ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ในการตอบโต้ระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองที่เฉลิมเคยสังกัด...ทำให้รู้ว่า เฉลิม เจ็บแค้นกับพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด
กลายเป็น “ปมด้อย” ในใจของเฉลิม
แม้ว่า การตอบโต้เหล่านั้น จะเป็นเรื่องรัฐธรรมนูญก็ตาม
“ในร่าง ยังกำหนดหลักประกันไว้ในมาตรา 291/11 ว่า หากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญขัดต่อระบอบประชาธิปไตย ให้รัฐสภามีอำนาจให้ร่างนั้นตกไปได้ แต่ที่ผ่านมามีพรรคการเมืองอุบาทว์พรรคหนึ่ง คอยขัดขวางกระบวนการตลอด ย้อนไปเมื่อครั้งการร่างรัฐธรรมนูญ 2540 ก็มีพรรคการเมืองอุบาทว์ ขัดขวาง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่ให้ลงสมัคร ส.ส.ร.ที่เชียงใหม่ เพื่อไม่ให้เข้ามามีส่วนร่างรัฐธรมนูญ 2540 ในการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย หาเสียงด้วยความยากลำบาก แต่ก็ยังชนะมาได้" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ทำให้ นายฮอชาลี ม่าเหร็ม ส.ส.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ ประท้วงให้ถอนคำพูด และย้อนกลับว่า " การใช้คำว่า อุบาทว์กลางสภา ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เยาวชน ขอให้ถอนคำพูด เพราะมาจากมันสมองที่อุบาทว์" สุดท้าย ร.ต.อ.เฉลิม จึงยอมถอนคำพูด
สุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ใช้สิทธิพาดพิง อภิปรายว่า “ ร.ต.อ.เฉลิม แม้ปรับรูปแบบพูดจาให้นุ่มนวลขึ้น แต่ไม่ทิ้งนิสัยถาวรเดิม พูดพาดพิง ปชป. ตนในฐานะที่เป็นรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ขอชี้แจงว่า การที่บอกว่ามีพรรคการเมืองอุบาทว์ ขัดขวาง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ให้เป็น ส.ส.ร. ปี 2540 ไม่ทราบว่าพรรคการเมืองดังกล่าวนั้นเป็นพรรคที่ร.ต.อ.เฉลิม สังกัดอยู่ในตอนนั้นหรือไม่”
นั่นคือ ตัวอย่างการตอบโต้บางตอน ระหว่างนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ และเฉลิม ด้านหนึ่งก็เสมือนเป็นละครการเมือง
เพราะใครๆ ก็รู้ว่า เฉลิม แพ้ทางสุเทพ มาตลอด
แต่อีกด้านหนึ่ง ก็แสดงถึง “จุดแข็ง” ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีความเป็นเนื้อเดียวกันในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์
ใครว่ากล่าวพรรค คนในพรรคยินดียืดอกเข้าต่อกรทันที ไม่ว่าพรรคจะผิดหรือถูกก็ตาม
ล่าสุด การประชุมเชิงปฏิบัติการ โครงการยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาศัยกภาพสาขาพรรค ที่ อ.หาดใหญ่ จ. สงขลา
ประชาธิปัตย์ ผลักดันยุทธศาสตร์ทางการเมือง ภายใต้ชื่อ “ปฏิญญาหาดใหญ่ 2555” เพื่อสร้างพันธกิจ และเป้าหมายร่วมกัน
ถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า ที่ประชุมมีมติร่วมกันให้มีผลผูกพันอย่างแน่นแฟ้นสูงสุด ระหว่างสมาชิกพรรค ผู้บริหารพรรค และกรรมการสาขาพรรคว่าเราจะร่วมกันดำเนินการดังนี้
1. ปกป้องและรักษาเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบัน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
2. คัดค้านการก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 เพื่อประโยชน์และช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้พ้นผิดจาก 4 คดี ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคำพิพากษาจำคุก ในคดีที่ดินรัชดาภิเษก
3. คัดค้านการแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
4. ต่อต้านการจัดตั้งหมู่บ้านสีแดง เพื่อลดความขัดแย้งแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และความแตกแยกของประชาชน
5. ขจัดการโฆษณาชวนเชื่อ ที่ทำให้หลงผิดคิดคดทรยศต่อแผ่นดิน บิดเบือนความจริงที่ดำรงอยู่ เพื่อปลุกปั่นสร้างความแตกแยกวุ่นวาย ขึ้นในบ้านเมือง
6. ต่อต้านการดำเนินการทางการเมืองเพื่อคนใดคนหนึ่ง เพื่อผลประโยชน์ทับซ้อน เพื่อพวกพ้อง และการจัดสรรงบประมาณให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งโดยเฉพาะ
7. สร้างเครือข่าย และร่วมต่อต้านการทุจริตทุกระดับ ทุกรูปแบบ ทั้งภาครัฐภาคเอกชน
8. เสริมสร้างค่านิยม อุดมการณ์ และการมีส่วนร่วมของ เด็ก เยาวชน และประชาชนในการเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นั่นแสดงให้เห็นว่า ประชาธิปัตย์ วางตำแหน่งของ “ทักษิณ และคนเสื้อแดง”ให้เป็น “อุปสรรค” อันดับหนึ่งของพรรค โดยเฉพาะปฏิญญาหาดใหญ่ ตั้งแต่ข้อ 1-6 ข้อ 7 และ 8 นั้น เสมือนเป็นการตอกย้ำ “จุดแข็ง” ของพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะบทบาทในฐานะฝ่ายค้าน ในการขุดคุ้ยข้อมูลการทุจริตคอร์รัปชัน
ที่สำคัญคือ ยุทธศาสตร์ใหม่นี้ ถือเป็นการเปิดหน้าต่อสู้กับ “ทักษิณ” และคนเสื้อแดง โดยไม่ต้องพะวงว่า จะเสียมวลชนในภาคอีสาน หรือภาคเหนือ เป็นครั้งแรก
หลังจากที่ประชาธิปัตย์ไม่สามารถโน้มน้าวคนเสื้อแดงในภาคอีสาน และภาคเหนือให้เลือกประชาธิปัตย์ได้
ก่อนหน้านี้ ประชาธิปัตย์พยายามแยก “ปลาออกจากน้ำ” แยก “แกนนำเสื้อแดงออกจากมวลชน” ...แต่ประชาธิปัตย์ ทำไม่สำเร็จ
ประชาธิปัตย์ พยายามบอกมาตลอดเวลาว่า คนเสื้อแดงกำลังถูกแกนนำหลอกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
แต่ไม่เป็นผล
ชวน หลีกภัย บอกกับสมาชิกและสาขาพรรคว่า ในปัจจุบันจะพบว่า คนเสียภาษีมีการเปลี่ยนแปลงไป ภาคใต้เสียมากเป็นอันดับที่ 3 จึงต้องมีการพัฒนาพื้นที่ในการหาเงินให้พร้อม ประชาชนจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้น ผู้นำประเทศไหนที่ออกมาแกล้งว่า คนที่ไม่เลือกตัวเอง เหมือนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยบอกเอาไว้ว่า "ใครไม่เลือกเรา เราจะไม่พัฒนา พื้นที่ให้ ไม่จัดงบให้" ที่ผ่านมามีเพียง นายซัดดัม ฮุสเซน ผู้นำอิรัก ที่มารังแกประชาชน ดังนั้นอย่าได้กระทำเช่นนั้น
ชวน อธิบายอีกว่า “ ขอเตือนให้ทุกคนเชื่อในกฎแห่งกรรม ใครทำอะไรไว้ ต้องได้แบบนั้น อย่าให้ประชาชนน้อยเนื้อต่ำใจ ถึงกับออกมากล่าวว่า คนที่เผาบ้านเมืองเผาเมืองกลับได้ดี ตรงนี้ ส.ส. ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้เข้าใจ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ที่ผ่านมา มีความพยายามบิดเบือนใส่ร้ายมาตลอด ไม่ให้เลือกพรรคประชาธิปัตย์ โดยบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคของคนภาคใต้ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสาน แต่ก็ไม่มีใครคนใดไปชี้แจงทำความเข้าใจ ทำให้เกิดความเข้าใจที่ผิดๆต่อพรรคมาโดยตลอด”
“ พบมีการแจกซีดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ดังนั้นเราต้องช่วยกัน ประเทศนี้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุขมานับพันปี อยู่ดีๆ เขาทำเขาคิดอะไรขึ้นมา ถึงได้เกิดความคิดแปลกๆ เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์” ชวน กล่าวทิ้งท้าย
เนื้อหาการพูดของ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เลขาธิการพรรคประประชาธิปัตย์ ก็ไม่แตกต่างจากปฏิญญาหาดใหญ่
เฉลิมชัย บอกกับสมาชิกพรรคว่า “ต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่า เมื่อพี่น้องประชาชนแต่ละภาคเลือกพรรคประชาธิปัตย์แล้วได้อะไร โดยพรรคจะสรุปจากการลงพื้นที่เป็นยุทธศาสตร์พรรคในทุกภาคส่วน จึงเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้จะเป็นการลดกระบวนการทำลายล้างพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะไม่มี หรือจะมีน้อยลง ถ้าเราสามารถตอบประชาชนได้ว่า หากเลือกพรรคประชาธิปัตย์ประชาชนจะได้อะไร ทิศทางของประเทศจะไปทางไหน เพราะที่ผ่านมาพรรค ก็ได้แก้ไขปัญหาให้คนรากหญ้าในหลายเรื่อง เช่น การประกันราคาสินค้าการเกษตร และโฉนดชุมชน ”
“วันนี้หลายภาคส่วนการเมืองอ้างเรื่องความปรองดอง เป็นคำพูดที่ผมเองมองว่าสวยหรู วันนี้เขาบอกเกิดจากต้นไม้พิษ เป็นคำพูดที่พูดตอกย้ำทุกวัน คนที่พูดคนแรก เขาก็รู้ว่า เขาหลอกประชาชน แต่พูดมาหลายปีจนคิดว่าเป็นความจริง และวันนี้มันไม่ได้เป็นต้นไม้พิษ มันเป็นดินที่เป็นพิษ ไม่ว่าจะปลูกอะไรก็แล้วแต่ ผลผลิตที่ออกมาก็จะเป็นพิษทั้งหมด เพราะเกิดจากกระบวนการที่ไม่ถูกต้อง และชอบธรรม รัฐบาลกำลังสร้างดินให้เป็นพิษ อะไรก็แล้วแต่เป็นพิษทั้งหมด เพราะทำเพื่อพวกพ้อง ไม่คำนึงถึงประชาชน ผมสงสารคน 15 ล้านคน ที่โดนหลอกและกำลังตายผ่อนส่ง เพราะก็ใช้ของแพงเหมือนกับคนอีก 45 ล้านคน วันหนึ่งงเขาคงรู้สึก แต่กว่าจะถึงวันนั้น ไม่แน่ใจว่าประเทศจะเสียหายมากแค่ไหน”
" สงสารประเทศไทย ที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาประเทศโดนข่มขืน โดนพี่น้องคู่หนึ่งข่มขืน ไม่สนใจพี่น้องประชาชน เอาความสุขของตัวเองเป็นใหญ่อย่างเดียว และยังให้พวกมารุมโทรมประเทศไทย” เฉลิมชัย ตอกย้ำพฤติกรรมพี่น้องชินวัตร ให้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ฟัง
นั่นหมายความว่า ต่อไปนี้ หากจะเลือกประชาธิปัตย์ (โดยเฉพาะคนเสื้อแดง) ก็ต้องเลือกเพราะ ประชาธิปัตย์ทำประโยชน์อะไรให้ ไม่ต้องมาเลือกเพราะสงสาร หรือเห็นใจ
ก่อนหน้านี้ภาพพจน์การบริหารงานของพรรคประชาธิปัตย์ในอดีต ที่ยังติดตาคนทั่วไป ในแง่ในการใช้ชั้นเชิงการเมืองมากกว่าความรู้ด้านการจัดการ การบริหาร จนทำให้เกิดความเชื่องช้า ไม่ทันการณ์ และขาดทิศทาง เป้าหมายที่ชัดเจน
รวมทั้งการบริหารงานภายในพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยังไม่สามารถหลอมรวมเป็นแนวความคิดที่โดดเด่นของประชาธิปัตย์ และอำนาจการบริหารงานภายในพรรคขณะนี้ หลายคนเชื่อว่าอยู่ในมือ 3 ผู้อาวุโสของพรรคคือ ชวน หลีกภัย บัญญัติ บรรทัดฐาน และ สุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งย่างสามขุมมาแทนที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์
นอกจากนั้น จุดอ่อนของพรรคการเมืองนี้ในอดีต ก็คือ การขาดแคลนขุนพลมือฉมังทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการเงิน การคลัง ซึ่งไม่ใช่อดีตนักเศรษฐศาสตร์แบบ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี แต่โลกเศรษฐกิจ การเงินทุกวันนี้ ต้องการดอกเตอร์นักเศรษฐศาสตร์ ที่เรียนจบทางด้านการเงินอย่างแท้จริง เพื่อเป็นหัวหอกรัฐบาลในการต่อสู้กับความผันผวนของค่าเงินในระดับโลก รวมทั้งการรับมือกับวิกฤตการณ์ทางการเงินของโลก
แต่ กรณ์ จาติกวณิช สามารถเข้าชดเชยช่องว่างข้อนี้ของประชาธิปัตย์ได้
ที่สำคัญ ยังได้นักวางกลยุทธ์ทางการตลาดอย่าง “อภิรักษ์ โกษะโยธิน” มาร่วมงาน
ประชาธิปัตย์ คงไม่พยายามเพียงแค่บอกประชาชนว่า ปีนี้เศรษฐกิจจะเติบโตกี่เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น
แต่นักบริหารเศรษฐกิจเหล่านี้ จะต้องอธิบายได้มากกว่านั้น หลังจากที่ในอดีต ประชาธิปัตย์เต็มไปด้วยอดีตทนายความ และนักเคลื่อนไหว
จุดแข็งที่ประชาธิปปัตย์มี และพรรคการเมืองอื่นไม่มีอยู่เสมอ นั่นคือ ความเชี่ยวชาญทางการเมือง และกฎหมาย เพราะพรรคเต็มไปด้วยอดีตทนายความ ซึ่งมักช่ำชองในเรื่องกฎระเบียบ กฎหมาย และประเด็นทางการเมือง
ถ้าจะให้ประชาธิปัตย์สอบสวนเรื่องใด หลายคนเชื่อว่า ประชาธิปัตย์ทำได้ไม่น้อยกว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติทีเดียว นอกจากนั้น พรรคยังเต็มไปด้วยอดีตครู และนักเคลื่อนไหว ทำให้ประชาธิปัตย์เข้าใจระบบการศึกษาของไทย และเข้าถึงจิตใจของคนระดับล่างพอประมาณ
ความเก่าแก่ของประชาธิปัตย์ ก็เป็นสิ่งที่พรรคอื่นไม่มี ทำให้เครือข่ายความสัมพันธ์ของประชาธิปัตย์กับกลุ่มทุน นักธุรกิจ ข้าราชการ ผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น ทหาร และตำรวจ เป็นสายสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่รุ่นคุณปู่อะไรทำนองนั้น นั่นจึงทำให้ไม่มีใครเจาะฐานเสียงของประชาธิปัตย์ในภาคใต้ได้
วีระ มุสิกพงศ์ เคยถูกตบหน้าทางวาจาว่า ต่อให้เอาเสาไฟฟ้าไปลงแข่ง ก็ไม่มีปัญญาเอาชนะประชาธิปัตย์ได้
ที่สำคัญกว่านั้น ประชาธิปัตย์ ยังมีสายสัมพันธ์ที่ดี และได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มทุนขนาดใหญ่ของเมืองไทย ทั้ง ธนินท์ เจียรวนนท์ เฉลียว อยู่วิทยา เจริญ สิริวัฒนภักดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มล่ำซำ ซึ่งผูกพันกับประชาธิปัตย์ มาตั้งแต่ปีมะโว้ ไม่ใช่แค่คนรุ่นปัจจุบันอย่างโพธิพงษ์ ล่ำซำ นวลพรรณ ล่ำซำ กรณ์ จาติกวณิช
นั่นจึงทำให้ ประชาธิปัตย์ ไม่เคยมีปัญหาทางการเงินมากนัก นอกจากเกิดรายการ “อม” กันเองเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ปัจจุบัน เปิดโอกาสให้ประชาธิปัตย์ ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ เพื่อขายความเป็นประชาธิปัตย์ใหม่ต่อสังคม เนื่องจากความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการบริหารเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”
แต่กระนั้น หลังจากเดือนพฤษภาคม ประชาธิปัตย์ จะต้องเจอกับอุปสรรค จากนักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 111 คน ของพรรคไทยรักไทย พ้นโทษแบน
นอกจากนั้น พรรคภูมิใจไทย ก็จะได้ “เนวิน ชิดชอบ” กลับมาอย่างเต็มตัว รวมทั้งการปฏิเสธของคนชั้นกลางต่อ ทักษิณ และพรรคพวกอย่างเด็ดขาด ทำให้โอกาสสำหรับประชาธิปัตย์ ยังเปิดกว้างอยู่
เพียงแต่การ “เจาะใจ” คนชนบทในภาคเหนือ และภาคอีสานจะต้อง “รอโอกาส” ความผิดพลาดของคู่แข่งทางการเมืองอย่างชัดเจน
โดยไม่มีสีเทา เหมือนเช่นปัจจุบัน