ไม่ใช่รัฐบาลปูทำไม่ได้

สะเก็ดไฟ

“การตั้งสำนักนโยบายและการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย หรือ สนอช. และกรรมการอีกหลายชุด ถือว่าซ้ำซ้อน และจะยิ่งทำให้การบริหารจัดการน้ำล่าช้าออกไปอีก และไม่คิดว่าการที่นายกรัฐมนตรีไปเป็นประธาน สนอช.จะแก้ปัญหาได้ โดยไม่ขอยืนยันว่า น้ำจะไม่ท่วมเหมือนปี 2554”

เป็นคำกล่าวโดยสรุปของ นายปราโมทย์ ไม้กลัด กรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ หรือ กยน. ที่ทำให้คนไทยต้องทำใจแต่เนิ่นๆ เพื่อรับสภาพเปียกทัั้งประเทศ เพราะว่า

“น้ำท่วมปีนี้ เอาไม่อยู่ค๊า”

หลังจาก ศปภ.ที่มี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม และรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ทิ้งผลงานชิ้นโบว์ดำให้คนไทยดูต่างหน้าด้วยความขมขื่น

ตาย 815 ศพ เศรษฐกิจชาติเสียหายคิดเป็นมูลค่า 1.4 ล้านล้านบาท นิคมอุตสาหกรรมจมน้ำ 7 แห่ง ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเกินครึ่งประเทศ บางพื้นที่ต้องลอยคอใช้ชีวิตอยู่ในน้ำนานเกือบสามเดือน

ขณะที่ประชาชนอีก 5 แสนคน ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา และในบางพื้นที่โยนเศษเงินให้ซ่อมบ้านในจำนวนที่กินข้าวได้ไม่อิ่มครบสามมื้อด้วยซ้ำ

จำนง กิ่งโพธิ์ ต.บางระกำ บอกว่าบ้านตัวเองเป็นบ้านปูนชั้นเดียว บานประตู วงกบเสียหาย ได้ค่าชดเชย 350 บาท

อัญชลี สุขคำ ชาวต.บางระกำ อ.โพธิ์ทอง อ่างทอง บอกหลังจาก อบต.สำรวจความเสียหายแล้วจ่ายให้ 125 บาท

ไหนล่ะ 3 หมื่นที่รัฐบาลประกาศ

ไหนล่ะ 3 หมื่นที่ ยิ่งลักษณ์ไปถ่ายภาพหมู่ให้ชาวบ้านคลี่เงินโชว์สร้างภาพ

ในขณะที่ประชาชนจำนวนมากยังต้องดิ้นรนเพื่อฟื้นฟูชีวิตตัวเอง นอกจากคนเป็นผู้นำไม่ใส่ใจที่จะคลี่คลายความทุกข์ให้ประชาชนแล้ว ยังเหยียบย่ำทำร้ายจิตใจคนไทยอ่างเลือดเย็นด้วยการจัดงานฉลอง “เอาอยู่” ให้กับ ศปภ. ก่อนจะแปลงร่างมาเป็นงานเลี้ยงสมานฉันท์ ยัดเยียดให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นหนึ่งในไม้ประดับต้นปรองดองให้กับ ยิ่งลักษณ์

ไม่มีใครหน้าไหนใน ครม.ชุดนี้ที่ออกมาแสดงความเดือดเนื้อร้อนใจกับการระบายน้ำในเขื่อนจนทำให้ชาวเสนา จังหวัดอยุธยาจมน้ำในหน้าร้อน!!!!

ทั้งๆ ที่ชาวบ้านเหล่านั้นเพิ่งผ่านพ้นจากการจมน้ำมาได้แค่ 2 เดือน

หรือเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ของรัฐบาลที่ต้องการให้คนไทยเป็นชาติแรกที่มีวิวัฒนาการเปลี่ยนจากหายใจทางจมูกมาเป็นหายใจทางเหงือก โดยมีชาวอยุธยาเป็นหนูทดลอง!

“ไม่เป็นห่วงควบคุมได้ เดี๋ยวจะให้ชะลอบ้างเพื่อให้น้ำนี้ระบายไปก่อน แต่เป็นส่วนที่ดีที่เราได้มีการระบายน้ำเพื่อไล่น้ำ จะได้รู้ว่ามีผลกระทบส่วนไหนจะเร่งหาทางระบายน้ำให้เร็ว”

เป็นคำตอบของ “ยิ่งลักษณ์” เกี่ยวกับปัญหาน้ำท่วมล่าสุดที่อยุธยา

ถอดรหัสจากคำพูดนี้ก็คือ น้ำท่วมอยุธยาเป็นไปตามแผนการระบายน้ำของรัฐบาล และเป็นเรื่องดีที่น้ำท่วมเพราะจะได้รู้ว่าเมื่อระบายน้ำจากเขื่อนแล้วจะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง

อุแม่เจ้า!!! เอาสมองส่วนไหนคิด

หรือ “ยิ่งลักษณ์” ต้องการตอกย้ำความเจ็บปวดให้คนไทยได้ซึมซับความขมขื่นจากการมีนายกรัฐมนตรีใช้สคริปต์มากกว่าใช้สมองเสียให้เต็มอิ่ม

เพราะถ้าคนไทยโชคดีกว่านี้ ได้นายกรัฐมนตรีมีสติปัญญาใช้สมองในการบริหารประเทศ สิ่งที่คนไทยจะต้องได้ยินจากรัฐบาลเป็นอันดับแรกก่อนที่จะมีการระบายน้ำจนท่วมบ้านประชาชนคือ

แผนการระบายน้ำในเขื่อนจะมีการระบายน้ำปริมาณเท่าไหร่ในแต่ละวัน และพื้นที่ใดที่อาจได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำดังกล่าว มีพื้นที่ไหนที่ต้องดูแลเป็นพิเศษเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าท่วมบ้านเรือน ทรัพย์สินของประชาชนจนได้รับความเสียหายหรือไม่ น้ำที่ระบายไปจะใช้เวลาเดินทางเท่าไหร่กว่าจะไปถึงในแต่ละพื้นที่ การเยียวยาของรัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไรในกรณีที่มีประชาชนได้รับผลกระทบ

แต่ไม่มีอะไรในกอไผ่ เพราะรัฐบาลไม่ได้ให้ความสนใจกับการให้ข้อมูลพื้นฐานแต่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะลดความทุกข์ยากให้กับประชาชน เพราะมันไม่ใช่เมกะโปรเจกต์ที่ต้องใช้เงิน แต่ต้องใช้ต้นทุนทางสมองมาบริหาร

เพียงแค่เตือนชาวบ้านล่วงหน้า เขาก็จะเตรียมความพร้อมในการดูแลชีวิตและทรัพย์สินของตัวเอง ซึ่งจะช่วยลดภาระของภาครัฐในการดูแลประชาชนได้อีกทางหนึ่งด้วย

เมื่อไม่มีการเตือน ก็ไม่น่าแปลกใจที่นอกจากชาวบ้านจะขนของหนีน้ำไม่ทันแล้ว ยังต้องตกอกตกใจกับความวิปริตอาเพทกับปรากฏการณ์น้ำท่วมในหน้าร้อนด้วย

นี่ถ้าไม่ใช่ “ยิ่งลักษณ์” ทำไม่ได้จริงๆ

เป็นปรากฏการณ์ที่ตรงตามที่ “คางคกตู่” เคยพูดไว้ว่า มีพรรคการเมืองปล่อยน้ำท่วมชาวบ้านล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพียงแต่ว่า “คางคกตู่” ให้ข้อมูลผิดพลาดในเรื่องของพรรคการเมือง เพราะน้ำจากเขื่อนที่ท่วมชาวเสนาอยุธยาอยู่ในเวลานี้ คือฝีมือการบริหารของรัฐบาลเพื่อไทย ซึ่ง ยิ่งลักษณ์ ยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่า ที่ชาวเสนา-อยุธยาจมน้ำในวันนี้ เป็นไปตามแผนการระบายน้ำของรัฐบาลเอง

“คางคกตู่” ต้องไปจัดการกับ “ยิ่งลักษณ์” ที่ปล่อยน้ำท่วมชาวบ้านล้มรัฐบาลปู