"รัฐบาลปู" ปรับฮวงจุ้ยทำเนียบฯ ครั้งใหญ่ รื้อศาลพระภูมิ-ปรับองศาปืนใหญ่ ยิงออกนอกประตู อ้างทำตามหลักยุทธวิธี
พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รักษาการเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับภูมิทัศน์ภายในทำเนียบรัฐบาล ว่า ตนได้กราบเรียนกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แล้ว ซึ่งนายกฯ ก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นที่สนับสนุน หรือคัดค้าน แต่นายกฯ ก็ได้มอบหมายความรับผิดชอบให้ตนเป็นผู้ตัดสินใจ
ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ ตนได้หารือกับข้าราชการการเมือง และข้าราชการทำเนียบรัฐบาลแล้ว ว่าจะมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในทำเนียบรัฐบาลให้เหมาะสม ซึ่งทุกฝ่ายก็เห็นพ้องร่วมกัน ตนจึงดำเนินการทันที ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะคิดว่าตนเป็นพ่อบ้าน มีหน้าที่ดูแลบ้านให้ดี สำหรับงบประมาณในการปรับปรุงครั้งนี้ ยังไม่ได้เจาะจงเป็นตัวเลขที่ชัดเจน ซึ่งขณะนี้ทางข้าราชการประจำ เป็นผู้ดำเนินการอยู่
พล.ต.ต.ธวัช กล่าวต่อว่า ในฐานนะที่ตนเป็นพ่อบ้าน ก็มีความคิดว่าจะทำอย่างไรก็ได้ให้บ้านนั้นดูดี ขณะนี้สิ่งแรกที่จะดำเนินการคือ การย้ายศาลพระภูมิประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อความเหมาะสม จากบริเวณด้านหลังตึกสันติไมตรี ฝั่งตรงข้ามสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) มาอยู่บริเวณสนามหญ้า หน้าห้องทำงานผู้สื่อข่าว ซึ่งอยู่ตรงทางเชื่อมระหว่างตึกไทยคู่ฟ้า ที่จะเดินมายัง ตึกบัญชาการ 1
ทั้งนี้การย้ายศาลพระภูมิ จะให้พราหมณ์ในโบสถ์พราหมณ์ มาทำพิธี ขณะนี้ยังไม่ได้มีการระบุว่าจะเป็นใคร อย่างไรก็ตาม การตั้งศาลพระภูมิครั้งนี้ จะให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 17 มี.ค.นี้
พล.ต.ต.ธวัช กล่าวว่า การย้ายศาลพระภูมิครั้งนี้ ก็เพื่อความเหมาะสม และไม่ได้ทำตามหลักฮวงจุ้ยแต่ประการใด เนื่องจากที่ผ่านมาทุกครั้งที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมมายังบริเวณศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ประตู 4 ซึ่งอยู่ติดกับศาลพระภูมิ หากมีการกว้างปาสิ่งของเข้ามาในทำเนียบฯ ก็จะถูกศาลพระภูมิ ก็ถือว่าไม่เหมาะสม อีกทั้งบริเวณด้านหลังศาลพระภูมิ จะมีตู้วงจรไฟฟ้าขนาดใหญ่ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอันตรายหากไฟฟ้าลัดวงจร และอาจเกิดไฟลุกไหม้ได้ เมื่อย้ายศาลพระภูมิมาอยู่ในบริเวณดังกล่าวแล้ว จะทำให้ข้าราชการ และประชาชนที่เดินทางเข้ามาในทำเนียบฯ สามารถเข้ามากราบไหว้ได้ เพราะเป็นจุดที่ทุกคนจะต้องเดินผ่าน
นอกจากนี้ จะมีการปรับย้ายต้นไม้ เช่น ต้นปาล์มหมี ไปอยู่บริเวณสนามหญ้าข้างตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อความเหมาะสมสวยงาม และจะมีการซ่อมแซมบริเวณทางเดินหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ที่ชำรุดแตกหัก พร้อมกับลงต้นไม้ในกระถางไว้บริเวณดังกล่าว คือต้นชาฮกเกี้ยน ซึ่งเป็นต้นไม้ประเภทชาดัดใบ โดยคิดว่าจะดัดเป็นรูปช้าง เพราะเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง
ส่วนด้านหน้าสนามหญ้า ตึกไทยคู่ฟ้า จะมีการปรับองศาของปืนใหญ่ เพราะมีปืนอยู่ 2 กระบอก ทางด้านข้างที่จะหันหน้ายิงเข้ามาในบ้านของตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นหลักความคิดตามหลักยุทธวิธี จะต้องยิงออกนอกบ้าน นอกจากนี้จะมีการซ่อมบำรุงเรือนแถวที่พักของตำรวจทำเนียบฯที่ค่อนข้างทรุดโทรม และจะมีการบำรุงซ่อมแซมป้อมยาม ที่อยู่บริเวณประตู 1 เป็นลักษณะน็อกดาวน์ เรือนไม้ และจะมีการติดแอร์ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเนียบฯ ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้การปรับย้ายศาลพระภูมิ เจ้าหน้าที่ได้เริ่มดำเนินการ ตอกเสาเข็มบริเวณที่จะตั้งใหม่แล้ว
พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รักษาการเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับภูมิทัศน์ภายในทำเนียบรัฐบาล ว่า ตนได้กราบเรียนกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แล้ว ซึ่งนายกฯ ก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นที่สนับสนุน หรือคัดค้าน แต่นายกฯ ก็ได้มอบหมายความรับผิดชอบให้ตนเป็นผู้ตัดสินใจ
ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ ตนได้หารือกับข้าราชการการเมือง และข้าราชการทำเนียบรัฐบาลแล้ว ว่าจะมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในทำเนียบรัฐบาลให้เหมาะสม ซึ่งทุกฝ่ายก็เห็นพ้องร่วมกัน ตนจึงดำเนินการทันที ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะคิดว่าตนเป็นพ่อบ้าน มีหน้าที่ดูแลบ้านให้ดี สำหรับงบประมาณในการปรับปรุงครั้งนี้ ยังไม่ได้เจาะจงเป็นตัวเลขที่ชัดเจน ซึ่งขณะนี้ทางข้าราชการประจำ เป็นผู้ดำเนินการอยู่
พล.ต.ต.ธวัช กล่าวต่อว่า ในฐานนะที่ตนเป็นพ่อบ้าน ก็มีความคิดว่าจะทำอย่างไรก็ได้ให้บ้านนั้นดูดี ขณะนี้สิ่งแรกที่จะดำเนินการคือ การย้ายศาลพระภูมิประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อความเหมาะสม จากบริเวณด้านหลังตึกสันติไมตรี ฝั่งตรงข้ามสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) มาอยู่บริเวณสนามหญ้า หน้าห้องทำงานผู้สื่อข่าว ซึ่งอยู่ตรงทางเชื่อมระหว่างตึกไทยคู่ฟ้า ที่จะเดินมายัง ตึกบัญชาการ 1
ทั้งนี้การย้ายศาลพระภูมิ จะให้พราหมณ์ในโบสถ์พราหมณ์ มาทำพิธี ขณะนี้ยังไม่ได้มีการระบุว่าจะเป็นใคร อย่างไรก็ตาม การตั้งศาลพระภูมิครั้งนี้ จะให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 17 มี.ค.นี้
พล.ต.ต.ธวัช กล่าวว่า การย้ายศาลพระภูมิครั้งนี้ ก็เพื่อความเหมาะสม และไม่ได้ทำตามหลักฮวงจุ้ยแต่ประการใด เนื่องจากที่ผ่านมาทุกครั้งที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมมายังบริเวณศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ประตู 4 ซึ่งอยู่ติดกับศาลพระภูมิ หากมีการกว้างปาสิ่งของเข้ามาในทำเนียบฯ ก็จะถูกศาลพระภูมิ ก็ถือว่าไม่เหมาะสม อีกทั้งบริเวณด้านหลังศาลพระภูมิ จะมีตู้วงจรไฟฟ้าขนาดใหญ่ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอันตรายหากไฟฟ้าลัดวงจร และอาจเกิดไฟลุกไหม้ได้ เมื่อย้ายศาลพระภูมิมาอยู่ในบริเวณดังกล่าวแล้ว จะทำให้ข้าราชการ และประชาชนที่เดินทางเข้ามาในทำเนียบฯ สามารถเข้ามากราบไหว้ได้ เพราะเป็นจุดที่ทุกคนจะต้องเดินผ่าน
นอกจากนี้ จะมีการปรับย้ายต้นไม้ เช่น ต้นปาล์มหมี ไปอยู่บริเวณสนามหญ้าข้างตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อความเหมาะสมสวยงาม และจะมีการซ่อมแซมบริเวณทางเดินหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ที่ชำรุดแตกหัก พร้อมกับลงต้นไม้ในกระถางไว้บริเวณดังกล่าว คือต้นชาฮกเกี้ยน ซึ่งเป็นต้นไม้ประเภทชาดัดใบ โดยคิดว่าจะดัดเป็นรูปช้าง เพราะเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง
ส่วนด้านหน้าสนามหญ้า ตึกไทยคู่ฟ้า จะมีการปรับองศาของปืนใหญ่ เพราะมีปืนอยู่ 2 กระบอก ทางด้านข้างที่จะหันหน้ายิงเข้ามาในบ้านของตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นหลักความคิดตามหลักยุทธวิธี จะต้องยิงออกนอกบ้าน นอกจากนี้จะมีการซ่อมบำรุงเรือนแถวที่พักของตำรวจทำเนียบฯที่ค่อนข้างทรุดโทรม และจะมีการบำรุงซ่อมแซมป้อมยาม ที่อยู่บริเวณประตู 1 เป็นลักษณะน็อกดาวน์ เรือนไม้ และจะมีการติดแอร์ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเนียบฯ ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้การปรับย้ายศาลพระภูมิ เจ้าหน้าที่ได้เริ่มดำเนินการ ตอกเสาเข็มบริเวณที่จะตั้งใหม่แล้ว