xs
xsm
sm
md
lg

“ปู”ปัดทับซ้อน เลือกแจง“รัฐสภาเฟซบุ๊ค”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- “ปู”เลือกแจง ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ผ่านเฟซบุ๊ค ไม่ได้หนีสภาฯ ออกตัวคุยนักธุรกิจหลายคนไม่มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน-ฟลัดเวย์ “มท.1”พูดไปได้ไม่แคร์ !"กลุ่มบริษัทพฤกษาฯ"จะมองอย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(23 ก.พ.55) นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ได้โพตส์ข้อความ เชิงขำขันหลังเป็นผู้เปิดประเด็น “ว.5 ชั้น 7 โฟร์ซีซั่นส์” ว่า “รู้ตัว 6-7 คนที่อยู่โฟร์ซีซั่นแล้ว..เป็นพนักงานบริการของโรงแรม 2 คนและเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตาม 4 คน..ที่เหลือเป็นจิ้งจกและกระจกเงา..55555”

ก่อนหน้านั้น นายเอกยุทธ ยังโพตส์ว่า “ข่าวที่บอกว่ากิตติรัตน์ คุยอยู่ด้วยนั้น..หากยืนยันว่าขึ้นไปคุยกับยิ่งลักษณ์..ผมขอบอกว่า..ผมเห็นกิตติรัตน์เดินออกไปจากโรงแรมก่อนที่ยิ่งลักษณ์จะมาถึงและมีขบวนนักข่าวตามไปส่งรวมถึง ดร.วิชิต ที่เดินไปส่งด้วย..หากกล้าบอกว่าคุยอยู่ด้วยก็คงเป็นวิญญาณแล้วครับ..ของดู CCTV. หน่อยซิครับ..อย่าเอาแต่พล่ามเลย..”

“มันยากตรงไหนที่หากจะบอกว่ามีใครขึ้นไปคุยด้วย? และคุยที่ชั้นไหน ที่ใด? เรื่องใด? เพราะหากเป็นการพูดคุยเพื่อประโยชน์ของชาติแล้ว ก็ไม่เป็นสิ่งที่ต้องปิดบัง..นอกเสียจากว่าหาคนโกหกร่วมด้วยไม่ได้เท่านั้น..”

**ปูไม่แจงสภาแต่แจงผ่านเฟซบุ๊ค

วันเดียวกัน เวลาประมาณ 15.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่าน เว็บไซต์เฟซบุ๊คในหน้าแฟนเพจ Yingluck Shinawatra โดยมีการชี้แจงเกี่ยวกับข้อสงสัยการเดินทางไปพบกลุ่มบุคคล ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ เมื่อวันที่ 8 ก.พ.55 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า “จากที่มีการโจมตีกล่าวหาดิฉันกรณีการเดินทางไปพบกลุ่มบุคคล ณ โรงแรม โฟร์ซีซั่นส์ เมื่อวันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ 2555 นั้น ดิฉันขอโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้

1.ประเด็นต่อข้อกล่าวหาเรื่อง “หนีการประชุมสภา ไม่รับผิดชอบต่องานสภา”

ดิฉันขอเรียนชี้แจงว่า ดิฉันทราบดีและภูมิใจเสมอที่พี่น้องประชาชนได้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้ดิฉันเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ด้วยอีกสถานะหนึ่งประชาชนก็ได้ให้ความไว้วางใจภายใต้ระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาให้ดิฉันเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ดังนั้นในแง่ของการทำงานดิฉันถือเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารราชการแผ่นดิน ที่ต้องทำหน้าที่บริหารให้ได้รับประโยชน์สูงสุดตามหลักการของการบริหารราชการที่ดี การใดที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดินเป็นเรื่องที่ต้องกระทำ แต่ใช่ว่าจะไม่เคารพสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นประกอบด้วยตัวแทนประชาชนเช่นเดียวกับดิฉัน

สำหรับข้อกล่าวหาต่อดิฉันว่าหนีการประชุมสภาฯและไม่รับผิดชอบต่องานสภาฯนั้น ไม่เป็นความจริง ดิฉันขอชี้แจงว่าการประชุมสภาฯ เมื่อวันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ 2555 ทราบว่าในวันดังกล่าวมีวาระรับทราบในเรื่องต่างๆ แต่ไม่มีประเด็นที่นายกรัฐมนตรีต้องเข้าประชุมเพื่อชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และในวันดังกล่าว เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจในฐานะนายกรัฐมนตรีที่มีการนัดหมายไว้ก่อนหน้าแล้ว ดิฉันก็ได้เดินทางมาที่อาคารรัฐสภา เพื่อร่วมรับฟังและสอบถามเกี่ยวกับประเด็นที่มีการอภิปรายอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร ทั้งยังได้ลงชื่อในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในเวลาประมาณ 16.16 น. ด้วย

2.ประเด็นต่อข้อกล่าวหาเรื่อง “ไม่มาตอบกระทู้ของ ส.ส.รังสิมา รอดรัศมี”

กระทู้ถามของ ส.ส.รังสิมา รอดรัศมี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555 เป็น การตั้งกระทู้ถามสดซึ่งในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 11.00 น. ดิฉันอยู่ในระหว่างการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ต่อเนื่องจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัย และการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวมีความต่อเนื่องในการปฏิบัติหน้าที่มาตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2555 ดังที่สื่อมวลชนได้ติดตามรายงานอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้น อย่างไรก็ดี เมื่อทราบว่ามีผู้ตั้งกระทู้ถามสดเกี่ยวกับตัวดิฉันในฐานะนายกรัฐมนตรี ดิฉันได้มอบหมายให้ พลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตอบกระทู้ถามสดแทนตัวดิฉัน ซึ่งเป็นสิ่งที่พึงกระทำได้ตามข้อบังคับของสภา

3.ประเด็นต่อข้อกล่าวหาเรื่อง “การเดินทางไปโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ เป็นเรื่องส่วนตัว กระทำผิดจริยธรรม และมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน”

ดิฉันขอเรียนว่าในวันดังกล่าวดิฉันได้ไปพบกับกลุ่มนักธุรกิจภาคเอกชนจำนวนหลายคนที่ชั้น 7 ซึ่งเป็น Executive Club ของโรงแรมดังกล่าว เป็นสถานที่เปิดเผย และเป็นการเดินทางไปเพื่อการรับฟังสภาพปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและสถานการณ์บ้านเมือง ทั้งเป็นการรับฟังข้อเสนอแนะและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอันจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อการบริหารราชการแผ่นดิน โดยในการเดินทางไปครั้งนี้มีผู้พบเห็นเหตุการณ์จำนวนมากไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงแรม พนักงานบริการ หรือหน่วยรักษาความปลอดภัย อย่างไรก็ตามด้วยผู้ที่มาพบหารือไม่ต้องการที่จะปรากฏเป็นข่าว กำหนดการนี้จึงไม่มีการแจ้งสื่อมวลชนแต่ประการใด

ในวันนั้น ไม่มีการพูดจาเรื่องธุรกิจส่วนตัว ไม่มีการพูดถึงการเวนคืนที่ดินเพื่อเป็นที่รับน้ำหรือเป็นพื้นที่น้ำผ่าน ที่เรียกว่า ฟลัดเวย์ (Flood Way) พื้นที่แก้มลิงและอ่างเก็บน้ำ การชะลอการประเมินราคาที่ดิน หรือเรื่องอื่นเรื่องใดที่จะเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อผู้ใดโดยเฉพาะตามที่มีการกล่าวหา

ดิฉันใคร่ขอชี้แจงด้วยว่า ที่ดิฉันไม่ได้โต้ตอบข้อกล่าวหาที่ไร้สาระนี้แต่ต้น เพราะดิฉันเห็นว่าเป็นเกมการเมืองซึ่งดิฉันไม่ถนัด ดิฉันอาสาประชาชนมาเพื่อทำงาน และดิฉันเป็นนักบริหารที่เชื่อว่าผลงานจะเป็นบทพิสูจน์ความจริงใจ ทั้งนี้ขอยืนยันอีกครั้งว่า ดิฉันจะไม่ทำการใดๆอันเป็นการหาผลประโยชน์ส่วนตน เอื้อประโยชน์ใครคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทุกอย่างที่ดิฉันทำก็เพื่อความผาสุกที่ยั่งยืนของพี่น้องประชาชนทุกคน”

**'เอกยุทธ'อัดแจง ว.5 ไม่ตรงประเด็น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเอกยุทธ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊คว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ค ชี้แจงข้อกล่าวหา และข้อกังขานั้น เป็นคนละประเด็นกับที่สังคม และประชาชนผู้เสียภาษีกังขา ไม่ตอบว่า พบใคร กี่คน ที่ชั้นไหน คุยเรื่องอะไร และทำไมไม่เอา CCTV มาโชว์ให้ประชาชนเห็น และตอบให้ตรงประเด็น การชี้แจงแบบนี้ก็เหมือนเอาสีข้างเข้าถูครับ ดูถูกประชาชนผู้เสียภาษีว่าโง่ จะตอบ จะบอกอะไร ก็ต้องฟังหรืออย่างไรครับ

พร้อมกันนี้ ในอีกไม่กี่นาทีต่อมา นายเอกยุทธ ก็ได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมในประเด็นเดียวกันว่า การที่ นักการเมืองฝ่ายมีอำนาจ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ ส.ส.ที่ออกมาทำหน้าที่ตรวจสอบแทนประชาชน ในกรณีโฟร์ซีซั่น แต่ไม่เห็นทางฝ่ายรัฐบาล เร่งรัดเจ้าหน้าที่ให้หาตัวคนทำร้ายผมเลย นี่แหละนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล สุดยอดของการรับใช้ อำนาจมีไว้ปกป้องพวกตัวเองมากกว่า ประชาชนผู้เสียภาษี เอาใจช่วย 3 ส.ส.ที่ถูกแจ้งความครับ ผมจะไปเป็นพยานให้

เมื่อแจ้งความหมิ่นประมาท ส.ส.ทั้ง 3 แล้ว ตอนนี้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 3 สามารถใช้สิทธิทางกฎหมายขอพยานหลักฐานจาก CCTV มาประกอบคดีได้แล้ว ดูซิว่า พวกอวดฉลาดใช้กฎหมายจะทำอย่างไร หาก CCTV ถูกลบ หรือ หาย ก็จะถูกสังคมตัดสินเอง แต่หากสามารถเอา CCTV ออกมาให้สังคมดูได้ คงหน้าแตกและได้เฮกันติดตามกันใกล้ชิดครับกำลังเข้าสู่จุดจบของเรื่องแล้ว

**มท.1เชื่อ“พฤกษา”มองอย่างไรไม่แคร์

ที่รัฐสภา นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการปรับผังเมืองใหม่ของรัฐบาลตามแผนของกยน. แต่มีปัญหาเกิดขึ้นหลังจากที่นายกฯไปพบนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จึงทำให้เกิดคำถามและปัญหาขึ้นจะอธิบายอย่างไร ว่า ไม่มีอะไรสลับสับซ้อน ใครๆก็สามารถไปพบนักธุรกิจได้ ตนก็ไปพบได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด

ส่วนการไปพบนักธุรกิจอสังหาฯในระหว่างที่รัฐบาลกำหนด นโยบายสาธารณะที่อาจมี ผลประโยชน์เกี่ยวกับเรื่องที่ดินคิดว่าเหมาะสมหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ความคิดของคนก็สามารถมองได้ แต่ตนมองคนในแง่สร้างสรรค์ในแง่บวกไม่เคยคิดถึงคนในแง่ลบ และในแง่ที่เป็นสิ่งที่ไม่ดี ตนไม่เข้าใจคำถามและ ความรู้สึกของคนที่มาถามเลย

ส่วนทำไมนายกฯจึงไม่เลือกไปพบนักธุรกิจทางด้านอสังหาฯ ที่เขามีตัวแทนอยู่แล้ว แต่กลับเลือกไปพบนักธุรกิจรายใหญ่เพียงสองถึงสามราย นายยงยุทธ กล่าวว่า ตนไม่ทราบในรายละเอียด แต่คิดว่าการไปพบแบบนี้นายกฯคงมีเหตุผลของท่านเอง เพราะเป็นผู้นำประเทศ ถ้าหากเราดูแคลนผู้นำประเทศ ว่าถ้าไปคุยกับใครแล้วเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ไม่ดีไม่งามก็จะเป็นการดูแคลนผู้นำประเทศเกินไป และไม่เฉพาะผู้นำประเทศ แต่อาจจะเป็นสตรีทั่วไปที่ไปคุยกับผู้ชายแล้วถูกเหมาว่าเป็นการไปคุยกันในเรื่องชู้สาว มันคงเกินเลยขอบเขตคุณธรรมจริยธรรม

ส่วนหากการที่นายกฯไปพบนักธุรกิจเพียงสองถึงสามราย จะทำให้นักธุรกิจรายอื่นรู้สึกหรือไม่ว่า ไม่มีสิทธิเข้าหาหรือเข้าพบนายกฯได้เพราะไม่มีความสนิทสนมอย่างกลุ่มพฤกษาเรียลเอสเตรท (บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS ) นายยงยุทธ กล่าวว่า ตนก็ไม่แน่ใจว่าทางกลุ่มพฤกษาเขาจะพูดอย่างนั้นหรือไม่

กรณีจะทำให้นักธุรกิจเกิดความมั่นใจว่ารัฐบาลจะกำหนดกติกาเพื่อสร้างเศรษฐกิจที่เป็นธรรม นายยงยุทธ กล่าวว่า ก็ต้องเข้าใจอย่างนั้นส่วนใครจะเข้าใจเป็นอย่างอื่นตนไม่ทราบ กลุ่มพฤกษาจะเข้าใจเป็นอย่างไร ตนก็ไม่ทราบและถ้ามีความเชื่อมั่นในตัวนายกฯ เมื่อท่านคิดทำอะไรแล้วก็ต้องมีเหตุมีผลและเพื่อส่วนรวม ตั้งแต่หาเสียงความคิดของนายกฯต้องการทำเพื่อประชาชนและเทศชาติอยู่ทุกลมหายใจไม่มีเรื่องส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องสักนิด

** ประชายอมใส่กระโปรงเห่าหอน

นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าที่นัดวันที่ 24 ก.พ.ไปโรงแรมโฟซีซั่น อีกครั้งนั้นไม่สามารถไปได้แล้ว เนื่องจากติดการประชุมพิจารณาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากเดินทางไปจะเจอเล่นงานเหมือนนายกฯ ที่ถูกกล่าวหาว่า ไม่ให้ความสำคัญกับการประชุมรัฐสภา ใช้เวลาราชการไปเรื่องส่วนตัว แต่ยังมีความตั้งใจจะเดินทางไปอยู่ โดยจะขอเลื่อนไปเป็นวันที่ 26 หรือ 27 ก.พ. 2555 ตนจะโทรศัพท์ไปจองห้องพักกับโรงแรม ขึ้นอยู่ว่าจะมีห้องพักว่างวันไหน และจะยอมควักกระเป๋าเสียเงินจองห้องพักชั้น 7 ราคา 20,000 กว่าบาท เพื่อพาไปดูว่า บนชั้น 7 มีห้องประชุมพิเศษอยู่จริง และภายในห้องมีทั้งโต๊ะประชุมขนาดใหญ่ โซฟาหลายตัว มีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่มีแต่ห้องพักตามที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหา

ทั้งนี้ยังท้าให้นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา และนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปด้วยกัน เพื่อพิสูจน์ความจริง หากพบว่า มีแต่ห้องพักเพียงอย่างเดียว ตนจะยอมใส่กระโปรง เดินเห่าหอนรอบโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์

**ปชป.จี้ก่อนแจงผู้ตรวจให้แจงปชช.

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมที่จะไปชี้แจงผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่า เป็นหน้าที่ที่นายกรัฐมนตรีต้องไปชี้แจงตามรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจผู้ตรวจการแผ่นดินเอาไว้อยู่แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือในฐานะที่นางสาวยิ่งลักษณ์เป็น ส.ส. เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง นอกจากมีความรับผิดชอบตามรัฐธรรมนูญแล้ว ยังต้องมีความรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชนคนไทยด้วย

ดังนั้น ก่อนที่จะเข้าชี้แจงต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน สิ่งที่นางสาวยิ่งลักษณ์ต้องทำเป็นอันดับแรกคือ การชี้แจงต่อประชาชนให้ชัดเจนว่า ในภารกิจว.5 นั้น ได้พบกับนักธุรกิจรายใดบ้าง มีการหารือในเรื่องอะไร เกี่ยวพันกับการกำหนดนโยบายด้านที่ดินที่จะนำไปสู่ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ การเลื่อนประกาศราคาประเมินที่ดินใหม่และผังเมืองใหม่ออกไป เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หรือไม่

“น.ส.ยิ่งลักษณ์อ้างว่าไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน รวมถึงโครงการฟลัดเวย์ใดๆ ทั้งสิ้น ในวันนี้เราไม่ทำอยู่แล้ว ปัญหาของประชาชนก็ทุกข์ยาก เราคงไม่ทำเรื่องนี้ซ้ำเติมพี่น้องประชาชน และอ้างว่ารายละเอียดได้ชี้แจงไปหมดแล้ว ไหนล่ะครับรายละเอียดที่บอกชี้แจงแล้ว เป็นนายกรัฐมนตรีต้องมีความรับผิดชอบในการให้ข้อมูลต่อประชาชน อย่าโกหกเพื่อเอาตัวรอด เพราะมันจะเป็นการทำลายเกียรติยศศักดิ์ศรีของคนไทยด้วยที่มีผู้นำประเทศกลับกลอกโกหกประชาชนรายวัน ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยากจะกอบกู้ชื่อเสียงของตัวเองคืนมา ต้องพูดความจริงและนำหลักฐานการพบกับนักธุรกิจที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นชั้น 7 มาเปิดเผยเพื่อให้สังคมสิ้นสงสัย แต่ถ้าไม่กล้านำเทปจากกล้องวงจรปิดมาเปิดเผยก็เท่ากับยอมรับว่าไม่สามารถชี้แจงได้ทั้งในเรื่องความหมิ่นเหม่ต่อการทำผิดศีลธรรม และเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน” นายชวนนท์ กล่าว

**อัด “วิรุฬ” มั่วเลื่อนประเมินที่ดิน6เดือน

กรณีที่ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง ในฐานะกำกับดูแลกรมธนารักษ์ ออกมาระบุว่า การเลื่อนประเมินราคาที่ดินใหม่ออกไป 6 เดือน เป็นไปตามมติของคณะกรรมกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ โอยอ้างว่าเป็นองค์กรอิสระที่การเมืองแทรกแซงไม่ได้ว่า เป็นการโกหกประชาชนอีกครั้งของคนในรัฐบาลชุดนี้ เนื่องจากองค์ประกอบของคณะกรรมการชุดดังกล่าวตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 105 องค์ประกอบของคณะกรรมการชุดนี้ล้วนมาจากข้าราชการและบุคคลที่ รมว.มหาดไทยแต่งตั้งทั้งสิ้น จึงไม่ใช่องค์กรอิสระตามที่รมช.คลังกล่าวอ้าง

ทั้งนี้เห็นว่าสิ่งที่ นายวิรุฬ พยายามบิดเบือนประเด็นให้สังคมหลงเชื่อว่าการเมืองไม่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องถึงขนาดให้ข้อมูลเท็จกับประชาชนนั้น ยิ่งแสดงให้เห็นถึงพิรุธเกี่ยวกับนโยบายประเมินราคาที่ดินและผังเมืองว่า กำลังมีการใช้อำนาจการเมืองเข้าไปแสวงหาประโยชน์จากการกำหนดนโยบายที่ดินและผังเมืองจริง ๆ ซึ่งเรื่องนี้ตนจะติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิด และอยู่ในระหว่างการศึกษาข้อกฎหมายว่า คกก.ชุดนี้มีอำนาจเลื่อนการประเมินราคาที่ดินใหม่ออกไปหรือไม่ เพราะตามกฎหมายกำหนดชัดเจนให้ประกาศราคาที่ดินใหม่ทุก 4 ปี แต่ไม่มีข้อใดให้อำนาจ คกก.ดังกล่าวเลื่อนการประกาศราคาที่ดินใหม่ออกไป

**ศิริโชค'ชี้ปชป.มาตรฐานสูงไม่ดูถูกผู้หญิง

วันเดียกวันนายศิริโชค โสภา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ ผ่านรายการเช้าดูวู้ดดี้ ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี เมื่อถูกถามถึงกรณีมีข่าวว่าเป็นเกย์ "คงเพราะผมยังโสด ไม่มีแฟน ก็เลยมองว่าเป็นเกย์ไป แล้วยังมีคนว่าผมตะไบเล็บอีก จริงๆ ผมเป็นคนชอบกัดเล็บนะ" กรณีฮอต กับการวิจารณ์อย่างรุนแรงในรายการสายล่อฟ้า ถึงข่าว ว 5 โฟร์ซีซั่น " ในรายการจริงๆ เราก็จะเป็นการจัดรายการแบบวิจารณ์พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน มีหนักบ้าง เบาบ้าง บางครั้งมีหนักกว่านี้อีกนะ ผมต้องบอกว่าโดยมาตรฐานของพรรคประชาธิปัตย์แล้ว มาตรฐานสูงมาก พอเราไปนั่งวิจารณ์ ทำตัวเหมือนคนปกติ ก็เลยดูผิดปกติไป ผิดมาตรฐานของพรรค ผมเห็นพวกเสื้อแดงเขาจัดรายการเราดุเดือดรุนแรงกว่านี้อีกนะทำไมถึงรับได้ เพราะเขาเป็นแบบนั้น

กรณีข่าว ว 5 นายกรัฐมนตรีทำไมไม่ออกมาชี้แจง มันเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนหรือเปล่า ทำไมต้องขับรถวนไปมาแล้วมาโผล่โฟร์ซีซั่น ทำไมไม่ไปประชุมรัฐสภา คนก็ออกมาพูดกรณีกันเยอะ ผมมีเจตนาแค่ให้นายกฯออกมาพูดมาชี้แจง ไม่มีเจตนาดูหมิ่นผู้หญิงเลย เพราะอย่างน้อยผมก็มีแม่มีพี่สาวนะ นายกฯเป็นคนของประชาชน ผมก็มีสิทธิวิจารณ์กล่าวถึง เคยมีนักข่าวถามนายกว่า "การเป็นผู้หญิงมีอุปสรรคกับการทำงานหรือไม"นายกตอบว่า "ไม่มี"ฉะนั้นก็อย่าเอาความเป็นผู้หญิงมาเป็นอุปสรรคต่อคำวิจารณ์

วู้ดดี้ ถามต่อว่า วิจารณ์รุนแรงใต้สะดือสองแง่สองง่ามไปหรือเปล่า เรื่องจุดพักน้ำ "ก็ไม่นะ มันมีแนวโน้มที่เขาจะพูดกันเรื่องจุดพักน้ำแก้มลิงอะไรได้ การจัดรายการมันก็ต้องมีมุม มีมุขสนุกนานกันบ้าง ไม่มีเจตนาจะดูถูกใครใดๆทั้งสิ้น อยากให้เกิดความชัดเจนในกรณี ว 5 เท่านั้นเอง"

ต่อข้อถามกรณีหมวดเจี๊ยบออกมาตอบโต้ เรื่องนี้ เป็นการรังแกผู้หญิงไปหรือเปล่า "เขาต่างหากเหยียบย้ำผม ผมไม่ได้ว่าผู้หญิงทั้งหมด ผมเจาะจงเฉพาะคุณเจี๊ยบ สิ่งที่พูดผมก็เอามาจากบทสัมภาษณ์ของคุณเจี๊ยบที่เคยให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐออนไลน์ เรื่องว่าเคยใช้ชีวิตคบหากับแฟนอยู่ระยะหนึ่งแล้วก็เลิกรากันไป ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก (พร้อมโชว์ข้อความที่COPY มาจากไทยรัฐออนไลน์) ส่วนเรื่องโดนไล่ออก ผมก็มีเอกสาร พร้อมอ่านโชว์ในรายการเรื่องทำผิดกฎระเบียบใบตักเตือน(โชว์หลักฐาน)"

ประเด็นสุดท้ายใหม่ล่าสุดที่ ถูกวิจารณ์จาก ดร. สมเกียรติ อ่อนวิมล ว่า ไร้สติ ไร้จริยธรรม หยาบคาย ที่วิจารณ์นี้เพราะเป็นห่วงพรรคประชาธิปัตย์ " ผมจัดรายการยาว มันก็ต้องมีการปล่อยมุข หาเรื่องราวมานำเสนอ และการเป็นสส. มันไม่มีข้อบังคับมันเป็นความรับผิดชอบส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใด"

**2กลุ่มยื่นผู้ตรวจสอบปู-โต้ง

วันเดียวกัน นายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ ตัวแทนกลุ่มกรีน พร้อมคณะได้เข้ายื่นหนังสือ ต่อนายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดินฯ ขอให้ตรวจสอบจริยธรรมของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กรณีที่นายกิตติรัตน์ระบุว่าได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย ซึ่งหากเป็นการหารือในเรื่องที่เป็นข่าวจริง ก็อาจจะมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน จึงถือได้ว่ามีปัญหาทางจริยธรรมของนายกิตติรัตน์ เกิดขึ้นแล้ว เพราะนายกิตติรัตน์มีหน้าที่สำคัญในการกำหนดนโยบาย ทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ แต่กลับเอาเวลาราชการแอบไปพบกับนักธุรกิจ โดยไม่แยกแยะบทบาท ของผู้บริหารประเทศที่มีโอกาสจะชี้นำ หรือชี้ช่องทางในการแสวงหาประโยชน์ของประเทศให้กับนักธุรกิจ

อีกด้าน นางกาญจนี วัลยะเสวี นางชุมศิลป์ โสตถิปรีดาวงศ์ ตัวแทนกลุ่มพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน (เสื้อหลากสี) พร้อมคณะราว 30 คนได้เข้ายื่นเพื่อขอให้ตรวจสอบจริยธรรมของน.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีใช้เวลาราชการไปปฏิบัติภารกิจลับที่โรงแรมโฟรซีซั่น เป็นที่น่าสังเกตถึงจุดประสงค์ในการเดินทางไปของนายกฯว่าหากไม่ใช่กรณีในทางชู้สาวแล้วการไปพูดคุยนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวของนายกฯ เป็นการกระทำที่เป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนกันหรือไม่

“เมื่อยังไม่มีความชัดเจนจากนายกฯซึ่งเป็นสตรีเพศที่ตามขนบธรรมเนียมและประเพณีอันดีของไทย สตรีต้องมีความรักนวลสงวนตัว มีกิริยา ดำรงตนที่เหมาะสม ดำรงไว้ซึ่งศีลธรรมอันดี นายกฯกลับพยายามหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถาม พฤติกรรมของนายกจึงทำให้ประชาชนเกิดความเคลือบแคลงสงสัยต่อมาตรฐานการวางตนในฐานะสตรีเพศของนายก ว่าอาจเป็นการไปในประเด็นชู้สาว ทำให้กระทบต่อภาพลักษณ์สตรีเพศทั้งประเทศ ทำให้ถูกดูหมิ่น เสื่อมเสียชื่อเสียง กระทบต่อศักดิ์ศรีสตรีในภาพรวมจึงขอให้ผู้ตรวจฯตรวจสอบเพื่อจะได้ไม่ทำให้ภาพลักษณ์สตรีต้องเสื่อมเสียถูกดูหมิ่น” นางชุมศิลป์ กล่าว

ขณะที่นายศรีราชา กล่าวว่า จะนำเรื่องร้องเรียนดังกล่าว ไปรวมเป็นเรื่องเดียวกับที่กลุ่มกรีนร้องขอให้ตรวจสอบก่อนหน้า ส่วนที่โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวหาว่า ไม่เป็นกลางเข้าข้างกลุ่มกรีน ก็ขอชี้แจงว่า ไม่ว่าใครมายื่นทางผู้ตรวจการก็ต้องรับไว้ก่อนทั้งนั้น แล้วก็จะพิจารณาว่าอยู่ในอำนาจที่ผู้ตรวจฯจะรับไว้พิจารณาหรือไม่

**นายกฯส่ง"เด็จพี่"แจ้งหมิ่น

ที่สน.ลุมพินี นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมนายพิชิฏ ชื่นบาน และนายสมหมาย กู้ทรัพย์ ทีมทนายความพรรคเพื่อ ไทย เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี โดยมี พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ศรัญญู ชำนาญราช รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.ชนิน วชิรปราณีกุล ผกก.สน.ลุมพินี ร่วมรับเรื่อง กรณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมากล่าววิจารณ์นายกฯเดินทางไปโรงแรมโฟซีซั่น

ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้มอบหมายให้นายพร้อมพงษ์ พร้อมทีมทนายมาแจ้งความ เพื่อดำเนินคดีจำนวน 3 คดี คดีแรกเป็นกรณีที่ นายศิริโชค โสภา นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และเจ้าของทีวีดาวเทียมบลูสกายนิวส์ที่มีการสัมภาษณ์หมิ่นประมาทในรายการเมื่อวันที่ 15 ก.พ. กล่าวหานายกรัฐมนตรีกรณีเดินทางไปโรงแรมโฟซีซั่นว่าผิดจริยธรรม

คดีที่ 2 กรณีที่นายชวนนท์ ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ตามสื่อต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 15-21 ก.พ.ที่ผ่านมากล่าวหาว่าการเดินทางไปโรงแรมโฟซีซั่นของนายกรัฐมนตรีนั้นมีผลประโยชน์ทับซ้อนในการบริหารงานแผ่นดิน

คดีที่ 3 น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมากล่าวหา หมิ่นนายกรัฐมนตรีว่าไม่มีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งนายกฯและในฐานะผู้เป็นแม่ ซึ่งทั้งหมดถูกแจ้งในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ปรากฏในสื่อสิ่งพิมพ์และโทรทัศน์

ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จริงๆ แล้วไม่อยากแจ้งความ แต่การวิจารณ์นั้นยังไม่หยุด ทั้งๆ ที่ชี้แจงไปแล้ว จึงจำเป็นต้องปกป้องศักดิ์ศรีตัวเองตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ.
กำลังโหลดความคิดเห็น