ดีเอสไอขอให้ผู้มีข้อมูล หรือบุคคลใกล้ชิดที่มีหลักฐานช่างภาพโทรทัศน์โพสต์หมิ่นสถาบัน ส่งมาให้ดีเอสไอตรวจสอบและดำเนินคดี ย้ำส่งผลกระทบในภาพรวมของสื่อ วอนสื่อมวลชนสอดส่องควบคุมกันเอง ชี้กลุ่มคนเหล่านี้มีไม่มาก แต่จะปลอมตัวเป็นหลายคน เพื่อหวังผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในวงกว้าง
วันนี้ (25 ม.ค.) พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีช่างภาพสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในลักษณะหมิ่นสถาบันว่า ในส่วนของดีเอสไอขอให้ผู้ที่มีข้อมูลหรือบุคคลใกล้ชิดที่มีหลักฐานที่ถ่ายภาพหรือเก็บข้อมูลไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์นำหลักฐานเหล่านี้มามอบให้ดีเอสไอ เพื่อตรวจสอบและดำเนินคดีต่อไป เนื่องจากการกระทำความผิดในลักษณะนี้จำเป็นต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน นอกจากนี้ ดีเอสไอจะส่งข้อมูลให้กับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เพื่อร่วมกันตรวจสอบด้วย อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวถือว่าส่งผลกระทบกับภาพรวมสื่อมวลชน ดังนั้นขอสื่อมวลชนช่วยกันสอดส่องและควบคุมกันเองด้วย
รองอธิบดีดีเอสไอกล่าวต่อว่า สำหรับการเอาผิดต่อผู้โพสต์ข้อความที่ผ่านมาพบว่า คนกลุ่มนี้มักจะแก้ตัวว่าถูกแฮกข้อมูล ซึ่งตนยืนยันว่าดีเอสไอมีวิธีตรวจสอบได้ว่าถูกแฮกข้อมูลจริงหรือไม่ เช่น การตรวจสอบข้อความตอบโต้การสนทนาในช่วงเวลาใกล้เคียง
“ดีเอสไอมีวิธีตรวจสอบกรณีอ้างว่าถูกแฮกข้อมูล เช่น การตอบโต้ข้อความสนทนากับเพื่อนในเครือข่ายทั้งก่อนและหลัง หากมีหลักฐานว่ามีการโพสต์ข้อความตอบโต้กันก็แสดงว่าเจ้าของล็อกอินไม่ได้ถูกแฮก” พ.ต.อ.ญาณพลกล่าว
พ.ต.อ.ญาณพลกล่าวอีกว่า สำหรับผู้โพสต์ข้อความดังกล่าวเข้าข่ายกระทำความผิดอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกระหว่าง 3- 15 ปี ซึ่งตนขอฝากให้ประชาชนที่พบเห็นสิ่งผิดปกติทางระบบโซเชียลเน็ตเวิร์กช่วยกันสอดส่องดูแลสิ่งที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้ เนื่องจากที่ผ่านมาบุคคลกลุ่มนี้มีจำนวนไม่มาก แต่จะใช้วิธีปลอมตัวเป็นหลายคน เพื่อหวังผลให้เกิดการสั่นสะเทือนในวงกว้าง ซึ่งถือเป็นวิธีที่ลงทุนน้อยแต่ได้ผลแรง