เครือข่ายหยุดพนัน หอบหลักฐานร้องดีเอสไอ ดำเนินคดี นสพ.กีฬา โฆษณาเว็บพนันออนไลน์ ชี้ ผิดกฎหมายโทษทั้งจำทั้งปรับ เผย ห่วงเด็ก7 ขวบ เข้าสู่วงจรพนันแล้ว ด้าน “มูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน” วอนรัฐปรับปรุงกฎหมายให้ครอบคลุมพนันบอล-พนันออนไลน์ และเพิ่มบทลงโทษ
วันนี้ (1 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน เครือข่ายผู้ปกครองในสถานศึกษา มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว มูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน และนักเรียนนักศึกษา กว่า 40 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อแสดงความขอบคุณที่ดีเอสไอ นำปัญหาพนันออนไลน์เป็นคดีพิเศษพร้อมเรียกร้องให้ดำเนินคดีกับหนังสือพิมพ์กีฬาที่ลงโฆษณาเว็บพนันออนไลน์ โดยนำหนังสือพิมพ์ 5 ฉบับ มามอบเป็นหลักฐาน
นายอิมรอน เชษฐวัฒน์ ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า จากข้อมูลสำรวจสถานการณ์พนันโดยสถาบันวิจัยสังคมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 2553 พบว่า มีเงินหมุนเวียนในวงจรพนันของไทยสูงถึง 357,275 ล้านบาท ที่น่าห่วงที่สุด คือ เราพบเด็กอายุ 7 ขวบ เข้าสู่วงจรการพนันแล้ว เป็นสัญญาณที่อันตรายยิ่งซึ่งหนึ่งในรูปแบบการพนันที่อยู่ในขั้นวิกฤตคือเว็บไซต์พนันออนไลน์ที่มีเด็กและเยาวชนตกเป็นเหยื่อพนันมากขึ้นเรื่อยๆ และจากการที่ดีเอสไอนำปัญหาดังกล่าวเข้าเป็นคดีพิเศษนั้น ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม และต้องขอบคุณที่ยังมีหน่วยงานซึ่งเห็นความสำคัญของปัญหานี้ เพราะเป็นเรื่องที่กระทบกับเด็กและเยาวชน ดังนั้น เพื่อการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ที่ต้องการสนับสนุนมาตรการของภาครัฐในการป้องกันและปราบปรามเว็บไซต์พนันออนไลน์ เครือข่ายจึงได้นำหนังสือพิมพ์ กีฬาจำนวน 5 ฉบับที่มีการลงโฆษณาเว็บไซต์พนันออนไลน์อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายเพื่อขอให้ดีเอสไอดำเนินคดีกับเจ้าของหนังสือพิมพ์ผู้ทำการโฆษณา รวมถึงเจ้าของเว็บไซต์และผู้ที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด
“สิ่งที่ประชาชนต้องการเห็น คือ ภาครัฐมีนโยบาย บทลงโทษที่ชัดเจน และเจ้าหน้าที่ต้องเข้มแข็ง มีมาตรการเพื่อยับยั้งการเล่นพนันออนไลน์ทุกรูปแบบ ขณะเดียวกันจริยธรรมของนักข่าวกีฬาก็เป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งทราบมาว่า สภาการหนังสือพิมพ์และคนทำข่าวกีฬากำลังจัดทำคู่มือการทำข่าวเพื่อสอดแทรกจรรยาบรรณของสื่อมวลชนที่ดี คาดว่า อีกไม่นานคงเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดการนำเสนอน้ำดีขึ้น และเชื่อว่า สื่อกีฬายุคใหม่ควรเลิกพูดถึงแต้มต่อไม่สนับสนุนให้พนัน” นายอิมรอน กล่าว
นายพิริยะ ทองสอน เลขาธิการมูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน กล่าวว่า แม้กรมสอบสวนคดีพิเศษจะสั่งปิดเว็บพนันออนไลน์ทั้ง 7 เว็บไซต์ไปแล้ว แต่ยังพบเว็บไซต์จำนวนมากที่เข้าข่ายผิดกฎหมายเปิดลอยนวลอยู่ ส่วนหนังสือพิมพ์กีฬาที่ลงโฆษณาการพนันออนไลน์ ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน 2478 มาตรา 12 อย่างชัดเจน คือ เป็นความผิดฐานประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายพิริยะ กล่าวด้วยว่า การพนันออนไลน์ เป็นปัญหาที่มีทั้งแนวกว้าง คือ ไม่เพียงเข้าถึงง่ายและแพร่หลายทั่วไป แต่ยังมีปัญหาแนวลึก คือ ไม่ว่าการพนันจะถูกกฎหมายหรือไม่ ผู้ที่ติดการพนัน หรือมีหนี้สินจากการพนัน จะสร้างปัญหาให้สังคมทุกด้านจากปัญหาครอบครัว อาชญากรรม หนี้สิน ชิงทรัพย์ ทวงหนี้ รวมทั้งนายทุนผู้มีอิทธิพล ทั้งในและต่างประเทศ ที่พยายามผลักดันให้การพนันถูกกฎหมายในหลายๆรูปแบบ ล้วนต้องการผลประโยชน์จำนวนมากจากเงินของประชาชนที่ยังไม่รู้เท่าทัน
“กฎหมายที่บังคับใช้อยู่ยังเก่าเกินไปที่จะจัดการปัญหาทุกอย่างได้ การปรับปรุงกฎหมายจึงเป็นเรื่องจำเป็น แต่ต้องโปร่งใสและไม่สร้างปัญหาซ้ำเติม หรือเปิดช่องให้การพนัน และที่สำคัญ รัฐบาลควรบูรณาการ งานปราบปรามการพนันออนไลน์ ร่วมกับกระทรวงไอซีที กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพเช่นเดียวกับการปราบปรามยาเสพติดที่รัฐบาลพยายามจับกุมดังที่เห็นเป็นข่าวเสมอ” นายพิริยะ กล่าว
ขณะที่ นายธาริต กล่าวภายหลังรับข้อร้องเรียนว่า จะรับเรื่องนี้เพื่อดำเนินการตรวจสอบภายในวันพรุ่งนี้ เพราะปัญหาพนันออนไลน์ถือเป็นภารกิจที่ดีเอสไอต้องทำ เพื่อปกป้องคุ้มครองสังคม ทั้งนี้ต้องดูในรายละเอียดของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพื่อต่อไปจะต้องครอบคลุมแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอเองพร้อมให้ภาคประชาชนตรวจสอบการทำงานได้ เพราะเราเน้นความโปร่งใส และคงต้องอาศัยภาคประชาชนให้ช่วยเฝ้าระวัง ช่วยเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสและข้อมูลที่เป็นประโยชน์
วันนี้ (1 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน เครือข่ายผู้ปกครองในสถานศึกษา มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว มูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน และนักเรียนนักศึกษา กว่า 40 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อแสดงความขอบคุณที่ดีเอสไอ นำปัญหาพนันออนไลน์เป็นคดีพิเศษพร้อมเรียกร้องให้ดำเนินคดีกับหนังสือพิมพ์กีฬาที่ลงโฆษณาเว็บพนันออนไลน์ โดยนำหนังสือพิมพ์ 5 ฉบับ มามอบเป็นหลักฐาน
นายอิมรอน เชษฐวัฒน์ ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า จากข้อมูลสำรวจสถานการณ์พนันโดยสถาบันวิจัยสังคมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 2553 พบว่า มีเงินหมุนเวียนในวงจรพนันของไทยสูงถึง 357,275 ล้านบาท ที่น่าห่วงที่สุด คือ เราพบเด็กอายุ 7 ขวบ เข้าสู่วงจรการพนันแล้ว เป็นสัญญาณที่อันตรายยิ่งซึ่งหนึ่งในรูปแบบการพนันที่อยู่ในขั้นวิกฤตคือเว็บไซต์พนันออนไลน์ที่มีเด็กและเยาวชนตกเป็นเหยื่อพนันมากขึ้นเรื่อยๆ และจากการที่ดีเอสไอนำปัญหาดังกล่าวเข้าเป็นคดีพิเศษนั้น ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม และต้องขอบคุณที่ยังมีหน่วยงานซึ่งเห็นความสำคัญของปัญหานี้ เพราะเป็นเรื่องที่กระทบกับเด็กและเยาวชน ดังนั้น เพื่อการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ที่ต้องการสนับสนุนมาตรการของภาครัฐในการป้องกันและปราบปรามเว็บไซต์พนันออนไลน์ เครือข่ายจึงได้นำหนังสือพิมพ์ กีฬาจำนวน 5 ฉบับที่มีการลงโฆษณาเว็บไซต์พนันออนไลน์อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายเพื่อขอให้ดีเอสไอดำเนินคดีกับเจ้าของหนังสือพิมพ์ผู้ทำการโฆษณา รวมถึงเจ้าของเว็บไซต์และผู้ที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด
“สิ่งที่ประชาชนต้องการเห็น คือ ภาครัฐมีนโยบาย บทลงโทษที่ชัดเจน และเจ้าหน้าที่ต้องเข้มแข็ง มีมาตรการเพื่อยับยั้งการเล่นพนันออนไลน์ทุกรูปแบบ ขณะเดียวกันจริยธรรมของนักข่าวกีฬาก็เป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งทราบมาว่า สภาการหนังสือพิมพ์และคนทำข่าวกีฬากำลังจัดทำคู่มือการทำข่าวเพื่อสอดแทรกจรรยาบรรณของสื่อมวลชนที่ดี คาดว่า อีกไม่นานคงเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดการนำเสนอน้ำดีขึ้น และเชื่อว่า สื่อกีฬายุคใหม่ควรเลิกพูดถึงแต้มต่อไม่สนับสนุนให้พนัน” นายอิมรอน กล่าว
นายพิริยะ ทองสอน เลขาธิการมูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน กล่าวว่า แม้กรมสอบสวนคดีพิเศษจะสั่งปิดเว็บพนันออนไลน์ทั้ง 7 เว็บไซต์ไปแล้ว แต่ยังพบเว็บไซต์จำนวนมากที่เข้าข่ายผิดกฎหมายเปิดลอยนวลอยู่ ส่วนหนังสือพิมพ์กีฬาที่ลงโฆษณาการพนันออนไลน์ ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน 2478 มาตรา 12 อย่างชัดเจน คือ เป็นความผิดฐานประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายพิริยะ กล่าวด้วยว่า การพนันออนไลน์ เป็นปัญหาที่มีทั้งแนวกว้าง คือ ไม่เพียงเข้าถึงง่ายและแพร่หลายทั่วไป แต่ยังมีปัญหาแนวลึก คือ ไม่ว่าการพนันจะถูกกฎหมายหรือไม่ ผู้ที่ติดการพนัน หรือมีหนี้สินจากการพนัน จะสร้างปัญหาให้สังคมทุกด้านจากปัญหาครอบครัว อาชญากรรม หนี้สิน ชิงทรัพย์ ทวงหนี้ รวมทั้งนายทุนผู้มีอิทธิพล ทั้งในและต่างประเทศ ที่พยายามผลักดันให้การพนันถูกกฎหมายในหลายๆรูปแบบ ล้วนต้องการผลประโยชน์จำนวนมากจากเงินของประชาชนที่ยังไม่รู้เท่าทัน
“กฎหมายที่บังคับใช้อยู่ยังเก่าเกินไปที่จะจัดการปัญหาทุกอย่างได้ การปรับปรุงกฎหมายจึงเป็นเรื่องจำเป็น แต่ต้องโปร่งใสและไม่สร้างปัญหาซ้ำเติม หรือเปิดช่องให้การพนัน และที่สำคัญ รัฐบาลควรบูรณาการ งานปราบปรามการพนันออนไลน์ ร่วมกับกระทรวงไอซีที กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพเช่นเดียวกับการปราบปรามยาเสพติดที่รัฐบาลพยายามจับกุมดังที่เห็นเป็นข่าวเสมอ” นายพิริยะ กล่าว
ขณะที่ นายธาริต กล่าวภายหลังรับข้อร้องเรียนว่า จะรับเรื่องนี้เพื่อดำเนินการตรวจสอบภายในวันพรุ่งนี้ เพราะปัญหาพนันออนไลน์ถือเป็นภารกิจที่ดีเอสไอต้องทำ เพื่อปกป้องคุ้มครองสังคม ทั้งนี้ต้องดูในรายละเอียดของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพื่อต่อไปจะต้องครอบคลุมแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอเองพร้อมให้ภาคประชาชนตรวจสอบการทำงานได้ เพราะเราเน้นความโปร่งใส และคงต้องอาศัยภาคประชาชนให้ช่วยเฝ้าระวัง ช่วยเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสและข้อมูลที่เป็นประโยชน์