ASTVผู้จัดการรายวัน -คนกู้บ้านเมิน “โรงการบ้านหลังแรกช่วยผู้ประสบภัย” ยอดกู้แค่ 2,000 ล้านบาท ขอเวลาอีก 1เดือนประเมินเงือนไขไม่เวิร์คหรือคนไม่กล้าซื้อบ้าน เตรียมหารือคลังทบทวนใหม่ ตั้งเป้าปี 55 ปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่ม5%
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า หลังจากได้ออกโครงการบ้านหลังแรกดอกเบี้ยร้อยละ0 เป็นเวลา 2 ปี เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาอุทกภัยช่วงที่ผ่านมาได้ทำการปล่อยกู้ไปแล้วประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นยอดปล่อยสินเชื่อที่ต่ำ โดยธอส.จะของเวลาอีก 1 เดือน เพื่อดูสถานการณ์และประเมินว่าสาเหตุที่ไม่ได้รับความสนใจมาจากอะไร
ในเบื้องต้นประเมินว่าน่าจะมาจาก 2 สาเหตุได้แก่ ปัญหาจากตัวผู้ที่ประสบปัญหาอุทกภัยอาจต้องการใช้เงินซ่อมแซมบ้าน การซ่อมรถยนต์และทรัพย์สินอื่นจึงยังไม่ต้องกาซื้อบ้านในช่วงเวลานี้ ส่วนอีกปัจจัยอาจมากจากเงื่อนไขของโครงการที่อาทิ เงื่อไขมาก ยุ่งยาก หรือสิทธิประโยชน์ไม่ตรงกับความต้องการของผู้กู้โดยหลังจากประเมินสถานการณ์และสาเหตุได้แล้ว ธอส.จะนำเรื่องเข้ารือกับนาย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อทบทวนโครงการใหม่อีกครั้ง
สำหรับการปล่อยสินเชื่อของธอส.พบว่า ในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังชะลอตัว เนื่องมาจากน้ำท่วมเมื่อปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน โดยในช่วงน้ำท่วมธนาคารปล่อยสินเชื่อได้เพียงเดือนและประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท จากปกติจะปล่อยสินเชื่อได้ประมาณ 8,000-10,000 ล้านบาทต่อเดือน ณ เดือนมกราคม 55 ธนาคารมียอดสินเชื่อปล่อยใหม่ประมาณ 5,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามธนาคารคาดว่านับจากไตรมาส 2 เป็นต้นไปตลาดจะปรับตัวดีขึ้น
ด้านแผนดำเนินงานในปีนี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ 99,000 ล้านบาท หลังจากปี 54 มียอดสินเชื่อปล่อยใหม่ทั้งสิ้น 147,172 ล้านบาท โดยมียอดสินเชื่อค้างจำนวน 683,762 ล้านบาท เป้าหมายเงินฝากเพิ่มร้อยละ 5.5 จากยอดเงินฝากปัจจุบัน 572,905 ล้านบาท เอ็นพีแอลให้ลดลงเหลือร้อยละ 6.31 จากร้อยละ 712 ในปี 54 ด้วยการเดินหน้าโครงการบ้าน ธอส. เพื่อสานรักสำหรับผู้มีรายได้น้อยไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน ดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 2.99 เป็นเวลา 2 ปี และโครงการบ้านหลังแรก รวมทั้งเดินหน้าเปิดสาขาเพิ่มเติมอีก 34 สาขา ซึ่งจะทำให้ธอส.มีสาขาครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ
สำหรับปัจจัยทางเศรษฐกิจจะส่งผลดีต่อการดำเนินงานของธอส.คือ 1.เศรษฐกิจขยายตัวได้เกินร้อยละ 4.2 การปรับค่าแรงวันละ 300 บาทการปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการ มาตรการของรัฐในการสนับสนุนซื้อที่อยู่อาศัยจะทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคมีมากขึ้น นอกจากนี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง ซึ่งมองว่าทั้งดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากน่าจะลดลงได้อีกร้อยละ 0.5 ในปีนี้ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยหนุนการซื้อบ้านได้
อย่างไรก็ตามปี 55 ยังมีปัจจัยลบที่ต้องระมัดระวัง ได้แก่การเลื่อนเปิดโครงการใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาฯ เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมช่วงที่ผ่านมา ผู้บริโภคชะลอการซื้อเพื่อรอดูความชัดเจนแผนป้องกันน้ำท่วม การมีภาระค่าใช้จ่ายซ่อมแซมบ้าน แผนลงทุนสร้างระบบขนส่งอาจชะลอไปบ้างเนื่องจากต้องการเงินไปใช้ป้องกันน้ำท่วม
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า หลังจากได้ออกโครงการบ้านหลังแรกดอกเบี้ยร้อยละ0 เป็นเวลา 2 ปี เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาอุทกภัยช่วงที่ผ่านมาได้ทำการปล่อยกู้ไปแล้วประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นยอดปล่อยสินเชื่อที่ต่ำ โดยธอส.จะของเวลาอีก 1 เดือน เพื่อดูสถานการณ์และประเมินว่าสาเหตุที่ไม่ได้รับความสนใจมาจากอะไร
ในเบื้องต้นประเมินว่าน่าจะมาจาก 2 สาเหตุได้แก่ ปัญหาจากตัวผู้ที่ประสบปัญหาอุทกภัยอาจต้องการใช้เงินซ่อมแซมบ้าน การซ่อมรถยนต์และทรัพย์สินอื่นจึงยังไม่ต้องกาซื้อบ้านในช่วงเวลานี้ ส่วนอีกปัจจัยอาจมากจากเงื่อนไขของโครงการที่อาทิ เงื่อไขมาก ยุ่งยาก หรือสิทธิประโยชน์ไม่ตรงกับความต้องการของผู้กู้โดยหลังจากประเมินสถานการณ์และสาเหตุได้แล้ว ธอส.จะนำเรื่องเข้ารือกับนาย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อทบทวนโครงการใหม่อีกครั้ง
สำหรับการปล่อยสินเชื่อของธอส.พบว่า ในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังชะลอตัว เนื่องมาจากน้ำท่วมเมื่อปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน โดยในช่วงน้ำท่วมธนาคารปล่อยสินเชื่อได้เพียงเดือนและประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท จากปกติจะปล่อยสินเชื่อได้ประมาณ 8,000-10,000 ล้านบาทต่อเดือน ณ เดือนมกราคม 55 ธนาคารมียอดสินเชื่อปล่อยใหม่ประมาณ 5,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามธนาคารคาดว่านับจากไตรมาส 2 เป็นต้นไปตลาดจะปรับตัวดีขึ้น
ด้านแผนดำเนินงานในปีนี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ 99,000 ล้านบาท หลังจากปี 54 มียอดสินเชื่อปล่อยใหม่ทั้งสิ้น 147,172 ล้านบาท โดยมียอดสินเชื่อค้างจำนวน 683,762 ล้านบาท เป้าหมายเงินฝากเพิ่มร้อยละ 5.5 จากยอดเงินฝากปัจจุบัน 572,905 ล้านบาท เอ็นพีแอลให้ลดลงเหลือร้อยละ 6.31 จากร้อยละ 712 ในปี 54 ด้วยการเดินหน้าโครงการบ้าน ธอส. เพื่อสานรักสำหรับผู้มีรายได้น้อยไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน ดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 2.99 เป็นเวลา 2 ปี และโครงการบ้านหลังแรก รวมทั้งเดินหน้าเปิดสาขาเพิ่มเติมอีก 34 สาขา ซึ่งจะทำให้ธอส.มีสาขาครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ
สำหรับปัจจัยทางเศรษฐกิจจะส่งผลดีต่อการดำเนินงานของธอส.คือ 1.เศรษฐกิจขยายตัวได้เกินร้อยละ 4.2 การปรับค่าแรงวันละ 300 บาทการปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการ มาตรการของรัฐในการสนับสนุนซื้อที่อยู่อาศัยจะทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคมีมากขึ้น นอกจากนี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง ซึ่งมองว่าทั้งดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากน่าจะลดลงได้อีกร้อยละ 0.5 ในปีนี้ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยหนุนการซื้อบ้านได้
อย่างไรก็ตามปี 55 ยังมีปัจจัยลบที่ต้องระมัดระวัง ได้แก่การเลื่อนเปิดโครงการใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาฯ เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมช่วงที่ผ่านมา ผู้บริโภคชะลอการซื้อเพื่อรอดูความชัดเจนแผนป้องกันน้ำท่วม การมีภาระค่าใช้จ่ายซ่อมแซมบ้าน แผนลงทุนสร้างระบบขนส่งอาจชะลอไปบ้างเนื่องจากต้องการเงินไปใช้ป้องกันน้ำท่วม