นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดให้การแก้ไขและป้องกันยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ตั้งเป้าลดความรุนแรงปัญหายาเสพติดให้ได้ภายใน 1 ปี โดยในปี 2555 ต้องบำบัดผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดทุกประเภทให้ได้อย่างน้อย 4 แสนคนทั่วประเทศ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้โรงพยาบาลทุกแห่งในสังกัดสามารถให้การบำบัดรักษาได้ทุกที่ และมีระบบการติดตามในชุมชน ให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ทั่วประเทศ เฝ้าระวังปัญหายาเสพติดในชุมชน และติดตามดูแลช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัดรักษาแล้ว ป้องกันการหันไปเสพยาซ้ำอีก ขณะเดียวกันให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.ควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่นำมาใช้ในการผลิตยาเสพติดอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะตามแนวชายแดน พร้อมทั้งสร้างภูมิต้านทานให้เยาวชนกลุ่มเสี่ยงในโครงการทูบี นัมเบอร์วัน ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเสพยาเสพติด เพื่อลดนักเสพหน้าใหม่
หลังผลการศึกษาของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ ในกลุ่มเยาวชนอายุ 12-24 ปี ทั้งอยู่ในระบบและนอกระบบการศึกษา กว่า 12 ล้านคน ในพื้นที่ 17 จังหวัด ระหว่างวันที่ 15 สิงหาคม-14 กันยายน 2554 พบมีเด็กและเยาวชนใช้สารเสพติด ซึ่งไม่นับรวมเหล้าบุหรี่ กว่า 1.7 ล้านคน ยาเสพติดที่ใช้มากที่สุดคือกัญชา รองลงมาคือยาบ้า และยาไอซ์ อายุเฉลี่ยที่เสพอยู่ในช่วง 15-17 ปี โดยเฉพาะยาบ้า พบว่าเริ่มเสพยาบ้าครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 7 ปีเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก จะต้องเร่งดำเนินการป้องกัน เพื่อไม่ให้เยาวชนตกเป็นทาสยาบ้า สมองถูกยาเสพติดทำลาย
หลังผลการศึกษาของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ ในกลุ่มเยาวชนอายุ 12-24 ปี ทั้งอยู่ในระบบและนอกระบบการศึกษา กว่า 12 ล้านคน ในพื้นที่ 17 จังหวัด ระหว่างวันที่ 15 สิงหาคม-14 กันยายน 2554 พบมีเด็กและเยาวชนใช้สารเสพติด ซึ่งไม่นับรวมเหล้าบุหรี่ กว่า 1.7 ล้านคน ยาเสพติดที่ใช้มากที่สุดคือกัญชา รองลงมาคือยาบ้า และยาไอซ์ อายุเฉลี่ยที่เสพอยู่ในช่วง 15-17 ปี โดยเฉพาะยาบ้า พบว่าเริ่มเสพยาบ้าครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 7 ปีเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก จะต้องเร่งดำเนินการป้องกัน เพื่อไม่ให้เยาวชนตกเป็นทาสยาบ้า สมองถูกยาเสพติดทำลาย
