วานนี้ ( 1 มี.ค.) นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการพรรคการเมืองและออกเสียงประชามติ เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกต. ได้มีมติเห็นชอบในการจัดสรรเงินงบประมาณให้กับพรรคการเมือง ตามที่คณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ได้มีมติเห็นชอบวงเงินสนับสนุนพรรคการเมืองตามแผนการดำเนินงานของพรรคการเมือง ประจำปี 2555 จำนวน 7 พรรค รวม 76 โครงการ วงเงิน 94,279,720 บาท ได้แก่
1. พรรคเพื่อไทย จำนวน 40,686,900 บาท 2. พรรคประชาธิปัตย์ 38,393,400 บาท 3. พรรคภูมิใจไทย 6,756,800 บาท 4. พรรคชาติไทยพัฒนา 3,575,400 บาท 5. พรรคชาติพัฒนา 2,535,000 บาท 6. พรรครักประเทศไทย 1,321,920 บาท และ 7.พรรคมาตุภูมิ 1,010,300 บาท
ทั้งนี้ การสนับสนุนงบประมาณให้กับพรรคการเมือง เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 75 และประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่องกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง พ.ศ.2554 ข้อ 35 ที่กำหนดให้จัดสรรเงินให้แก่พรรคการเมืองเป็นรายปี ให้แก่พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหลังสุดโดยได้รับคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.5 ของคะแนนเสียงที่พรรคการเมืองทุกพรรคได้รับในการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อรวมกัน หรือได้รับคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.5 ของคะแนนเสียงที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคนได้รับในการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งรวมกันทั้งประเทศ และเป็นพรรคการเมืองที่ได้ดำเนินการครบถ้วน ตามมาตรา 26 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550
นางสดศรี กล่าวด้วยว่า จากการเปิดให้ประชาชนบริจาคเงินภาษี 100 บาท ให้พรรคการเมืองในปีภาษี 2553 พบว่า มีจำนวนเงินบริจาคเพียง 12 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีภาษี 2552 ที่มีผู้บริจาค 14 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายใช่หรือไม่ ที่ไม่อยากมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ทำให้ลดการบริจาคลง จึงวิตกว่าหากในปีภาษี 2554 ที่จะเปิดให้บริจาคถึง วันที่ 31 มี.ค.นี้ และยอดบริจาคลดลงมากกว่าเดิมอีกจะชี้ให้เห็นว่าประชาชนไม่อยากสนับสนุนพรรคการเมือง ซึ่งไม่น่าจะเป็นระบบที่ถูกต้อง เพราะกกต.อยากให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองด้วยในระบอบประชาธิปไตย และหากประชาชนไม่ให้ความสำคัญกับการบริจาคเงินภาษีตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 มาตรา 58 อาจจะต้องเป็นหมันไป
และวันข้างหน้า อาจไม่มีผู้บริจาคเงินภาษีให้กับพรรคการเมือง ดังนั้นในวันที่ 14 มี.ค.นี้ กกต.จะขอให้ตัวแทนพรรคการเมืองทุกพรรค มาถือป้ายเลขรหัสพรรคการเมือง เพื่อมาร่วมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อเชิญชวนประชาชนให้บริจาคเงินภาษีให้พรรคการเมืองผ่านแบบเสียภาษี ภ.ง.ด.90,91
1. พรรคเพื่อไทย จำนวน 40,686,900 บาท 2. พรรคประชาธิปัตย์ 38,393,400 บาท 3. พรรคภูมิใจไทย 6,756,800 บาท 4. พรรคชาติไทยพัฒนา 3,575,400 บาท 5. พรรคชาติพัฒนา 2,535,000 บาท 6. พรรครักประเทศไทย 1,321,920 บาท และ 7.พรรคมาตุภูมิ 1,010,300 บาท
ทั้งนี้ การสนับสนุนงบประมาณให้กับพรรคการเมือง เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 75 และประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่องกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง พ.ศ.2554 ข้อ 35 ที่กำหนดให้จัดสรรเงินให้แก่พรรคการเมืองเป็นรายปี ให้แก่พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหลังสุดโดยได้รับคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.5 ของคะแนนเสียงที่พรรคการเมืองทุกพรรคได้รับในการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อรวมกัน หรือได้รับคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.5 ของคะแนนเสียงที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคนได้รับในการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งรวมกันทั้งประเทศ และเป็นพรรคการเมืองที่ได้ดำเนินการครบถ้วน ตามมาตรา 26 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550
นางสดศรี กล่าวด้วยว่า จากการเปิดให้ประชาชนบริจาคเงินภาษี 100 บาท ให้พรรคการเมืองในปีภาษี 2553 พบว่า มีจำนวนเงินบริจาคเพียง 12 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีภาษี 2552 ที่มีผู้บริจาค 14 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายใช่หรือไม่ ที่ไม่อยากมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ทำให้ลดการบริจาคลง จึงวิตกว่าหากในปีภาษี 2554 ที่จะเปิดให้บริจาคถึง วันที่ 31 มี.ค.นี้ และยอดบริจาคลดลงมากกว่าเดิมอีกจะชี้ให้เห็นว่าประชาชนไม่อยากสนับสนุนพรรคการเมือง ซึ่งไม่น่าจะเป็นระบบที่ถูกต้อง เพราะกกต.อยากให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองด้วยในระบอบประชาธิปไตย และหากประชาชนไม่ให้ความสำคัญกับการบริจาคเงินภาษีตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 มาตรา 58 อาจจะต้องเป็นหมันไป
และวันข้างหน้า อาจไม่มีผู้บริจาคเงินภาษีให้กับพรรคการเมือง ดังนั้นในวันที่ 14 มี.ค.นี้ กกต.จะขอให้ตัวแทนพรรคการเมืองทุกพรรค มาถือป้ายเลขรหัสพรรคการเมือง เพื่อมาร่วมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อเชิญชวนประชาชนให้บริจาคเงินภาษีให้พรรคการเมืองผ่านแบบเสียภาษี ภ.ง.ด.90,91
