นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ซึ่งมีมติรับคดีพิเศษ 4 เรื่อง คือ
1. คดีทุจริตเงินกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) และกองทุนเงินให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่งมีสถาบันการศึกษาที่เข้าข่ายกระทำความผิด 32 แห่ง มูลค่าความเสียหายกว่า 4,000 ล้านบาท
2. คดีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวเปลือก โดยจะขยายผลการสอบสวนจากกรณีการทุจริตใน อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ซึ่งพบว่ามีขบวนการสวมสิทธิเกษตรกรผู้ปลูกข้าว และทำปลอมสัญญาเช่าที่นา เพื่อให้โรงสี และผู้มีอิทธิพลได้รับประโยชน์จากส่วนต่างในการคำนวณราคารับจำนำ ตันละ 14,000 บาท
3. คดีการฉ้อโกงหลอกลวงประชาชน แอบอ้างตราสัญลักษณ์ และชื่อผู้บริหารของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หลอกลวงให้ประชาชนเชื่อว่ามีเลขล็อก และจะส่งเลขเด็ดของแต่ละงวดไปให้ผู้สนใจ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นผู้มีการศึกษาน้อย เช่น กลุ่มแม่ค้า มอเตอร์ไซค์รับจ้าง และชาวบ้านจำนวนมากหลงเชื่อ โอนเงินให้คนร้ายเพื่อแลกกับหวยล็อก ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า มีการทำเป็นขบวนการ และผลการหลอกลวงทำให้มีผู้เสียทรัพย์สินเสียหายมากกว่า 3 ล้านบาท และเมื่อตรวจสอบไปถึงเส้นทางการเงิน ก็พบว่ามีความเชื่อมโยงไปถึงเครือข่ายผู้ร่วมกระทำความผิด
4. คดีเว็บหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ โดย ดีเอสไอได้รับการร้องทุกข์จาก นายชาติศิริ โสภณพนิช ผู้บริหารธนาคารกรุงเทพ ว่าถูกแฮกเกอร์ เข้าไปแฮกข้อมูลส่วนตัว ในระบบคอมพิวเตอร์ และโพสต์ข้อความหมิ่นสถาบันฯ จนทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิด คิดว่ากลุ่มผู้บริหารธนาคารดังกล่าว มีพฤติกรรมจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันฯ โดยผู้แฮกข้อมูลได้มีการเปลี่ยนชื่อถึง 10 ครั้ง และการกระทำดังกล่าวค่อนข้างมีความสลับซับซ้อน ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
1. คดีทุจริตเงินกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) และกองทุนเงินให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่งมีสถาบันการศึกษาที่เข้าข่ายกระทำความผิด 32 แห่ง มูลค่าความเสียหายกว่า 4,000 ล้านบาท
2. คดีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวเปลือก โดยจะขยายผลการสอบสวนจากกรณีการทุจริตใน อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ซึ่งพบว่ามีขบวนการสวมสิทธิเกษตรกรผู้ปลูกข้าว และทำปลอมสัญญาเช่าที่นา เพื่อให้โรงสี และผู้มีอิทธิพลได้รับประโยชน์จากส่วนต่างในการคำนวณราคารับจำนำ ตันละ 14,000 บาท
3. คดีการฉ้อโกงหลอกลวงประชาชน แอบอ้างตราสัญลักษณ์ และชื่อผู้บริหารของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หลอกลวงให้ประชาชนเชื่อว่ามีเลขล็อก และจะส่งเลขเด็ดของแต่ละงวดไปให้ผู้สนใจ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นผู้มีการศึกษาน้อย เช่น กลุ่มแม่ค้า มอเตอร์ไซค์รับจ้าง และชาวบ้านจำนวนมากหลงเชื่อ โอนเงินให้คนร้ายเพื่อแลกกับหวยล็อก ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า มีการทำเป็นขบวนการ และผลการหลอกลวงทำให้มีผู้เสียทรัพย์สินเสียหายมากกว่า 3 ล้านบาท และเมื่อตรวจสอบไปถึงเส้นทางการเงิน ก็พบว่ามีความเชื่อมโยงไปถึงเครือข่ายผู้ร่วมกระทำความผิด
4. คดีเว็บหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ โดย ดีเอสไอได้รับการร้องทุกข์จาก นายชาติศิริ โสภณพนิช ผู้บริหารธนาคารกรุงเทพ ว่าถูกแฮกเกอร์ เข้าไปแฮกข้อมูลส่วนตัว ในระบบคอมพิวเตอร์ และโพสต์ข้อความหมิ่นสถาบันฯ จนทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิด คิดว่ากลุ่มผู้บริหารธนาคารดังกล่าว มีพฤติกรรมจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันฯ โดยผู้แฮกข้อมูลได้มีการเปลี่ยนชื่อถึง 10 ครั้ง และการกระทำดังกล่าวค่อนข้างมีความสลับซับซ้อน ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
