กาญจนบุรี - ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เหน็บนิ่มประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ขอบคุณ “ดร.สมิทธ” ที่เตือนให้ระวังรอยเลื่อนแผ่นดินไหวที่จะส่งผลกระทบต่อเขื่อนศรีนครินทร์-เขื่อนวชิราลงกรณ ย้ำคนเมืองกาญจน์มีความพร้อมรับทุกสถานการณ์
หลังจากที่ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวในเวทีเสวนา เรื่อง “การรับมือภัยพิบัติในอนาคต” โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งกล่าวเตือนให้ระวังรอยเลื่อนแผ่นดินไหวในพื้นที่กาญจนบุรี ว่า จะส่งผลกระทบต่อเขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ์ที่ตั้งอยู่แนวรอยเลื่อนพาดผ่าน
เมื่อเวลา 16.00 น.วันนี้ (5 ก.พ.) นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยถึงมาตรการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับกรณีภัยพิบัติจากเขื่อน ว่า ตนขอขอบคุณ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ที่ให้ข้อมูลเตือนภัยต่อกรณีรอยเลื่อนในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่งตนให้ความใส่ใจต่อเรื่องนี้มาตลอดเวลา และได้มีการประสานงานกับทาง กฟผ.ที่ดูแลเขื่อนวชิราลงกรณ์กับเขื่อนศรีนครินทร์ อย่างใกล้ชิด
ในส่วนของการดูแลบำรุงรักษานั้น ทาง กฟผ.มีการกำกับดูแลตรวจสอบเรื่องความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนอย่างเข้มงวด เพราะมีมาตรฐานในการปฏิบัติตามหลักสากล ในส่วนของการเตรียมความพร้อมรองรับในกรณีที่เกิดวิกฤตจากเขื่อนนั้นจากการศึกษาของนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญในด้านธรณีวิทยาหลายท่านทราบว่ามีแนวรอยเลื่อนแผ่นดินไหวพาดผ่าน จ.กาญจนบุรี ทั้งรอยเลื่อนแผ่นดินเจดีย์สามองค์ ที่พาดผ่านท้องที่ทองผาภูมิ ที่เป็นที่ตั้งของเขื่อนวชิราลงกรณ และรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ ที่พาดผ่าน อ.ศรีสวัสดิ์ ที่เป็นที่ตั้งของเขื่อนศรีนครินทร์
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวต่อว่า ตลอดเวลา 4 ปีที่ตนรับราชการที่ จ.กาญจนบุรี ตนได้รับทราบปัญหานี้มาตลอดเวลาและแม้จะเกิดสภาวะวิกฤตจริง การที่น้ำจะไหลบ่าลงสู่ที่ต่ำนั้นต้องใช้เวลาในการเดินทางมากพอสมควร อีกทั้งการที่เราได้ให้ความรู้แก่ประชาชนจนมีความพร้อมที่จะดำเนินการใดๆ ได้มากพอสมควร ตนเชื่อว่า การที่ จ.กาญจนบุรี ได้เตรียมความพร้อมและให้ความรู้แก่ชุมชนประชาชนในพื้นที่ต่างๆ โดยมีการดำเนินการตั้งแต่กำหนดแผนเผชิญเหตุและแผนปฏิบัติการในกรณีวิกฤตต่างๆ ซึ่งมีการนำไปฝึกซ้อมเพื่อเตรียมรับในทุกสถานการณ์ตามพื้นที่เสี่ยงภัย ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบข้อมูล รวมถึงหอเตือนภัยที่ติดตั้งสัญญาณเตือนภัยในชุมชนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการแล้ว
“ทั้งนี้ แม้ว่าอัตราการความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวในระดับ 7.5 ริกเตอร์ ที่บริเวณสันเขื่อนทั้งสองแห่งมีน้อยมาก แต่เราไม่ประมาท จึงได้ทำการให้ความรู้แก่ประชาชนและประกาศพื้นที่เสี่ยงภัยรวมถึงกำหนดพื้นที่ปลอดภัยให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบ จึงทำให้ประชาชนชาวกาญจนบุรี มีความรู้และสามารถดำรงชีวิตในพื้นที่ได้อย่างปกติสุข แต่ในกรณีนี้ก็ต้องขอบคุณในความหวังดี และอยากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนนักท่องเที่ยว ว่า จังหวัดกาญจนบุรี ยังถือว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและมีความปลอดภัยรวมถึงมีความพร้อมในการรองรับทุกสถานการณ์ได้อย่างปลอดภัย และพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีนั้นเหมาะสมสำหรับการลงทุนสำหรับนักธุรกิจที่จะมาลงทุนในอนาคตอีกด้วย” ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าว