นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการชุดที่ 2 ในคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้พิจารณาศึกษาเรื่องการเทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อความมั่นคงแห่งรัฐ โดยมีผู้แทนกระทรวงมหาดไทย มาชี้แจง และให้ข้อมูล ระบุว่า ขณะนี้มีกลุ่มบุคคลเคลื่อนไหวอันมีลักษณะเป็นการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ในพื้นที่จังหวัดต่างๆ 9 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา นครสวรรค์ อุดรธานี หนองบัวลำภู เลย สงขลา และกรุงเทพมหานคร ซึ่งกลไกของกระทรวงมหาดไทยได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมดังกล่าวอยู่ตลอดเวลา
ด้านตัวแทนสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) ให้ข้อมูลว่า การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ มีหลายรูปแบบ อาทิ การล้มล้าง การล่วงละเมิดจาบจ้วงในรูปแบบต่างๆ การแสวงหาผลประโยชน์จากสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือการทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ เป็นต้น ทั้งนี้ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ติดตามข้อมูลพบว่า กลุ่มที่เคลื่อนไหวในลักษณะล้มล้าง มีจำนวนต่ำกว่าหลักร้อย โดยส่วนใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ในต่างประเทศ ส่วนปัญหาการล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่มีมากในระยะหลัง เป็นผลมาจากพัฒนาการของระบบเทคโนโลยีสื่อสารก้าวหน้ามากขึ้น ทำให้ข่าวสารที่มีลักษณะจาบจ้วงแพร่หลายได้กว้างขวางขึ้น
ขณะที่ตัวแทนคณะกรรมการกำหนดนโยบายการป้องกัน และปราบปรามการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ผิดกฎหมาย หรือไม่เหมาะสมผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่มีศูนย์ปฏิบัติการอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พยายามติดตามการล่วงละเมิดผ่านเว็บไซต์ และเครือข่ายโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดำเนินคดีเมื่อมีการกระทำผิดกฎหมาย รวมทั้งประสานงานกับหน่วยงานในต่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อสกัดกั้นอีกทางหนึ่ง
นายอภิชาต กล่าวว่า คณะอนุกรรมาธิการฯ จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเทิดทูน และปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์มาให้ข้อมูลอีกหลายหน่วยงาน อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ กอ.รมน. และองค์กรด้านสื่อสารมวลชน เป็นต้น
ด้านตัวแทนสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) ให้ข้อมูลว่า การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ มีหลายรูปแบบ อาทิ การล้มล้าง การล่วงละเมิดจาบจ้วงในรูปแบบต่างๆ การแสวงหาผลประโยชน์จากสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือการทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ เป็นต้น ทั้งนี้ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ติดตามข้อมูลพบว่า กลุ่มที่เคลื่อนไหวในลักษณะล้มล้าง มีจำนวนต่ำกว่าหลักร้อย โดยส่วนใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ในต่างประเทศ ส่วนปัญหาการล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่มีมากในระยะหลัง เป็นผลมาจากพัฒนาการของระบบเทคโนโลยีสื่อสารก้าวหน้ามากขึ้น ทำให้ข่าวสารที่มีลักษณะจาบจ้วงแพร่หลายได้กว้างขวางขึ้น
ขณะที่ตัวแทนคณะกรรมการกำหนดนโยบายการป้องกัน และปราบปรามการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ผิดกฎหมาย หรือไม่เหมาะสมผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่มีศูนย์ปฏิบัติการอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พยายามติดตามการล่วงละเมิดผ่านเว็บไซต์ และเครือข่ายโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดำเนินคดีเมื่อมีการกระทำผิดกฎหมาย รวมทั้งประสานงานกับหน่วยงานในต่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อสกัดกั้นอีกทางหนึ่ง
นายอภิชาต กล่าวว่า คณะอนุกรรมาธิการฯ จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเทิดทูน และปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์มาให้ข้อมูลอีกหลายหน่วยงาน อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ กอ.รมน. และองค์กรด้านสื่อสารมวลชน เป็นต้น