นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การเคลื่อนย้ายเงินทุนตลอดช่วงปี 54 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอีกปีหนึ่งที่คนไทยทั้งนักลงทุนและภาคธุรกิจนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศทั้งสิ้น 10,705 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือตีเป็นเงินบาท(30.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) อยู่ที่ 329,272 ล้านบาท เทียบกับตลอดทั้งปี 53 ที่มีเม็ดเงินจากส่วนนี้ 5,707 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาท 171,575.70 ล้านบาท ทำให้ในปี 54 มีคนไทยไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 157,697 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 91.91%
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมที่บริษัทไทยย้ายฐานการผลิตไปลงทุนในต่างประเทศมากที่สุด คือ อุตสาหกรรมการผลิต เช่น การผลิต อาหาร เครื่องดื่ม และเคมีภัณฑ์ อุตสาหกรรมการเงินและการประกันภัย และอุตสาหกรรมเหมืองแร่ และหากพิจารณาเป็นรายประเทศที่บริษัทย้ายฐานการผลิตไปลงทุนมากที่สุด คือ กลุ่มประเทศอาเซียน 124,071 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งต้องการรองรับประชาคมอาเซียน (เออีซี) และประเทศในกลุ่มอาเซียนที่ภาคการผลิตของไทยลงทุนจำนวนมากในปีที่ผ่านมา ได้แก่ ประเทศเมียนมาร์ 37,281.04 ล้านบาท อินโดนิเซีย 17,261.74 ล้านบาท และเวียดนาม14,464.61 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากการไปลงทุนในต่างประเทศของภาคธุรกิจไทยจำนวนมากนี้เอง ทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายในปี 2554 เป็นเงินไหลออกสุทธิทั้งสิ้น 7,093 ล้านเหรียญฯ หรือ 212,790 ล้านบาท เทียบกับปี 53 ที่กลับทิศกัน คือ มีเงินทุนไหลเข้าถึง 23,992 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยการไหลออกเงินทุนของเงินในปี 54 นั้นส่วนใหญ่เกิดขึ้นในครึ่งหลังของปี ในครึ่งปีแรกเงินทุนยังเป็นการไหลเข้าสุทธิ 883 ล้านเหรียญฯ แต่ในครึ่งปีหลังเงินทุนเคลื่อนย้ายเป็นเงินไหลออกสุทธิ 7,975 ล้านเหรียญฯ
สำหรับแนวโน้มของปี 2555 ในเดือนแรกของปีนี้ ยังคงมีนักลงทุน และภาคธุรกิจไทยส่งเงินไปลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเดือนม.ค.มียอดคนไทยไปลงทุนในต่างประเทศ 1,140 ล้านเหรียญฯ หรือคิดเป็นเงินไทย 34,200 ล้านบาท ส่วนการลงทุนโดยตรงของนักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ในปี 2554 ที่ผ่านมา ยังคงมีเงินไหลเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง โดยทั้งปีมีเงินไหลเข้าสุทธิ 7,980 ล้านเหรียญฯ หรือตีเป็นเงินบาทไทย 239,800 ล้านบาท
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมที่บริษัทไทยย้ายฐานการผลิตไปลงทุนในต่างประเทศมากที่สุด คือ อุตสาหกรรมการผลิต เช่น การผลิต อาหาร เครื่องดื่ม และเคมีภัณฑ์ อุตสาหกรรมการเงินและการประกันภัย และอุตสาหกรรมเหมืองแร่ และหากพิจารณาเป็นรายประเทศที่บริษัทย้ายฐานการผลิตไปลงทุนมากที่สุด คือ กลุ่มประเทศอาเซียน 124,071 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งต้องการรองรับประชาคมอาเซียน (เออีซี) และประเทศในกลุ่มอาเซียนที่ภาคการผลิตของไทยลงทุนจำนวนมากในปีที่ผ่านมา ได้แก่ ประเทศเมียนมาร์ 37,281.04 ล้านบาท อินโดนิเซีย 17,261.74 ล้านบาท และเวียดนาม14,464.61 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากการไปลงทุนในต่างประเทศของภาคธุรกิจไทยจำนวนมากนี้เอง ทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายในปี 2554 เป็นเงินไหลออกสุทธิทั้งสิ้น 7,093 ล้านเหรียญฯ หรือ 212,790 ล้านบาท เทียบกับปี 53 ที่กลับทิศกัน คือ มีเงินทุนไหลเข้าถึง 23,992 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยการไหลออกเงินทุนของเงินในปี 54 นั้นส่วนใหญ่เกิดขึ้นในครึ่งหลังของปี ในครึ่งปีแรกเงินทุนยังเป็นการไหลเข้าสุทธิ 883 ล้านเหรียญฯ แต่ในครึ่งปีหลังเงินทุนเคลื่อนย้ายเป็นเงินไหลออกสุทธิ 7,975 ล้านเหรียญฯ
สำหรับแนวโน้มของปี 2555 ในเดือนแรกของปีนี้ ยังคงมีนักลงทุน และภาคธุรกิจไทยส่งเงินไปลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเดือนม.ค.มียอดคนไทยไปลงทุนในต่างประเทศ 1,140 ล้านเหรียญฯ หรือคิดเป็นเงินไทย 34,200 ล้านบาท ส่วนการลงทุนโดยตรงของนักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ในปี 2554 ที่ผ่านมา ยังคงมีเงินไหลเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง โดยทั้งปีมีเงินไหลเข้าสุทธิ 7,980 ล้านเหรียญฯ หรือตีเป็นเงินบาทไทย 239,800 ล้านบาท