60% เพราะบทเรียนที่ผ่านมา บางปีก็มีอากาศแปรปรวน ล่าสุดปลายปีที่แล้วน้ำท่วมหนักยอดขายหายไปมาก และนท่วมมโรงงานที่นวนครเสียหายยหนัก ด้วย
โดยจะมีการออกนวัตกรรมใหม่ตลอดเวลา รวมทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายตลอดต่อเนื่อง ซึ่งจะมีความแรงมากกว่าปีก่อน เพราะมองว่ายังคงมีผู้เล่นรายใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดเหมือนเดิม เพราะเชาเขียวเป็นตลาดที่เติบโตดี ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 20% จากปีที่แล้วมูลค่า 9,500 ล้านบาท ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเกินหลักหมื่นล้านบาทเป็นครั้งแรกแน่นอน จึงทำให้กลยุทธ์ด้านราคายังคงมีให้เห็นเพื่อการเข้าตลาด ซึ่งโออิชิเองก็มีครบทุกด้านตั้งแต่ 10 บาท 15 บาทและ 20 บาท
อย่างไรก็ตาม การมีผู้เล่นรายใหม่เข้าตลาด กับกลยยุทธ์ของรายเดิมที่จะบล็กกตลาดคู่แข่งนั้น คงไม่สามารถทำได้ง่ายๆ เพราะช่องทางร้านค้านั้นเป็นของเจ้าของร้านค้าอยุ่แล้ว ที่จะขายอะไรก็ได้ นอกเสียจากว่ามีการตกลงแบบเอ็กซ์คลูซีฟคือขายแบรนด์อะไร ห้ามขายคู่แข่งเท่านั้น โดยโออิชิมีการมอบหมายให้เสริมสุขจัดจำหน่ายซึ่งมีความเข้มแข็งด้านตู้แช่ ร้านอาหาร เอเย่นต์ อีกทั้งเมื่อเราออกกระป๋องมาก็ยิ่งทำให้เข้าถึงตลาดได้ดีด้วย ส่วนไทยเบฟก็ดูแลทางด้านเอเย่นต์ รถขาย ร้านค้าปลีก ซึ่งมีบาวงส่วนทับซ้อนกันบ้างไม่มากนัก
สำหรับปัญหาด้านการผลิตนั้น ต้องจ้างให้บริษัทในประเทศฮ่องกง ผลิตสินค้าในกลุ่มยูเอชทีให้ และบรรจุภัณฑ์แบบกระป๋อง ก็เป็นอีกหนึ่งบรรจุภัณฑ์ที่บริษัทนำเข้ามาทดแทนกลุ่มสินค้าแบบขวดPET และแบบกล่อง UHT ที่ผลิตได้ลดลง และล่าสุดได้ทำการเปิดตัวชาเขียวในรูปแบบกระป๋อง หรือ แคน จำนวน 4 รสชาติ คือ รสน้ำผึ้งผสมมะนาว รสข้าวญี่ปุ่น ต้นตำรับ และโออิชิ คิคุชะ ชาเขียวญี่ปุ่นผสมเก๊กฮวยธรรมชาติกับความเย็น เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ โดยให้ทางบริษัทในเครือไทยเบฟขึ้นไลน์ผลิตกระป๋องให้ ซึ่งคาดว่าโรงงานที่นวนครจะกลับมาผลิตได้100% ในเดือนเมษายนนี้
