ASTVผู้จัดการรายวัน- ธอส.โชว์ผ2554 ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ถึง 104,400 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6,987 ล้านบาท พร้อมประกาศแผนงาน ปี 2555 รุกตลาดสินเชื่อบ้าน-เงินฝาก ชี้คอนโดฯสุดฮอต คนแห่ซื้อหลังเจอวิกฤตน้ำท่วม ระบุมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยปี 54 ลด 20 % หายไปเกือบ 80,000 ล้านบาท ขณะที่ที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ ลดลง 24% เหลือ 81,500 หน่วย
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) แถลงผลการดำเนินงานปี 2554 ว่าธนาคารปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทั้งสิ้น 147,172 บัญชี เป็นเงิน 104,400 ล้านบาท มียอดสินเชื่อคงค้าง 683,762 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.72% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่ไม่รวมหนี้ส่วนขาด จำนวน 47,749 ล้านบาท คิดเป็น 7.12% ของยอดสินเชื่อรวม ลดลง 2,398 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.78% ขณะที่ทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPA) คงเหลือจำนวน 3,617 ล้านบาท ลดลงถึง 44.08% ในส่วนของสินทรัพย์ธนาคารมีสินทรัพย์รวม 712,557 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.96% ส่วนเงินฝากธนาคาร มียอดเงินฝากรวม 572,905 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.87% โดยธนาคารมีผลกำไรสุทธิจำนวน 6,987 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.96% เมื่อเทียบกับปี 2553 ที่มีกำไรสุทธิ 6,354 ล้านบาท ถึงแม้ว่าธนาคารจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตน้ำท่วมในช่วงปลายปี 2554 ที่ทำให้ธนาคารต้องปิดสาขาให้บริการชั่วคราวถึง 17 แห่ง แต่ ธอส.ยังคงร่วมฝ่าวิกฤตเคียงข้างลูกค้าให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม จำนวนทั้งสิ้นถึง 119,968 บัญชี คิดเป็นเงินต้นคงเหลือ 70,452.53 ล้านบาท
สำหรับแผนปี 55 ธนาคารจะรุกให้บริการสินเชื่อในทุกกลุ่มลูกค้า ล่าสุดได้ออกโครงการบ้าน ธอส. เพื่อสานรัก สำหรับผู้มีรายได้ไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้คงที่ 2.99% นาน 2 ปีแรก ปีที่ 3 ถึงตลอดอายุสัญญา คิด MRR — 0.50% ต่อปี (ปัจจุบัน MRR ธอส. อยู่ที่ 7.25% ต่อปี) ให้กู้สูงสุดต่อรายไม่เกิน 800,000 บาท วงเงิน 8,000 ล้านบาท และ โครงการบ้าน ธอส. เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรก อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 3 ปี วงเงิน 20,000 ล้านบาท ขณะที่การระดมเงินฝาก ล่าสุดได้ออกผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำขั้นบันได 5 เดือน (Step Up) ดอกเบี้ยสูงสุด 3.65% ต่อปี ฝากขั้นต่ำรายการละ 10,000 บาท หมดเขตวันที่ 29 ก.พ.ศก.นี้
ในส่วนทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปี 2555 หลังมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ ส่งผลให้ความนิยมซื้อคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนห้องชุดสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ในเขต กทม. และปริมณฑล รวม 34,051 หน่วย แต่ในส่วนของมูลค่าการ โอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในปี 2554 ลดลง 20% จากปี 2553 เหลือประมาณ 315,000 ล้านบาท จากยอดรวมในปี 2553 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 392,200 ล้านบาท ซึ่งที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ทุกประเภทรวมกันของปี 2554 ลดลง 24 % จากประมาณ 107,000 หน่วย ในปี 2553 เหลือประมาณ 81,500 หน่วย.
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) แถลงผลการดำเนินงานปี 2554 ว่าธนาคารปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทั้งสิ้น 147,172 บัญชี เป็นเงิน 104,400 ล้านบาท มียอดสินเชื่อคงค้าง 683,762 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.72% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่ไม่รวมหนี้ส่วนขาด จำนวน 47,749 ล้านบาท คิดเป็น 7.12% ของยอดสินเชื่อรวม ลดลง 2,398 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.78% ขณะที่ทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPA) คงเหลือจำนวน 3,617 ล้านบาท ลดลงถึง 44.08% ในส่วนของสินทรัพย์ธนาคารมีสินทรัพย์รวม 712,557 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.96% ส่วนเงินฝากธนาคาร มียอดเงินฝากรวม 572,905 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.87% โดยธนาคารมีผลกำไรสุทธิจำนวน 6,987 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.96% เมื่อเทียบกับปี 2553 ที่มีกำไรสุทธิ 6,354 ล้านบาท ถึงแม้ว่าธนาคารจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตน้ำท่วมในช่วงปลายปี 2554 ที่ทำให้ธนาคารต้องปิดสาขาให้บริการชั่วคราวถึง 17 แห่ง แต่ ธอส.ยังคงร่วมฝ่าวิกฤตเคียงข้างลูกค้าให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม จำนวนทั้งสิ้นถึง 119,968 บัญชี คิดเป็นเงินต้นคงเหลือ 70,452.53 ล้านบาท
สำหรับแผนปี 55 ธนาคารจะรุกให้บริการสินเชื่อในทุกกลุ่มลูกค้า ล่าสุดได้ออกโครงการบ้าน ธอส. เพื่อสานรัก สำหรับผู้มีรายได้ไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้คงที่ 2.99% นาน 2 ปีแรก ปีที่ 3 ถึงตลอดอายุสัญญา คิด MRR — 0.50% ต่อปี (ปัจจุบัน MRR ธอส. อยู่ที่ 7.25% ต่อปี) ให้กู้สูงสุดต่อรายไม่เกิน 800,000 บาท วงเงิน 8,000 ล้านบาท และ โครงการบ้าน ธอส. เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรก อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 3 ปี วงเงิน 20,000 ล้านบาท ขณะที่การระดมเงินฝาก ล่าสุดได้ออกผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำขั้นบันได 5 เดือน (Step Up) ดอกเบี้ยสูงสุด 3.65% ต่อปี ฝากขั้นต่ำรายการละ 10,000 บาท หมดเขตวันที่ 29 ก.พ.ศก.นี้
ในส่วนทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปี 2555 หลังมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ ส่งผลให้ความนิยมซื้อคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนห้องชุดสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ในเขต กทม. และปริมณฑล รวม 34,051 หน่วย แต่ในส่วนของมูลค่าการ โอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในปี 2554 ลดลง 20% จากปี 2553 เหลือประมาณ 315,000 ล้านบาท จากยอดรวมในปี 2553 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 392,200 ล้านบาท ซึ่งที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ทุกประเภทรวมกันของปี 2554 ลดลง 24 % จากประมาณ 107,000 หน่วย ในปี 2553 เหลือประมาณ 81,500 หน่วย.