วานนี้ ที่อาคารวิทยบริการ ม.กษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน นักศึกษาปริญญาโทสาขาบริหารและพัฒนาสังคม บัณฑิตวิทยาลัย ม.เกษตรศาสตร์ จัดสัมมนาเรื่อง บทบาทและการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการแก้ไขภัยพิบัติธรรมชาติ โดยช่วงแรก นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ และกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน (กยน.) บรรยายหัวข้อ ความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติของโลก กับผลกระทบทางภัยพิบัติที่มีต่อประเทศไทย ว่า ตนไม่การันตีว่า ภัยธรรมชาติในอนาคตจะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่จากวิทยาศาสตร์ที่ตนมีอยู่ ก็จะมีโอกาสเกิดภัยธรรมชาติแน่นอน แต่ยังไม่มีเทคโนโลยีที่จะระบุได้ชัดเจนว่า เกิดขึ้นที่ไหน และเวลาใด ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพิสูจน์ โดยภัยธรรมชาติที่สำคัญ จะเกิดจากแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ และสภาวะโลกร้อน
ทั้งนี้โลกเราเปรียบเสมือนลูกข่างที่กำลังหมุนอยู่ ซึ่งอีกไม่กี่ร้อยปี หรือล้านปี ลูกข่างก็จะหมดแรงเฉื่อย และเมื่อถึงวันนั้นโลกจะล่มสลาย ซึ่งสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ในประเทศจีน และประเทศอียิปต์ ก็เป็นตัวที่เร่งเร้าให้โลกล่มสลาย เพราะทั้ง 2 เขื่อนเป็นการกักเก็บน้ำที่ควรจะไหลไปสู่เส้นศูนย์สูตรโลก แต่ก็มีการกักเก็บไว้แทน ซึ่งการสร้าง 2 เขื่อนนี้ ก็เปรียบเสมือนการนำดินน้ำมันไปติดไว้ที่ปลายลูกข่าง จะทำให้ล้มได้ง่ายมากขึ้น
ทั้งนี้สิ่งที่น่ากังวลคือ การระเบิดของภูเขาไฟใต้น้ำ ที่ไม่สามารถเห็นได้ เพราะจะทำให้เกิดภัยภิบัติ ที่นำไปสู่คลื่นสึนามิได้ แต่ขณะนี้มีการพบปรากฏการณ์ใหม่ การระเบิดของผิวดวงอาทิตย์ ในแต่ละครั้ง จะปลดปล่อยพลังงานมหาศาล มีผลกระทบต่อโลกอย่างมากโดยเฉพาะช่วงเวลาที่โลกโคจรผ่าน ก็จะมีผลกระทบต่อเปลือกโลก
โดยเหตุการณ์ที่น้ำท่วมหนักเมื่อปี 2554 ที่มีพายุนกเต็น เกิดขึ้นในภาคเหนือของไทยนั้น จากข้อมูลพบว่า ก่อนเกิดพายุ 3 วัน มีการระเบิดของลมสุริยะ ทำให้มีปริมาณฝนในพายุต่างๆ มีมากกว่าปกติ ทำให้ไม่สามารถคำนวณข้อมูลได้ถูกต้อง
ขณะที่ประเทศไทยมีรอยเลื่อนทั้งหมด 13 รอย อยู่ในภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ โดยเฉพาะรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ กับเจดีย์สามองค์ ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สร้างเขื่อนทับรอยเลื่อนนี้ ขณะเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเคยรับสั่งกับตนว่าประเทศไทยเคยเกิดภัยพิบัติสึนามิมาแล้ว เมื่อ 100 กว่าปีก่อน ในสมัยรัชกาลที่ 5 จนกระทั่งตนได้ค้นพบข้อมูลของประเทศเนเธอแลนด์ ก็พบข้อเท็จจริงว่า แผ่นดินไหวที่เกาะสุมาตรา เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2426 มีผู้เสียชีวิตกว่า 36,000 คน โดยเหตุครั้งนั้นมีคลื่นมาถึงฝั่งตะวันตกของไทยด้วย
" จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของผม ที่ได้ศึกษามา เชื่อได้ว่าจะเกิดสึนามิอีกแน่นอน เกิดได้จาก 2 จุด ที่จะกระทบฝั่งตะวันตกของไทยฝั่งอันดามัน ตั้งแต่ จ.ระนองถึงสตูล และฝั่งตะวันออก ด้านอ่าวไทย พื้นที่ปลอดภัยที่สุดของประเทศไทย จะอยู่ที่ภาคอีสาน เพราะนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยฮาเวิร์ด ก็ศึกษาพบว่า ในไม่กี่ปีข้างหน้า พื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม จะถูกน้ำท่วมถาวร หากจะไม่ให้ท่วมก็ต้องทำเขื่อน ผมจะเสนอรัฐบาลให้สร้างเขื่อนปิดอ่าวไทย ตั้งแต่ จ.ฉะเชิงเทรา ถึง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ไม่ให้น้ำทะเลเข้ามาภายในได้ บนเขื่อนก็ให้รถวิ่งได้ และค่าสร้างเขื่อนนี้ ก็เท่ากับการสร้างรถไฟฟ้า 1 สาย ผมจะทำเรื่องถึงรัฐบาลให้พิจารณา เพราะไม่เช่นนั้นรถไฟฟ้าที่กำลังสร้างกันอยู่หลายสาย ก็จะถูกน้ำท่วม ส่วนเรื่องน้ำที่ท่วมกรุงเทพฯ ปีที่แล้ว ไม่ใช่เรื่องธรรมชาติ ต้องโทษมนุษย์ ที่บริหารไม่เป็น ซึ่งการตั้งผมเป็น กยน. ก็มีการทักท้วงว่า ผมวิจารณ์มากเกินไป ผมก็อยากให้ปลด จะได้วิจารณ์ได้มากขึ้น แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ปลด ซึ่งอาจจะปลดในเร็วๆ นี้ก็ได้ " นายสมิทธ กล่าว
ทั้งนี้โลกเราเปรียบเสมือนลูกข่างที่กำลังหมุนอยู่ ซึ่งอีกไม่กี่ร้อยปี หรือล้านปี ลูกข่างก็จะหมดแรงเฉื่อย และเมื่อถึงวันนั้นโลกจะล่มสลาย ซึ่งสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ในประเทศจีน และประเทศอียิปต์ ก็เป็นตัวที่เร่งเร้าให้โลกล่มสลาย เพราะทั้ง 2 เขื่อนเป็นการกักเก็บน้ำที่ควรจะไหลไปสู่เส้นศูนย์สูตรโลก แต่ก็มีการกักเก็บไว้แทน ซึ่งการสร้าง 2 เขื่อนนี้ ก็เปรียบเสมือนการนำดินน้ำมันไปติดไว้ที่ปลายลูกข่าง จะทำให้ล้มได้ง่ายมากขึ้น
ทั้งนี้สิ่งที่น่ากังวลคือ การระเบิดของภูเขาไฟใต้น้ำ ที่ไม่สามารถเห็นได้ เพราะจะทำให้เกิดภัยภิบัติ ที่นำไปสู่คลื่นสึนามิได้ แต่ขณะนี้มีการพบปรากฏการณ์ใหม่ การระเบิดของผิวดวงอาทิตย์ ในแต่ละครั้ง จะปลดปล่อยพลังงานมหาศาล มีผลกระทบต่อโลกอย่างมากโดยเฉพาะช่วงเวลาที่โลกโคจรผ่าน ก็จะมีผลกระทบต่อเปลือกโลก
โดยเหตุการณ์ที่น้ำท่วมหนักเมื่อปี 2554 ที่มีพายุนกเต็น เกิดขึ้นในภาคเหนือของไทยนั้น จากข้อมูลพบว่า ก่อนเกิดพายุ 3 วัน มีการระเบิดของลมสุริยะ ทำให้มีปริมาณฝนในพายุต่างๆ มีมากกว่าปกติ ทำให้ไม่สามารถคำนวณข้อมูลได้ถูกต้อง
ขณะที่ประเทศไทยมีรอยเลื่อนทั้งหมด 13 รอย อยู่ในภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ โดยเฉพาะรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ กับเจดีย์สามองค์ ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สร้างเขื่อนทับรอยเลื่อนนี้ ขณะเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเคยรับสั่งกับตนว่าประเทศไทยเคยเกิดภัยพิบัติสึนามิมาแล้ว เมื่อ 100 กว่าปีก่อน ในสมัยรัชกาลที่ 5 จนกระทั่งตนได้ค้นพบข้อมูลของประเทศเนเธอแลนด์ ก็พบข้อเท็จจริงว่า แผ่นดินไหวที่เกาะสุมาตรา เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2426 มีผู้เสียชีวิตกว่า 36,000 คน โดยเหตุครั้งนั้นมีคลื่นมาถึงฝั่งตะวันตกของไทยด้วย
" จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของผม ที่ได้ศึกษามา เชื่อได้ว่าจะเกิดสึนามิอีกแน่นอน เกิดได้จาก 2 จุด ที่จะกระทบฝั่งตะวันตกของไทยฝั่งอันดามัน ตั้งแต่ จ.ระนองถึงสตูล และฝั่งตะวันออก ด้านอ่าวไทย พื้นที่ปลอดภัยที่สุดของประเทศไทย จะอยู่ที่ภาคอีสาน เพราะนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยฮาเวิร์ด ก็ศึกษาพบว่า ในไม่กี่ปีข้างหน้า พื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม จะถูกน้ำท่วมถาวร หากจะไม่ให้ท่วมก็ต้องทำเขื่อน ผมจะเสนอรัฐบาลให้สร้างเขื่อนปิดอ่าวไทย ตั้งแต่ จ.ฉะเชิงเทรา ถึง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ไม่ให้น้ำทะเลเข้ามาภายในได้ บนเขื่อนก็ให้รถวิ่งได้ และค่าสร้างเขื่อนนี้ ก็เท่ากับการสร้างรถไฟฟ้า 1 สาย ผมจะทำเรื่องถึงรัฐบาลให้พิจารณา เพราะไม่เช่นนั้นรถไฟฟ้าที่กำลังสร้างกันอยู่หลายสาย ก็จะถูกน้ำท่วม ส่วนเรื่องน้ำที่ท่วมกรุงเทพฯ ปีที่แล้ว ไม่ใช่เรื่องธรรมชาติ ต้องโทษมนุษย์ ที่บริหารไม่เป็น ซึ่งการตั้งผมเป็น กยน. ก็มีการทักท้วงว่า ผมวิจารณ์มากเกินไป ผมก็อยากให้ปลด จะได้วิจารณ์ได้มากขึ้น แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ปลด ซึ่งอาจจะปลดในเร็วๆ นี้ก็ได้ " นายสมิทธ กล่าว