xs
xsm
sm
md
lg

เผยความจัญไรของลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ

เผยแพร่:   โดย: ดร.ป. เพชรอริยะ

ลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ เจ้าของลัทธิคือคณะราษฎร (ทั้งสามฝ่ายคือ (1) ฝ่ายกองทัพเริ่มแรกคือพระยาพหลพลพยุหเสนา (2) ฝ่ายปรีดี พนมยงค์ (3) ฝ่ายนายควงอภัยวงศ์) และฝ่ายที่สืบทอดในขณะปัจจุบัน ลัทธิรัฐธรรมนูญนี้มีความเชื่อว่ารัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย ถือตัวกฎหมายเป็นใหญ่ หรือเป็นลัทธิการปกครอง คือใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นตัวหลัก ถือกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นใหญ่ ในการปกครอง

แต่โดยปกติหรือโดยความถูกต้องกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นผลของระบอบฯหรือเป็นผลของหลักการปกครองฯ “หลักการปกครองฯ เป็นไรระบอบฯ ก็เป็นเช่นนั้น” กฎหมายรัฐธรรมนูญเปรียบได้ดังกระจกส่องหน้า รูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไร รูปที่ปรากฏในกระจกก็มีลักษณะเช่นนั้น เป็นอื่นไปไม่ได้

เมื่อผู้ปกครองรุ่นแรกจนถึงปัจจุบันมีความเห็นผิดอย่างร้ายแรง “ร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย” มันจึงเป็นไปไม่ได้ จะร่างสักร้อยครั้ง พันฉบับ มันก็เป็นประชาธิปไตยไม่ได้ ก็เพราะสภาพที่แท้จริง (Being) ของประเทศไทยเป็นเผด็จการจะร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญสักกี่ฉบับๆ กฎหมายรัฐธรรมนูญมันก็สะท้อนความเป็นจริงที่ดำรงอยู่จริงๆ คือเผด็จการเช่นเดิมนั่นเอง

ที่เรียกว่าเป็นเผด็จการ ก็เพราะลัทธินี้เอาผลมาเป็นเหตุ หากเรารู้เรื่องการเมืองการปกครอง นั่นคือ การเมืองก็คือหลักการปกครองฯ หรือระบอบฯ การปกครองก็คือกฎหมายรัฐธรรมนูญ

หลักการปกครองเป็นธรรม ระบอบก็ย่อมเป็นธรรม รัฐธรรมนูญก็สะท้อนความเป็นธรรม การปกครองก็เป็นธรรม รัฐบาลบริหารประเทศก็น่าเชื่อถือน่าชื่นชมประชาชนได้ประโยชน์ก็เป็นสุข อันเป็นสัมพันธภาพระหว่างเหตุกับผลที่ถูกต้อง

ลัทธิรัฐธรรมนูญเป็นเผด็จการนี้ สมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงเรียกว่า “เป็นเผด็จการอ้อมๆ ไม่ใช่ Democracy จริงๆ เลย”

ลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ ดุจดังสุนัขจิ้งจอกภายใต้เสื้อคลุมประชาธิปไตย ประเทศไทยเรายังน้อยคนนักที่จะรู้เท่าทัน

ลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญนี้โฆษณาชวนเชื่อให้ผู้คนเข้าใจว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย “โจรจะไม่บอกหรอกว่าตนเองเป็นโจร” โจรก็ต้องพูด แสดงให้คนอื่นเห็นว่าตนเป็นสัตบุรุษแท้จริงแล้วพวกเขาเป็นอสัตบุรุษ คือความเป็นจริง

ลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ ที่เป็นเผด็จการเพราะจัดความสัมพันธ์ผิดจากคลองธรรม คือมีเพียงสัมพันธภาพเดียว คือ “กฎหมายรัฐธรรมนูญกับประชาชน” จึงเป็นลัทธิการปกครองที่ไม่มีการเมืองของปวงชน มีแต่การเมืองของพวกนักการเมืองเท่านั้น

ส่วนสัมพันธภาพหลักระหว่างหลักการปกครองกับปวงชนหรือระบอบฯ กับปวงชน นั้นไม่มี ก็แสดงให้เห็นว่าการปกครองนี้มันหลอกลวงประชาชนให้รับใช้ กลายเป็นทาสทางการเมือง แต่ชาวพันธมิตรฯ และชาวโหวตโน มองเห็นประเด็นนี้จึงไม่ยอมเป็นทาสทางการเมืองให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ว่าฝ่ายพรรคเพื่อไทยหรือฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์

สัมพันธภาพของระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญจึงเป็นสัมพันธภาพที่ขาดแหว่ง เลอะเทอะ ให้ประโยชน์เฉพาะนักการเมืองเพียงหยิบมือเดียว จึงเป็นเหตุแห่งคอร์รัปชัน ปล้น แย่งชิงทรัพย์สมบัติแห่งชาติไปเป็นของตนและพวกพ้องแต่ละปีหลายแสนล้าน “กู้แล้วปล้น แย่งชิงไป” คนไทยก็รับเคราะห์ตกเป็นหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นๆ “ยิ่งปกครองยิ่งเป็นหนี้ ยิ่งปกครองยิ่งจน”

แนวทางการแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ ไม่ใช่ไปร่างรัฐธรรมนูญ การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทย จึงเป็นกระบวนการที่เห็นผิดอย่างร้ายแรง จึงมีแต่เสี่ยงภัย เสียเวลา ประชาชนไม่ได้อะไร และถูกผลักดันให้เห็นผิดตามเพื่อให้เป็นทาสทางการเมืองต่อไป

แนวทางแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ เลิกทาส (ปลดแอก) ทางการเมืองของปวงชน ด้วยปัญญาอันยิ่งใหญ่ ถูกต้องโดยธรรม เป็นการเมืองของปวงชน เพื่อปวงชน โดยปวงชนอย่างแท้จริง ปวงชนมีการเมืองเป็นของปวงชน คือหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 กล่าวโดยย่อคือ (1) หลักธรรมาธิปไตย (2) หลักพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ (3) หลักอำนาจอธิปไตยของปวงชน (4) หลักเสรีภาพบริบูรณ์ (5) หลักความเสมอภาคทางโอกาส (6) หลักภราดรภาพ (7) หลักดุลยภาพ (8) หลักเอกภาพ (9) หลักนิติธรรม (เป็นทั้งหลักการปกครอง เป็นระบอบ เป็นกฎหมายสูงสุด เป็นหลักนิติธรรม ฯลฯ) ดังสัมพันธภาพ ดังนี้


หากแกนนำฝ่ายต่างๆ เราช่วยกันทำความเข้าใจ เกิดปัญญาอันยิ่งใหญ่ที่จะมอบให้กับชาติ ในขณะเดียวกันเราจะเห็นว่า ขบวนการลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญโดยทักษิณ พรรคเพื่อไทย แกนนำเสื้อแดง ฯลฯ เป็นพวกที่เห็นผิด ทำผิด ครอบงำประชาชนเพื่อจะเป็นประโยชน์แก่ตนและพวกพ้องเท่านั้น พร้อมทั้งครอบงำประชาชนให้เป็นทาสทางการเมืองต่อไป หากพวกเราจะรุกกลับทางการเมือง พวกเราต้องสู้ด้วยแนวทางการเมืองที่เป็นธรรมและเหนือกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น