ASTVผู้จัดการรายวัน – เมเจอร์หวังสร้าง Movie Culture บูมหนังไทยดึงคนไทยดูหนังมากขึ้น ล่าสุดร่วมทุน “ทาเลนต์ วัน” ทำค่ายหนังป้อนปีละ 2-4 เรื่อง พร้อมต่อยอดธุรกิจในเครือเมเจอร์ มั่นใจรายได้ปีแรก 130 ล้านบาท กำไร 10-15%
นางสาวลัดดาวัลย์ รัตนดิลกชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาเลนต์ วัน จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่คร่ำหวอดอยู่ในธุรกิจบันเทิงมากกว่า 20 ปี กับการทำงานในเครือจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ล่าสุดในเดือนเม.ย.ปีก่อน จึงได้ตัดสินใจออกมาธุรกิจไลฟ์สไตล์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เอเจนซี่ ของตัวเอง โดยการก่อตั้ง ทาเลนต์ วัน ขึ้นมา ตั้งแต่เดือนพ.ค. ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท มีลูกค้า
คือ
ยูนิลีเวอร์ และซัมซุง หลังจากนั้นในช่วงปลายปี ได้มีการพูดคุยกับทางนายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซ๊นีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) จึงได้เกิดแนวความคิดในการร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กัน
จึงส่งผลให้เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2554 ที่ผ่านมา ทางเมเจอร์ กรุ้ป ได้เข้ามาถือหุ้นในทาเลนต์ วัน 80% อีก 20% เป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นรายเดิม พร้อมเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 40 ล้านบาท โดยมีการปรับโครงสร้างการทำงานและโพซิชั่นนิ่งของบริษัทใหม่ ให้กลายเป็นบริษัทสร้างภาพยนตร์ และผันส่วนเอเจนซี่มารองรับธุรกิจในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เป็นหลัก
“สาเหตุหลักที่ทางเมเจอร์ ตัดสินใจเข้ามาร่วมทุนครั้งนี้ เพื่อต้องการสร้าง Movie Culture หรือ ต้องการกระตุ้นให้คนไทยหันมานิยมชมภาพยนตร์มากขึ้น โดยเฉพาะภาพยนตร์ไทย ต้องการให้เกิดการเติบโตมากยิ่งขึ้นไปอีก หลังจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กระแสภาพยนตร์ไทยได้รับการตอบรับที่ดีจากคนไทยต่อเนื่อง เห็นได้จากมีภาพยนตร์ไทยที่สามารถทำรายได้ถึง 100
ล้านบาทหลายเรื่องในแต่ละปี”
สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ เตรียมงบลงทุนรวมไว้กว่า 120 ล้านบาท เป็นในส่วนการผลิตภาพยนตร์ 100 ล้านบาท 2. เอเจนซี่ 20 ล้านบาท โดยในส่วนของการผลิตภาพยนตร์นั้น ปีนี้เตรียมสร้างภาพยนตร์ไทย 1-2 เรื่อง และในปีหน้าอีก 3-4 เรื่อง โดยรูปแบบที่จะนำเสนอ มีอยู่ 3 แนวทาง คือ 1.โรแมนติก 2. ทริลเลอร์ และ3.ดราม่า เชื่อว่าภายในปลายปีนี้จะสามารถเข้าฉายได้อย่างน้อย 1 เรื่อง
ขณะที่ปีหน้าจะสร้างหนังที่ 3-4 เรื่อง
ส่วนงานเอเจนซี่นั้น หลักๆจะสนับสนุนการทำ CRM มาร์เก็ตติ้ง จัดกิจกรรมเพื่อสมาชิกเอ็มการ์ดที่มีการ 1.2 ล้านคน รวมถึงดูแลลูกค้าที่เข้ามาใช้พื้นที่ในเครือเมเจอร์ โดยดูแลในส่วนเอเจนซี่จัดงานให้ นอกจากนี้ยังดูแลในส่วนสิ่งพิมพ์ คือ นิตยสาร “ Fast Entertainment” เป็นนิตยสารในรูปแบบของ ไลฟ์สไตล์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ชูไลฟส์ไตล์จากภาพยนตร์ ดารา มานำเสนอในเล่มเป็นหลัก
เป็นนิตยสารรายเดือน ที่มีการการันตรีว่ามียอดพิมพ์สูงสุดในกลุ่มนิตยสารบังเทิง ที่ 3.5 แสนเล่มต่อเดือน เริ่มฉบับแรกในเดือนมี.ค.นี้ โดยกว่า 1.4 แสนเล่ม จะส่งให้กับสมาชิกเอ็มการ์ด และอีก 5 หมื่นเล่ม จะวางจำหน่ายตามแผงหนังสือทั่วไป ราคาจำหน่ายเล่มละ 60 บาท และอีก 1.6 แสนเล่ม จะเป็นฟรีก็อปปี้ ที่วางอยู่ในโรงหนังเมเจอร์ทั้ง 26 สาขาทั่วประเทศ ร้านกาแฟในกทม. อีก 300 แห่ง
นางสาวลัดดาวัลย์ กล่าวว่า สำหรับปีแรกนี้ มั่นใจว่า บริษัทจะมีรายได้ที่ 130 ล้านบาท มาจากภาพยนตร์ 90 ล้านบาท และเอเจนซี่ 40 ล้านบาท ขณะที่กำไรน่าจะทำได้ที่ 10-15% เทียบกับรายได้ที่วางไว้ ส่วนปีต่อไป มั่นใจว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้น 2 เท่า ส่วนสำคัญมาจากการสร้างภาพยนตร์ที่มากกว่าปีแรกเท่าตัว หรือปีต่อไป น่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 220 ล้านบาท มาจากภาพยนตร์ 180 ล้านบาท
และเอเจนซี่ 40 ล้านบาท
นางสาวลัดดาวัลย์ รัตนดิลกชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาเลนต์ วัน จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่คร่ำหวอดอยู่ในธุรกิจบันเทิงมากกว่า 20 ปี กับการทำงานในเครือจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ล่าสุดในเดือนเม.ย.ปีก่อน จึงได้ตัดสินใจออกมาธุรกิจไลฟ์สไตล์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เอเจนซี่ ของตัวเอง โดยการก่อตั้ง ทาเลนต์ วัน ขึ้นมา ตั้งแต่เดือนพ.ค. ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท มีลูกค้า
คือ
ยูนิลีเวอร์ และซัมซุง หลังจากนั้นในช่วงปลายปี ได้มีการพูดคุยกับทางนายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซ๊นีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) จึงได้เกิดแนวความคิดในการร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กัน
จึงส่งผลให้เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2554 ที่ผ่านมา ทางเมเจอร์ กรุ้ป ได้เข้ามาถือหุ้นในทาเลนต์ วัน 80% อีก 20% เป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นรายเดิม พร้อมเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 40 ล้านบาท โดยมีการปรับโครงสร้างการทำงานและโพซิชั่นนิ่งของบริษัทใหม่ ให้กลายเป็นบริษัทสร้างภาพยนตร์ และผันส่วนเอเจนซี่มารองรับธุรกิจในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เป็นหลัก
“สาเหตุหลักที่ทางเมเจอร์ ตัดสินใจเข้ามาร่วมทุนครั้งนี้ เพื่อต้องการสร้าง Movie Culture หรือ ต้องการกระตุ้นให้คนไทยหันมานิยมชมภาพยนตร์มากขึ้น โดยเฉพาะภาพยนตร์ไทย ต้องการให้เกิดการเติบโตมากยิ่งขึ้นไปอีก หลังจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กระแสภาพยนตร์ไทยได้รับการตอบรับที่ดีจากคนไทยต่อเนื่อง เห็นได้จากมีภาพยนตร์ไทยที่สามารถทำรายได้ถึง 100
ล้านบาทหลายเรื่องในแต่ละปี”
สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ เตรียมงบลงทุนรวมไว้กว่า 120 ล้านบาท เป็นในส่วนการผลิตภาพยนตร์ 100 ล้านบาท 2. เอเจนซี่ 20 ล้านบาท โดยในส่วนของการผลิตภาพยนตร์นั้น ปีนี้เตรียมสร้างภาพยนตร์ไทย 1-2 เรื่อง และในปีหน้าอีก 3-4 เรื่อง โดยรูปแบบที่จะนำเสนอ มีอยู่ 3 แนวทาง คือ 1.โรแมนติก 2. ทริลเลอร์ และ3.ดราม่า เชื่อว่าภายในปลายปีนี้จะสามารถเข้าฉายได้อย่างน้อย 1 เรื่อง
ขณะที่ปีหน้าจะสร้างหนังที่ 3-4 เรื่อง
ส่วนงานเอเจนซี่นั้น หลักๆจะสนับสนุนการทำ CRM มาร์เก็ตติ้ง จัดกิจกรรมเพื่อสมาชิกเอ็มการ์ดที่มีการ 1.2 ล้านคน รวมถึงดูแลลูกค้าที่เข้ามาใช้พื้นที่ในเครือเมเจอร์ โดยดูแลในส่วนเอเจนซี่จัดงานให้ นอกจากนี้ยังดูแลในส่วนสิ่งพิมพ์ คือ นิตยสาร “ Fast Entertainment” เป็นนิตยสารในรูปแบบของ ไลฟ์สไตล์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ชูไลฟส์ไตล์จากภาพยนตร์ ดารา มานำเสนอในเล่มเป็นหลัก
เป็นนิตยสารรายเดือน ที่มีการการันตรีว่ามียอดพิมพ์สูงสุดในกลุ่มนิตยสารบังเทิง ที่ 3.5 แสนเล่มต่อเดือน เริ่มฉบับแรกในเดือนมี.ค.นี้ โดยกว่า 1.4 แสนเล่ม จะส่งให้กับสมาชิกเอ็มการ์ด และอีก 5 หมื่นเล่ม จะวางจำหน่ายตามแผงหนังสือทั่วไป ราคาจำหน่ายเล่มละ 60 บาท และอีก 1.6 แสนเล่ม จะเป็นฟรีก็อปปี้ ที่วางอยู่ในโรงหนังเมเจอร์ทั้ง 26 สาขาทั่วประเทศ ร้านกาแฟในกทม. อีก 300 แห่ง
นางสาวลัดดาวัลย์ กล่าวว่า สำหรับปีแรกนี้ มั่นใจว่า บริษัทจะมีรายได้ที่ 130 ล้านบาท มาจากภาพยนตร์ 90 ล้านบาท และเอเจนซี่ 40 ล้านบาท ขณะที่กำไรน่าจะทำได้ที่ 10-15% เทียบกับรายได้ที่วางไว้ ส่วนปีต่อไป มั่นใจว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้น 2 เท่า ส่วนสำคัญมาจากการสร้างภาพยนตร์ที่มากกว่าปีแรกเท่าตัว หรือปีต่อไป น่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 220 ล้านบาท มาจากภาพยนตร์ 180 ล้านบาท
และเอเจนซี่ 40 ล้านบาท