ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้งด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงปมปัญหา กรณีการลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรครักประเทศไทยและการเป็นสมาชิกพรรคของ นายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ ว่า เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครักประเทศไทย ในฐานะหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้มีหนังสือถึง นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง แจ้งว่า นายชัยวัฒน์ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ลงวันที่ 11 ม.ค. ซึ่งตามข้อบังคับพรรครักประเทศไทยข้อ 11 (2) ถือว่านายชัยวัฒน์ได้สิ้นสุดความเป็นสมาชิกพรรคตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค. โดยนายวรเศรษฐ์ เที่ยงธรรม ในฐานะนายทะเบียนสมาชิกพรรครักประเทศไทย ได้ลงลายมือชื่ออนุมัติหนังสือลาออกของนายชัยวัฒน์ พร้อมกับแนบสำเนาการประชุมกรรมการบริหารพรรคมาเป็นหลักฐาน
ทั้งนี้ พรรครักประเทศไทยยังได้บันทึกการลาออกของนายชัยวัฒน์ลงในระบบฐานข้อมูล พรรคการเมืองของสำนักงาน กกต. โดยนายชูวิทย์ได้ลงลายชื่ออิเล็กทรอนิกส์รับรองไว้ด้วย แต่ในวันที่ 19 ม.ค. นายชัยวัฒน์ได้ส่งหนังสือคัดค้านการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรครักประเทศไทย มายังนายทะเบียนพรรคการเมือง โดยแจ้งว่าไม่เคยประสงค์ขอลาออกจากสมาชิกพรรค และที่ผ่านมาไม่เคยมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคเรื่องการลาออกแต่อย่างใด ซึ่งนายชัยวัฒน์ยินดีเข้าให้ถ้อยคำและส่งเอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณาให้ กกต.
นางสดศรี กล่าวว่า ตามหลักฐาน นายชัยวัฒน์ได้มีหนังสือลาออกจากการเป็นเลขาธิการพรรคจริง แต่ไม่ได้เจตนาลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เนื่องจากทราบว่าการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคจะทำให้การเป็น ส.ส.สิ้นสุดลง อีกทั้งนายชัยวัฒน์ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ลงนามลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ตามที่พรรคได้ยื่นแสดงต่อ กกต. ฉะนั้น ทางสำนักกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ จะต้องนำเสนอประธาน กกต. เพื่อขอให้พรรครักประเทศไทยชี้แจงปัญหาการลาออกของนายชัยวัฒน์ เนื่องจากกรณีดังกล่าวเกิดปัญหาขึ้นว่า สถานภาพของนายชัยวัฒน์จะยังคงความเป็น ส.ส.อยู่หรือไม่ เพราะเมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรก็ได้มีหนังสือสอบถามสถานภาพการเป็นสมาชิกพรรค รักประเทศไทยของนายชัยวัฒน์มายัง กกต.ด้วย
“เนื่องจากนายชัยวัฒน์ยัง คงเข้าประชุมสภาฯ ตามปกติอยู่ อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวเป็นประเด็นที่จะพิจารณาว่านายชัยวัฒน์จะเข้าประชุมสภาฯ โดยชอบหรือไม่ ซึ่งเป็นอำนาจของประสภาฯ จะเป็นผู้พิจารณาว่าการประชุมสภาฯ โดยมี ส.ส.คนหนึ่งที่ยังเป็นปัญหาในพรรคการเมืองนั้นๆ ประธานสภาฯ จะดำเนินการอย่างไร เพราะอาจมีผลต่อการลงมติกฎหมายต่างๆได้” นางสดศรี กล่าว
ด้าน นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการ กกต. ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นประเด็นปัญหาโต้แย้งที่เกิดขึ้นภายในพรรครักประเทศไทย เพราะตามกฎหมายหากลาออกจากการเป็นสมาชิพรรคการเมืองก็จะทำให้ความเป็น ส.ส.สิ้นสุดลงไปด้วยตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งกรณีนี้ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทั้งสองฝ่าย เพราะนายชัยวัฒน์ได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าไม่ เคยลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค โดยทาง กกต.จะดำเนินการตรวจสอบด้วยความเป็นธรรมว่านายชัยวัฒน์ มีการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคจริงหรือไม่
โดยขั้นตอนต่อจากนี้จะนำเสนอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตั้งกรรมการขึ้นมาสอบ ข้อเท็จจริงก่อนที่จะแจ้งไปยังประธานสภาฯ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาการตรวจสอบไม่นาน เพราะว่าเป็นประเด็นที่ไม่ซับซ้อน หากมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนสามารถดำเนินการวินิจฉัยได้โดยเร็ว ส่วนถ้ามีฝ่ายใดปลอมแปลงเอกสารหลักฐานขึ้นมาขึ้นมา ก็ถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
ทั้งนี้ พรรครักประเทศไทยยังได้บันทึกการลาออกของนายชัยวัฒน์ลงในระบบฐานข้อมูล พรรคการเมืองของสำนักงาน กกต. โดยนายชูวิทย์ได้ลงลายชื่ออิเล็กทรอนิกส์รับรองไว้ด้วย แต่ในวันที่ 19 ม.ค. นายชัยวัฒน์ได้ส่งหนังสือคัดค้านการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรครักประเทศไทย มายังนายทะเบียนพรรคการเมือง โดยแจ้งว่าไม่เคยประสงค์ขอลาออกจากสมาชิกพรรค และที่ผ่านมาไม่เคยมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคเรื่องการลาออกแต่อย่างใด ซึ่งนายชัยวัฒน์ยินดีเข้าให้ถ้อยคำและส่งเอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณาให้ กกต.
นางสดศรี กล่าวว่า ตามหลักฐาน นายชัยวัฒน์ได้มีหนังสือลาออกจากการเป็นเลขาธิการพรรคจริง แต่ไม่ได้เจตนาลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เนื่องจากทราบว่าการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคจะทำให้การเป็น ส.ส.สิ้นสุดลง อีกทั้งนายชัยวัฒน์ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ลงนามลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ตามที่พรรคได้ยื่นแสดงต่อ กกต. ฉะนั้น ทางสำนักกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ จะต้องนำเสนอประธาน กกต. เพื่อขอให้พรรครักประเทศไทยชี้แจงปัญหาการลาออกของนายชัยวัฒน์ เนื่องจากกรณีดังกล่าวเกิดปัญหาขึ้นว่า สถานภาพของนายชัยวัฒน์จะยังคงความเป็น ส.ส.อยู่หรือไม่ เพราะเมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรก็ได้มีหนังสือสอบถามสถานภาพการเป็นสมาชิกพรรค รักประเทศไทยของนายชัยวัฒน์มายัง กกต.ด้วย
“เนื่องจากนายชัยวัฒน์ยัง คงเข้าประชุมสภาฯ ตามปกติอยู่ อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวเป็นประเด็นที่จะพิจารณาว่านายชัยวัฒน์จะเข้าประชุมสภาฯ โดยชอบหรือไม่ ซึ่งเป็นอำนาจของประสภาฯ จะเป็นผู้พิจารณาว่าการประชุมสภาฯ โดยมี ส.ส.คนหนึ่งที่ยังเป็นปัญหาในพรรคการเมืองนั้นๆ ประธานสภาฯ จะดำเนินการอย่างไร เพราะอาจมีผลต่อการลงมติกฎหมายต่างๆได้” นางสดศรี กล่าว
ด้าน นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการ กกต. ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นประเด็นปัญหาโต้แย้งที่เกิดขึ้นภายในพรรครักประเทศไทย เพราะตามกฎหมายหากลาออกจากการเป็นสมาชิพรรคการเมืองก็จะทำให้ความเป็น ส.ส.สิ้นสุดลงไปด้วยตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งกรณีนี้ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทั้งสองฝ่าย เพราะนายชัยวัฒน์ได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าไม่ เคยลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค โดยทาง กกต.จะดำเนินการตรวจสอบด้วยความเป็นธรรมว่านายชัยวัฒน์ มีการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคจริงหรือไม่
โดยขั้นตอนต่อจากนี้จะนำเสนอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตั้งกรรมการขึ้นมาสอบ ข้อเท็จจริงก่อนที่จะแจ้งไปยังประธานสภาฯ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาการตรวจสอบไม่นาน เพราะว่าเป็นประเด็นที่ไม่ซับซ้อน หากมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนสามารถดำเนินการวินิจฉัยได้โดยเร็ว ส่วนถ้ามีฝ่ายใดปลอมแปลงเอกสารหลักฐานขึ้นมาขึ้นมา ก็ถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
