เอเอฟพี - สหรัฐฯ เผย แผนลดการทำงานของสถานทูตอเมริกันในอิรัก ซึ่งเป็นภารกิจทางการทูตที่ใหญ่ที่สุดในโลกของสหรัฐฯ ด้วยหวังว่าจะประหยัดงบประมาณ หลังสิ้นสุดสงคราม และถอนทัพกลับประเทศแล้ว
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อว่า สหรัฐฯ จะลดจำนวนเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานที่มีอยู่ราว 16,000 คนลงเกือบครึ่งหนึ่ง เป็นสัญญาณของอิทธิพลที่กำลังลดลง และคุณภาพชีวิต หลังทหารสหรัฐฯ ถอนกำลังออกจากอิรักเมื่อปลายปี 2011 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม วิกตอเรีย นูแลนด์ โฆษกหญิงกระทรวงต่างประเทศปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าว แต่ยืนยันว่าสหรัฐฯ กำลังพิจารณาขนาดที่เหมาะสมสำหรับสถานทูตในกรุงแบกแดด
“ฉันคิดว่าสิ่งที่เรามีอยู่นี้เป็นอาคารสถานทูตที่ถูกสร้างขึ้นในเวลาที่ต่างออกไป และขึ้นอยู่กับข้อตกลงที่ครอบคลุมขอบเขตของมูลเหตุทั้งหมดอย่างมาก บ้างก็ด้านประวัติศาสตร์ บ้างก็เกี่ยวกับความมั่นคง” นูแลนด์กล่าว
นูแลนด์ระบุว่า สหรัฐฯ จะพิจารณาจ้างลูกจ้างชาวอิรักทำงานในสถานทูตเพิ่ม และใช้ผู้รับเหมาก่อสร้างที่ค่าแรงสูง ให้น้อยลง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการเปลี่ยนแปลงแผนการของกระทรวงต่างประเทศครั้งใหญ่ เพียงไม่ถึง 1 ปี หลังจากเจมส์ เจฟฟรีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เพิ่งร่างแผนเพิ่มขนาดสถานทูตอิรักเพื่อเตรียมสำหรับการถอนกำลัง และรับมือกับอิทธิพลที่เพิ่มขึ้น
ของอิหร่าน
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้ซึ่งคัดค้านการบุกอิรักเพื่อโค่นซัดดัม ฮุสเซน ในปี 2003 นำทหารอเมริกันชุดสุดท้ายกลับประเทศ หลังอิรักไม่ตกลงตามแผนคงกองกำลังที่เหลืออยู่เอาไว้
นิวยอร์กไทมส์ยังระบุว่า ทูตสหรัฐฯ ต้องเจอกับความล่าช้าในการอนุมัติวีซ่า และดิ้นรนเตรียมการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ในอิรัก ซึ่งวุ่นวายอยู่กับวิกฤตทางการเมืองในประเทศ
นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ดังกล่าวเสริมว่า สภาพความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่การทูตนั้นเลวร้ายลงเมื่อปราศจากกำลังทหาร เช่น สถานทูตขาดแคลนน้ำตาลสำหรับใส่กาแฟ และเจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องปันส่วนปีกไก่ไว้กิน