xs
xsm
sm
md
lg

“ทีโอเอ”บุกขายสีแดนอิเหนาหวังขึ้นแท่นอันดับ1อาเซียนรับมือAEC

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - “ทีโอเอ” เตรียมแผนรับมือ AEC ประกาศขึ้นแท่นผู้นำอันดับหนึ่งธุรกิจสีของภูมิภาค ล่าสุดบุกตลาดอินโดนีเซีย หลังเข้าทำตลาดมาแล้วเกือบทุกประเทศยกเว้นฟิลิปปินส์ คาดยอดส่งออกแตะ 2,000 ล้านบาท โอดขึ้นค่าแรงกระทบต้นทุนเล็งปรับขึ้นราคา 5-10% ดีเดย์พ.ค.นี้ พร้อมเผยน้ำท่วมหนุนยอดขายในประเทศพุ่ง 15-20% เชื่อรายได้ทั้งปี 1.6 หมื่นล้านบาท

นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้กำหนดวิสัยทัศน์ที่จะก้าวเป็นผู้นำธุรกิจสีอันดับหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดส่งออก ที่เกิดจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งการรวมตัวของ 10 ประเทศสมาชิก ทำตลาดโตจาก 65 ล้านคนเป็น 600 ล้านคน กลายเป็นตลาดที่ใหญ่และมีโอกาสทางธุรกิจสูงมาก

สำหรับแผนรับมือ AEC บริษัทฯ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเข้าไปทำตลาดสีในเกือบทุกประเทศ ยกเว้นประเทศฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย แต่ในปัจจุบันบริษัทฯเริ่มเข้าไปเปิดตลาดสีที่ประเทศอินโดนีเซียแล้ว โดยช่วงแรกจะทำแค่การกระจายสินค้าเพื่อให้ผู้บริโภคได้รู้แบรนด์ของบริษัท ซึ่งปัจจุบันมูลค่ารวมตลาดสีของอินโดนีเซียมีประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยเริ่มดำเนินการเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ในช่วงแรกบริษัทยังไม่กำหนดเป้าหมายด้านยอดขาย ส่วนประเทศฟิลิปินส์ขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนเข้าไปทำตลาดแต่อย่างใด

นายจตุภัทร กล่าวต่อว่า สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงปีที่ผ่านมา ว่า บริษัทฯ สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้มูลค่า 12,000 ล้านบาท จากยอดขายผ่านร้านค้าวัสดุก่อสร้าง หรือร้านค้าปลีกสูงสุดถึง 85% และอื่นๆ อีก 5% ซึ่งนอกจากการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้ว ส่วนหนึ่งยังมาจากการซ่อมแซมสีทาบ้านใหม่ ภายหลังน้ำลดในช่วงปลายไตรมาส 4 ทำให้มียอดสั่งซื้อสินค้าเข้ามาจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้วจนถึงเดือนมกราคมในปีนี้ มียอดขายเพิ่มขึ้น 15-20%

“ช่วงที่เกิดอุทกภัยน้ำท่วม บริษัทฯ ได้รับผลกระทบบ้าง แต่ไม่มากนัก แต่หลังจากน้ำลด กำลังซื้อเริ่มเข้ามา เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภค ที่มีกำลังซื้อเริ่มซ่อมแซมบ้าน และบางส่วนที่กำลังซื้อยังไม่เพียงพอ คาดว่าจะตัดสินใจซ่อมบ้านในปีนี้ บางส่วนจะรอตัดสินใจว่าในปีนี้จะเกิดน้ำท่วมขึ้นอีกหรือไม่ ซึ่งหากปีนี้น้ำไม่ท่วม ตนมั่นใจว่า กำลังซื้อจะกลับเข้ามาเพิ่มขึ้นแน่นอน”นายจตุภัทร์ กล่าว

ส่วนแผนการดำเนินงานในปี’55 บริษัทฯ คาดว่าจะมีการเติบโต 16% หรือมียอดขายประมาณ 14,000 ล้านบาท ส่วนรายได้จากต่างประเทศตั้งเป้าไว้ที่ 2,000 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นเป้าหมายเติบโตปี 2555 ประมาณ 16,000 ล้านบาท

สำหรับนโยบายปรับค่าแรงขึ้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท และเงินเดือนผู้ที่จบปริญญาตรี 15,000 บาท ถือเป็นปัจจัยที่อาจจะส่งผลกระทบตอ่ต้นทุนบ้าง แต่มาตรการลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ในปี พ.ศ. 2555 และลดลงเหลือ 20% ในปี พ.ศ.2556 น่าจะเป็นผลดีต่อธุรกิจ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมพร้อมรับมือความท้าทายและความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นแล้ว เช่น อาจมีการปรับราคาสินค้ากลุ่มสีทาอาคารให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ย้ายสำนักงานจากเอกมัยไปบางนาเพื่อให้เกิดความคล่องตัวด้านบริหารจัดการมากขึ้น เป็นต้น

“เราอาจจะมีการปรับราคาสินค้าของบริษัทฯขึ้นอีก 5-10% ซึ่งแล้วแต่ชนิดของสินค้า แต่เราก็ได้ประกาศปรับขึ้นราคาไปแล้ว โดยจะเริ่มทยอยใช้ราคาใหม่ช่วงประมาณเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน สาเหตุที่ต้องปรับราคานั้น ส่วนหนึ่งมาจากราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเราจะทยอยปรับเพื่อให้คู่ค้าทางพันธมิตรได้มีโอกาสปรับตัวในการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้บริโภค”
กำลังโหลดความคิดเห็น