“ชวนนท์” เผย ปชป.แต่งชุดดำไว้ทุกข์งานเลี้ยงรัฐบาลขอบคุณ ศปภ. ฉะเป็นความอับโชคของคนไทย วอนชดเชยเหยื่อน้ำท่วมไม่น้อยกว่าพวกเผาเมือง โวยเงินชดเชย 5 พันค้างกว่าล้านครัวเรือน แถมค่าซ่อมบ้าน 3 หมื่นไม่เคยได้ตามที่หาเสียง ชี้ ผอ.เขื่อนภูมิพลพูดคนละอย่างกับนายกฯ หวั่นน้ำท่วมปีนี้ไม่รอดแน่ พร้อมพาน้องไมค์วัย 14 ขวบ เหยื่อพ่อแม่ไฟดูดตายช่วงน้ำท่วมแถลง เจ้าตัวเผยรัฐไม่เคยเหลียวแล ถ้าไม่มีเงินคงต้องออกจากโรงเรียนไปทำงานเลี้ยงน้อง
วันนี้ (10 ก.พ.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการจัดงาน “รักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย” ของรัฐบาลเพื่อขอบคุณศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) และทุกฝ่ายที่มีส่วนในการแก้วิกฤตอุทกภัยปี 2554 ว่า มีการจัดงานรื่นเริง จัดวงดนตรี โดยใช้งบกว่า 10 ล้านบาท มีการประโคมเป็นข่าวใหญ่เพื่อการฉลองความสำเร็จในการแก้ปัญหาอุทกภัยปี 2554 หรือเลี้ยงฉลองความสำเร็จล่วงหน้าในแผนแก้ไขป้องกันในปี 2555 จึงขอฝากไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และผู้เกี่ยวข้องในรัฐบาลว่า วันนี้ประชาชนหลายคนยังทนทุกข์อยู่กับสิ่งที่อุทกภัยทิ้งไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน ทรัพย์สินเสียหาย หนี้สินเพิ่มขึ้น ปัญหาทางเศรษฐกิจรุมเร้ามากมาย
ที่สำคัญคือ การสูญเสียบุคคลที่รัก ซึ่งขณะนี้หลายครอบครัวยังไม่ได้รับการชดเชย โดยตัวเลขชดเชยล่าสุดเฉพาะเงินชดเชยครัวเรือนละ 5,000 บาท ขณะนี้มีค้างอยู่ 1,264,446 ครัวเรือน จึงฝากเป็นประเด็นถกเถียงในงานเลี้ยงของนายกฯ ด้วย นอกจากนี้ยังมีในส่วนที่ยังไม่ได้ชดเชย ได้แก่ ค่าซ่อมบ้าน 3 หมื่นบาทตามที่นายกฯ ไปสร้างเกมโชว์ที่จังหวัดนครสวรรค์ ขณะที่ประชาชนที่จังหวัดอ่างทองจมมิดหลังคา ได้ชดเชยเพียง 125 บาท และ 70 บาท และในวันนี้นายกฯ ก็ไม่เคยพูดถึงปัญหาการบริหาร 4 เดือนที่ผ่านมาที่ผิดพลาดของรัฐบาลเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างแถลงข่าว นายชวนนท์ได้นำ ด.ช.บุญชัย ซุ่นสกุล หรือน้องไมค์ อายุ 14 ปี ซึ่งสูญเสียทั้งบิดาและมารดาจากไฟฟ้าดูดในช่วงน้ำท่วม คือ นายวรวุฒิ ซุ่นสกุล และนางปัทมา ซุ่นสกุล ที่ตำบลบางกร่าง อำเภอเมืองฯ จังหวัดนนทบุรี มาร่วมแถลง โดยนายชวนนท์บรรยายว่า นี่คือตัวอย่างที่รัฐบาลละทิ้ง โดยครอบครัวน้องไมค์ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเลยแม้แต่บาทเดียว ทั้งที่เหตุการณ์ผ่านมากว่า 3 เดือนแล้ว แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ติดต่อให้ความช่วยเหลือเลย ซึ่งน้องไมค์ต้องรับผิดชอบดูแลน้องชายวัย 7 ขวบอีกคน ทั้งที่การเสียชีวิตของพ่อแม่น้องไมค์เกิดจากรัฐบาลปล่อยปละละเลย ปล่อยน้ำเข้ามาจังหวัดนนทบุรี ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รับการแจ้งเตือน เมื่อมีปริมาณน้ำเข้ามามาก รัฐบาลยังไม่มีมาตรการใดๆ รองรับความปลอดภัย การเสียชีวิตดังกล่าวเกิดจากทั้งสองพยายามปรับปรุงบ้านให้มีความพร้อมเพื่อให้ลูกอาศัยอยู่ได้ นี่คือชะตากรรมคนไทยที่ต้องเอาตัวรอดกันเองในยุครัฐบาลทักษิณคิด-เพื่อไทยทำ กรณีน้องไมค์และอีก 2 กรณี ซึ่งเสียชีวิตจากไฟดูดและติดเชื้อจากการอยู่กับน้ำท่วมเป็นเวลานานได้เข้าร้องเรียนกับพรรคประชาธิปัตย์
นายชวนนท์กล่าวต่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ระบุว่าน้ำท่วมที่อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เกิดจากความตั้งใจปล่อยน้ำของเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ถามว่าเป็นนายกฯ ประเภทไหน ตั้งใจปล่อยน้ำมารังแกประชาชน ถ้ารู้ก่อนทำไมไม่เตือนให้ชาวบ้านได้เตรียมตัวรับน้ำ แต่ ผอ.เขื่อนภูมิพลกลับบอกว่าไม่ใช่ เป็นการปล่อยน้ำเพิ่มเติมเพื่อทำนา และนำไปใช้ในระบบชลประทานได้หมด และสาเหตุมาจากฝนตกที่ปลายน้ำ แล้วประชาชนจะเชื่อได้อย่างไร ในเมื่อพูดกันคนละอย่าง ข้อมูลพัลวันไปหมด ถามว่าที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์พูดว่าจะสร้างฟลัดเวย์และแก้มลิงเหนือจังหวัดนครสวรรค์ 1 ล้านไร่ และเหนือจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 1 ล้านไร่ก่อนน้ำมา วันนี้ยังไม่กำหนดพื้นที่ จึงฟันธงได้ว่าถ้านายกฯ ยังมีกิจกรรมเสริมจังหวะทุกวันแบบนี้ พวกเราไม่รอดในเหตุน้ำท่วมปี 2555 แน่นอน
“วันนี้ผมและหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์จึงแต่งชุดดำเพื่อไว้ทุกข์ให้การจัดงานของรัฐบาลครั้งนี้ ไว้ทุกข์กับความอับโชคของคนไทยที่ได้รัฐบาลนี้มาบริหาร และความสูญเสียที่อาจเกิดอีกในปี 2555 อยากให้รัฐเข้าไปดูแลผู้เสียชีวิตจากความประมาทเลินเล่อ ขอรัฐให้ได้เงินชดเชยไม่น้อยกว่าพวกเผาบ้านเผาเมือง 7.75 ล้านบาท อยากให้รัฐสำนึกในการแก้ปัญหาให้ประชาชน ขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในงานเลี้ยงได้ตระหนักและกลับไปคิด ในฐานะเป็นลูกผู้หญิงกับเด็กคนหนึ่งที่ไม่มีใครอยู่ด้วยแล้ว วันนี้จะช่วยเขาอย่างไร และยังมีญาติผู้เสียชีวิตอีก 815 คน จะอยู่อย่างไร” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ด้าน ด.ช.บุญชัย หรือน้องไมค์ กล่าวว่า ขณะนี้ต้องไปอาศัยอยู่กับปู่-ย่า และขอฝากรัฐบาลช่วยสนับสนุนเพราะขาดทุนการศึกษาเรียนต่อทั้งตนและน้องอายุ 7 ขวบ ปัจจุบันตนเรียนชั้น ม.3 ถ้าไม่มีทุนการศึกษาคงออกจากโรงเรียนเพื่อทำงานเลี้ยงน้อง เพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐใดๆ แม้แต่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และเมื่อเดือนที่แล้วได้ไปยื่นเอกสารไว้กับทางอำเภอ เจ้าหน้าที่บอกว่าหัวหน้าครอบครัวได้ 6 หมื่นบาท และให้รอ แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีการติดต่อใดๆ มาเลย