เป็นที่รู้และเข้าใจกันได้ว่า “รัฐธรรมนูญ” เป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ เด็กนักเรียนท่องกันแบบไม่ต้องตรวจสอบเลยว่า “รัฐธรรมนูญ” ที่ท่องนั้นฉบับไหน ของใครร่างหรือร่างเพื่อใคร แต่ในอนาคตต้องมีการจารึกใหม่ว่า ภายใต้รัฐธรรมนูญที่ทำให้นักการเมืองชุดหนึ่งได้เกิดในสภา ได้จัดตั้งรัฐบาลและมีอำนาจล้นฟ้า ลุกขึ้นมาประณามรัฐธรรมนูญที่เปรียบเสมือนแม่ที่ให้กำเนิด เกิดการเลือกตั้งผ่านมาตั้งแต่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นรัฐบาลที่สี่แล้ว แต่แม่ที่ให้กำเนิดนี้ ยังไม่วายถูกเยาะเย้ยถากถาง เหยียบย่ำ ยังไม่ถูกใจนักการเมืองที่เปรียบเสมือนลูกที่ลุกขึ้นมาประณามว่าแม่ชั่ว เกิดจากพ่อที่มีเชื้อสายเลวมาจากการรัฐประหาร
เมื่อแม่ชั่ว พ่อเลว ก็ต้องนึกภาพดูนะครับว่า ลูกจะเป็นอย่างไร
นักการเมืองพวกนี้ต้องลุกขึ้นมาชี้หน้าด่าตัวเองหรือด่ากันเองว่าชั่วด้วยจึงจะสมน้ำสมเนื้อกัน
รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ที่นักการเมืองพรรคเพื่อไทยชมว่าดีนักดีหนานั้น เพราะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีอำนาจมากใช่ไหม ซึ่งถ้าไม่กระมิดกระเมี้ยนว่าปากเป็นนักประชาธิปไตย แต่หัวใจเป็นเผด็จการก็ต้องยอมรับกันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ทำการควบรวมพรรคการเมืองได้เกือบทั้งหมด จึงทำให้เกิดระบบเผด็จการรัฐสภา เพราะนายกรัฐมนตรีไปตอบกระทู้ในสภาไม่ถึง 10 ครั้ง และความสำเร็จที่บรรดาสาวกได้เห็นหรือชื่นชอบการใช้อำนาจเข้าแทรกแซงหรือสั่งการข้ามห้วย ข้ามกระทรวง
แม้กระทั่งการเปลี่ยนรัฐมนตรีมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย หรืออาจจะกล่าวได้ว่า ภายใต้ระบบรัฐสภาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มีอำนาจรวมศูนย์มากกว่านายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ ที่มาจากการเลือกตั้งและมีอำนาจมากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งดูได้จากการตั้งนายกรัฐมนตรีตัวแทนได้ถึงสามคน
จากความสำเร็จของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่กลับเป็นความล้มเหลวทางการเมืองไทย จึงเกิดการรัฐประหารยึดอำนาจและได้ออกรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ซึ่งเนื้อความกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ลอกมาจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 จะมาเพิ่มเติมเพื่อแก้จุดอ่อน จุดด้อยที่เปิดโอกาสให้นักการเมืองโกงบ้านโกงเมืองอย่างในอดีต ซึ่งขอยกตัวอย่างใน การกระทำที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ อย่างมาตรา 265 กำหนดไว้เลยว่า
“สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้อง
(1) ไม่ดำรงตำแหน่งหรือหน้าที่ใดในหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือตำแหน่งสมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือข้าราชการส่วนท้องถิ่น
(2) ไม่รับหรือแทรกแซงหรือก้าวก่ายการเข้ารับสัมปทานจากรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ อันมีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอน หรือเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
(3) ไม่รับเงินหรือประโยชน์ใดๆ จากหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเป็นพิเศษนอกเหนือไปจากที่หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ปฏิบัติต่อบุคคลอื่นๆ ในธุรกิจการงานตามปกติ
(4) ไม่กระทำการอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 48 บทบัญญัติมาตรานี้มิให้ใช้บังคับในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภารับเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ เงินปีพระบรมวงศานุวงศ์ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน และมิให้ใช้บังคับในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภารับหรือดำรงตำแหน่งกรรมาธิการของ รัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งในการบริหารราชการแผ่นดิน
ให้นำความในข้อ (2) (3) และ (4) มาใช้บังคับกับคู่สมรสและบุตรของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา และบุคคลอื่นซึ่งมิใช่คู่สมรสและบุตรของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภานั้น ที่ดำเนินการในลักษณะผู้ถูกใช้ ผู้ร่วมดำเนินการ หรือผู้ได้รับมอบหมายจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาให้กระทำการตามมาตรานี้ด้วย”
เพียงมาตรา 265 มาตราเดียวที่ยกตัวอย่างมาให้เห็นเป็นข้อห้ามตามกฎหมายนั้น นักการเมืองที่ทุจริตก็โวยวายแล้ว เพราะกฎหมายห้ามไปถึงคู่สมรสหรือตัวแทนหุ่น จึงเป็นการตัดช่องทางการทำมาหากินของนักการเมืองกับรัฐหรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนในการดำรงตำแหน่งหน้าที่ จึงเป็นการขัดขวางบรรดา ส.ส.ที่อยากมาเป็นเลขารัฐมนตรีหรือที่ปรึกษารัฐมนตรี ฯลฯ
ความผิดของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 จึงเป็นความผิดที่ไปขัดขวางผลประโยชน์ นายกรัฐมนตรีตัวพ่อจนถึงบรรดาไพร่พล ไม่ว่าจะเคยหากินกันง่ายๆ กับสัมปทานกิจการของรัฐหรือเอาตำแหน่งหากิน กินเงินเดือนสองทาง ตลอดจนการเอื้อประโยชน์ให้ครอบครัว
นอกจากนี้ความผิดที่ฝากให้คิดคือว่า รัฐธรรมนูญนั้นไม่ใช่ยาแก้สารพัดโรค แต่สามารถแก้ให้พวกทำผิดกฎหมายพ้นโทษได้ด้วยการเปลี่ยนสาระของรัฐธรรมนูญที่เขียนตามใจพวกมีอำนาจผูกขาดในรัฐสภา
วันนี้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ถูกประณามว่าเป็นรัฐธรรมนูญของซากเดนเผด็จการรัฐประหาร
พรุ่งนี้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2555 (ถ้ามี) จะถูกเรียกว่า รัฐธรรมนูญของซากเดนเผด็จการรัฐสภาหรือฉบับของทักษิณ เพื่อทักษิณ โดยบริวารของทักษิณ
เมื่อแม่ชั่ว พ่อเลว ก็ต้องนึกภาพดูนะครับว่า ลูกจะเป็นอย่างไร
นักการเมืองพวกนี้ต้องลุกขึ้นมาชี้หน้าด่าตัวเองหรือด่ากันเองว่าชั่วด้วยจึงจะสมน้ำสมเนื้อกัน
รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ที่นักการเมืองพรรคเพื่อไทยชมว่าดีนักดีหนานั้น เพราะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีอำนาจมากใช่ไหม ซึ่งถ้าไม่กระมิดกระเมี้ยนว่าปากเป็นนักประชาธิปไตย แต่หัวใจเป็นเผด็จการก็ต้องยอมรับกันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ทำการควบรวมพรรคการเมืองได้เกือบทั้งหมด จึงทำให้เกิดระบบเผด็จการรัฐสภา เพราะนายกรัฐมนตรีไปตอบกระทู้ในสภาไม่ถึง 10 ครั้ง และความสำเร็จที่บรรดาสาวกได้เห็นหรือชื่นชอบการใช้อำนาจเข้าแทรกแซงหรือสั่งการข้ามห้วย ข้ามกระทรวง
แม้กระทั่งการเปลี่ยนรัฐมนตรีมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย หรืออาจจะกล่าวได้ว่า ภายใต้ระบบรัฐสภาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มีอำนาจรวมศูนย์มากกว่านายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ ที่มาจากการเลือกตั้งและมีอำนาจมากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งดูได้จากการตั้งนายกรัฐมนตรีตัวแทนได้ถึงสามคน
จากความสำเร็จของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่กลับเป็นความล้มเหลวทางการเมืองไทย จึงเกิดการรัฐประหารยึดอำนาจและได้ออกรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ซึ่งเนื้อความกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ลอกมาจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 จะมาเพิ่มเติมเพื่อแก้จุดอ่อน จุดด้อยที่เปิดโอกาสให้นักการเมืองโกงบ้านโกงเมืองอย่างในอดีต ซึ่งขอยกตัวอย่างใน การกระทำที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ อย่างมาตรา 265 กำหนดไว้เลยว่า
“สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้อง
(1) ไม่ดำรงตำแหน่งหรือหน้าที่ใดในหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือตำแหน่งสมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือข้าราชการส่วนท้องถิ่น
(2) ไม่รับหรือแทรกแซงหรือก้าวก่ายการเข้ารับสัมปทานจากรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ อันมีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอน หรือเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
(3) ไม่รับเงินหรือประโยชน์ใดๆ จากหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเป็นพิเศษนอกเหนือไปจากที่หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ปฏิบัติต่อบุคคลอื่นๆ ในธุรกิจการงานตามปกติ
(4) ไม่กระทำการอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 48 บทบัญญัติมาตรานี้มิให้ใช้บังคับในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภารับเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ เงินปีพระบรมวงศานุวงศ์ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน และมิให้ใช้บังคับในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภารับหรือดำรงตำแหน่งกรรมาธิการของ รัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งในการบริหารราชการแผ่นดิน
ให้นำความในข้อ (2) (3) และ (4) มาใช้บังคับกับคู่สมรสและบุตรของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา และบุคคลอื่นซึ่งมิใช่คู่สมรสและบุตรของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภานั้น ที่ดำเนินการในลักษณะผู้ถูกใช้ ผู้ร่วมดำเนินการ หรือผู้ได้รับมอบหมายจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาให้กระทำการตามมาตรานี้ด้วย”
เพียงมาตรา 265 มาตราเดียวที่ยกตัวอย่างมาให้เห็นเป็นข้อห้ามตามกฎหมายนั้น นักการเมืองที่ทุจริตก็โวยวายแล้ว เพราะกฎหมายห้ามไปถึงคู่สมรสหรือตัวแทนหุ่น จึงเป็นการตัดช่องทางการทำมาหากินของนักการเมืองกับรัฐหรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนในการดำรงตำแหน่งหน้าที่ จึงเป็นการขัดขวางบรรดา ส.ส.ที่อยากมาเป็นเลขารัฐมนตรีหรือที่ปรึกษารัฐมนตรี ฯลฯ
ความผิดของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 จึงเป็นความผิดที่ไปขัดขวางผลประโยชน์ นายกรัฐมนตรีตัวพ่อจนถึงบรรดาไพร่พล ไม่ว่าจะเคยหากินกันง่ายๆ กับสัมปทานกิจการของรัฐหรือเอาตำแหน่งหากิน กินเงินเดือนสองทาง ตลอดจนการเอื้อประโยชน์ให้ครอบครัว
นอกจากนี้ความผิดที่ฝากให้คิดคือว่า รัฐธรรมนูญนั้นไม่ใช่ยาแก้สารพัดโรค แต่สามารถแก้ให้พวกทำผิดกฎหมายพ้นโทษได้ด้วยการเปลี่ยนสาระของรัฐธรรมนูญที่เขียนตามใจพวกมีอำนาจผูกขาดในรัฐสภา
วันนี้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ถูกประณามว่าเป็นรัฐธรรมนูญของซากเดนเผด็จการรัฐประหาร
พรุ่งนี้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2555 (ถ้ามี) จะถูกเรียกว่า รัฐธรรมนูญของซากเดนเผด็จการรัฐสภาหรือฉบับของทักษิณ เพื่อทักษิณ โดยบริวารของทักษิณ