กมธ.มั่นคงสภาฯ ถกป้องกันยาเสพติด ศธ.ยันแบ่งเด็กออกเป็นหลายหลุ่มให้ดูแลง่ายในการแก้ปัญหา พร้อมนำกลุ่มเสี่ยงอบรมเปลี่ยนพฤติกรรม ด้านอธิบดีกรมคุมประพฤติชี้การปราบต้องควบคู่การรักษา แนะส่งเสริมงานเกษตร ใช้บ้าน วัด โรงเรียนสอดส่อง
วันนี้ (8 ก.พ.) ที่รัฐสภา การประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทยเป็นประธาน จัดประชุมเพื่อหารือแนวทางการป้องกันปัญหายาเสพติดที่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงครั้งที่ 13 โดยมีวาระการพิจารณาเรื่องปัญหายาเสพติดที่เป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคง โดยได้เชิญ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ต.อ.โภคพิบูลย์ โปตระนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ และนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเข้าชี้แจง
โดย นายชาญชัย ช่วยโพธิ์กลาง ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการพิเศษ กระทรวงศึกษาธิการ ที่มาชี้แจงแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลกำหนดให้การป้องกันปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด กระทรวงศึกษาธิการมีการดำเนินการตามนโยบายแบบเชิงรุก โดยได้คัดแยกเด็กออกเป็นกลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยง กลุ่มเสพ กลุ่มติด และกลุ่มค้า เพื่อให้ง่ายต่อการดูแล เมื่อคัดกรองเด็กออกเป็นกลุ่มแล้ว จะนำเด็กที่อยู่ในกลุ่มต่างๆ มาแก้ไข โดยกลุ่มเสี่ยงจะนำไปเข้าข่ายอบรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ขณะที่กลุ่มเสพและกลุ่มติดจะนำไปบำบัดรักษาเมื่อผ่านการบำบัดแล้วก็จะนำเด็กกลับมาเรียนต่อจนจบ รวมถึงกลุ่มค้าก็จะเรียกเข้ามาพูดคุย หากยังไม่หยุดค้าก็จำเป็นต้องส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.โภคพิบูลย์กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดนั้นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนโดยเห็นด้วยกับแผนยุทธศาสตร์ของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งการปราบปรามยาเสพติดจะต้องทำควบคู่กันไปกับการนำผู้ติดยามาบำบัดรักษา ส่วนการแก้ไขปัญหาจะต้องมีการบูรณาการทำงานร่วมกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยหลักที่จะนำมาใช้ คือ บ้าน วัด โรงเรียน เป็นตัวกลาง ที่คอยสอดส่องดูแล และส่งเสริมวิชาชีพด้านเกษตรกรรมให้แก่ผู้ติดยาเสพติด รวมทั้งการเผยแพร่แนวคิดว่าผู้เสพยาเสพติดคือผู้ป่วย
วันนี้ (8 ก.พ.) ที่รัฐสภา การประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทยเป็นประธาน จัดประชุมเพื่อหารือแนวทางการป้องกันปัญหายาเสพติดที่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงครั้งที่ 13 โดยมีวาระการพิจารณาเรื่องปัญหายาเสพติดที่เป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคง โดยได้เชิญ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ต.อ.โภคพิบูลย์ โปตระนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ และนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเข้าชี้แจง
โดย นายชาญชัย ช่วยโพธิ์กลาง ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการพิเศษ กระทรวงศึกษาธิการ ที่มาชี้แจงแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลกำหนดให้การป้องกันปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด กระทรวงศึกษาธิการมีการดำเนินการตามนโยบายแบบเชิงรุก โดยได้คัดแยกเด็กออกเป็นกลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยง กลุ่มเสพ กลุ่มติด และกลุ่มค้า เพื่อให้ง่ายต่อการดูแล เมื่อคัดกรองเด็กออกเป็นกลุ่มแล้ว จะนำเด็กที่อยู่ในกลุ่มต่างๆ มาแก้ไข โดยกลุ่มเสี่ยงจะนำไปเข้าข่ายอบรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ขณะที่กลุ่มเสพและกลุ่มติดจะนำไปบำบัดรักษาเมื่อผ่านการบำบัดแล้วก็จะนำเด็กกลับมาเรียนต่อจนจบ รวมถึงกลุ่มค้าก็จะเรียกเข้ามาพูดคุย หากยังไม่หยุดค้าก็จำเป็นต้องส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.โภคพิบูลย์กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดนั้นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนโดยเห็นด้วยกับแผนยุทธศาสตร์ของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งการปราบปรามยาเสพติดจะต้องทำควบคู่กันไปกับการนำผู้ติดยามาบำบัดรักษา ส่วนการแก้ไขปัญหาจะต้องมีการบูรณาการทำงานร่วมกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยหลักที่จะนำมาใช้ คือ บ้าน วัด โรงเรียน เป็นตัวกลาง ที่คอยสอดส่องดูแล และส่งเสริมวิชาชีพด้านเกษตรกรรมให้แก่ผู้ติดยาเสพติด รวมทั้งการเผยแพร่แนวคิดว่าผู้เสพยาเสพติดคือผู้ป่วย